อวี่ฝูยืนอ้าริมฝีปากสีแดงเรื่อค้างอยู่ในห้องครัวของเถ้าแก่ปู้ ใบหน้าของนางดูตกใจเป็นอย่างมาก

ว่ากันว่าห้องครัวของเถ้าแก่ปูนั้นถือเป็นสถานที่แสนลึกลับที่ไม่เคยมีใครได้ย่างกรายเข้ามาก่อน จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยมีใครได้เข้ามาในนี้ นางไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้มาเหยียบห้องครัวของที่นี่…ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้!

อวี่ฝูโบกสะบัดหางพลางเลื้อยตามปู้ฟางไป

พอผ่านประตูครัว บรรยากาศก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ภายในบริเวณร้านสร้างความรู้สึกที่ทำให้คนที่อยู่ภายในผ่อนคลายดื่มด่ำกับชีวิต แต่ภายในครัวนั้นดูสะอาดสะอ้านเป็นมืออาชีพ ทันทีที่เหยียบเข้าไป นางก็เจอหุ่นเชิดตัวอ้วนกลม ดวงตาของมันเป็นสีแดงและมองนางตั้งแต่ศีรษะจดปลายหางหนึ่งครั้ง ทำให้นางขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว

หุ่นเชิดนี้จะเป็นตัวเดียวกับที่บิดาของนางเคยเล่าให้ฟังหรือไม่นะ ดูเหมือนว่าหน้าตาของมันจะไม่น่ากลัวเหมือนที่คนอื่นว่าเอาไว้แม้แต่น้อย พุงใหญ่อ้วนกลมทำให้มันดูน่ารักน่ากอดเลยทีเดียว

ปู้ฟางเดินไปข้างหน้าเจ้าขาวพลางลูบพุงของมัน ก่อนเอ่ยแนะนำให้อวี่ฝูที่อยู่ด้านหลังรู้จัก “นี่คือเจ้าขาว เป็นหุ่นยนต์ผู้ช่วย เจ้าจะมองว่าเป็นหุ่นเชิดกลผู้ช่วยของข้าก็ได้ หลังจากที่ทำอาหารเสร็จ เราจะนำของเหลือไปใส่ในตัวเจ้าขาวเพื่อทำลาย”

อวี่ฝูยืดตัวตรงพลางประสานมือเข้าด้วยกัน นางโค้งคำนับเจ้าขาวเพื่อทักทาย

ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสง มันยกมือใหญ่เหมือนใบบัวขึ้นเกาหัวโล้นแกรกๆ

ปู้ฟางนำอวี่ฝูเดินผ่านเจ้าขาวเข้าไปยังบริเวณโต๊ะทำอาหาร โต๊ะของเขาทำมาจากวัสดุที่ดูหรูหราราคาแพง ดูเหมือนกระเบื้องชนิดหนึ่งแต่มันเงากว่ามาก

บนโต๊ะทำอาหารมีอุปกรณ์ทำครัวมากมายวางเรียงอยู่ เป็นอุปกรณ์ทุกอย่างที่สรรหามาได้ในโลกนี้ ทำให้โต๊ะนี้ดูสมบูรณ์เป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง เขียงของเขาทำมาจากไม้ที่ดูไม่ธรรมดา เขียงนั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยออกมา อวี่ฝูมองทุกอย่างตรงหน้าด้วยดวงตาสงสัยใคร่รู้

การตกแต่งในห้องครัวนั้นแตกต่างจากบริเวณอื่นของร้านอย่างสิ้นเชิง ห้องครัวตกแต่งอย่างทันสมัย บนผนังไม่มีสิ่งใดที่เกินความจำเป็นเมื่อเทียบกับในร้าน รอบห้องเต็มไปด้วยตู้ใส่ของมากมาย ตู้ทั้งหมดทำจากไม้และวัสดุบางอย่างที่อวี่ฝูไม่รู้ว่าคืออะไร

วัสดุนั้นเย็นเมื่อสัมผัส นอกจากนี้ภายในยังส่องแสงสว่างออกมาด้วย

“นี่เรียกว่าตู้เย็น เอาไว้เก็บอาหาร ทำให้อาหารสดใหม่เสมอ” ปู้ฟางเอ่ยแนะนำอย่างไร้อารมณ์ เขาเปิดประตูตู้เย็นออก ทันใดนั้นลมเย็นก็โชยออกมาจากภายใน ทำให้อวี่ฝูตัวสั่นขึ้นมา

“นี่เรียกว่าเตาอบ สามารถนำอาหารหลายชนิดเข้าไปอบได้ เจ้านี่ทำอาหารอร่อยได้มากมายหลายชนิด”

ปู้ฟางเปิดฝาเตาอบ ภายในเตาอบไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย ลมเย็นพวยพุ่งออกมาจากภายในเช่นกัน

เครื่องดูดควัน เครื่องบด เตาอุ่นร้อน และอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นสิ่งที่อวี่ฝูไม่เคยรู้จักหรือเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ แม้นางจะไม่เข้าใจว่าแต่ละสิ่งเอาไว้ใช้ทำอะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเป็นมืออาชีพจากอุปกรณ์เหล่านี้

นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้ซึ้งว่าการพิชิตทักษะการทำอาหารนั้นไม่ได้เรียบง่ายตรงไปตรงมาอย่างที่เคยคิด ความจริงแล้วยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่นางต้องหาความรู้และทำความเข้าใจ

“นี่คือที่เก็บมีด มีมีดที่เอาไว้ใช้หั่นผักอยู่หลายชนิด เลือกเล่มที่เจ้าจับแล้วรู้สึกถนัดมือมากที่สุดออกมา” ปู้ฟางชี้ไปที่ที่เก็บมีดเหนือโต๊ะทำอาหาร

อวี่ฝูมองที่เก็บมีดด้วยความสนใจใคร่รู้ นางเห็นมีดสีดำสนิทที่ทั้งใหญ่และหนาเล่มหนึ่ง แล้วก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เห็นทันที

“นี่มัน…นี่ก็เป็นมีดทำครัวด้วยหรือ เหตุใดจึงอันเบอเริ่มเทิ่มหนักอึ้งเช่นนี้”

ปู้ฟางยกมุมปากขึ้นยิ้ม จากนั้นก็กำด้ามมีดนั้นเอาไว้แล้วยกมันขึ้นมาอย่างง่ายดาย

มีดนี้หนักเป็นพิเศษ เป็นเล่มเดียวกับที่เขาใช้ฝึกทักษะการใช้มีด เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะหยิบมีดเล่มนี้ขึ้นมาโบกไปมาตามใจชอบได้

อวี่ฝูพยายามยกมีดเล่มนี้ขึ้นมา แต่แม้จะพยายามเสียจนข้อมือเริ่มเจ็บ นางก็ยังยกไม่ได้

“นี่เป็นมีดที่ข้าใช้ฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลัก เจ้าควรเลือกเล่มอื่นแทน” ชายหนุ่มเอ่ย

อวี่ฝูมองปู้ฟางด้วยความสงสัย “คนที่มีทักษะยอดเยี่ยมหาตัวจับยากเช่นเถ้าแก่ปู้ ยังต้องฝึกอยู่อีกหรือ”

“การฝึกทักษะการทำอาหารนั้นไม่มีที่สิ้นสุด หากเจ้าอยากเป็นแม่ครัวฝีมือฉมัง เจ้าก็ต้องฝึกทุกวัน หากทำเช่นนั้น หัวใจของเจ้าจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทักษะการทำอาหาร เพื่อให้สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในอาหารทุกจานที่เจ้าทำ ในเมื่อเจ้าอยากมาเป็นแม่ครัวฝึกหัดที่ร้านข้า เจ้าก็ต้องฝึกซ้อมทักษะการใช้มีดและการแกะสลักที่ข้าฝึกเป็นประจำทุกวันด้วยเช่นกัน” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ความสามารถในการทำอาหารของปู้ฟางนั้นยอดเยี่ยม กระนั้นเขาก็ยังยืนกรานเป็นกระต่ายไม่รู้ล้มอยู่ดีว่า หากไม่ใช่เพราะการฝึกหนักทุกวัน ความสามารถของเขาคงไม่ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นนี้

อวี่ฝูถอนหายใจ จากนั้นนางก็หยิบมีดทำครัวหลายเล่มขึ้นมาลองถือดู สุดท้ายก็เลือกเอามีดขนาดเท่าฝ่ามือของปู้ฟางออกมาเล่มหนึ่ง น้ำหนักของมันจัดว่าพอดีมือดูเหมาะกับอวี่ฝูเป็นอย่างมาก

ปู้ฟางพยักหน้าจากนั้นก็นำไข่พิราบพายุอัสนีออกมาจากตู้เก็บของ นี่เป็นวัตถุดิบที่ระบบจัดหามาให้สำหรับการทำข้าวผัดไข่สูตรของร้าน

“ขั้นแรกข้าจะสอนเจ้าดูวัตถุดิบก่อน นี่เป็นไข่ของอสูรเวทระดับสาม พิราบพายุอัสนี ในนี้มีพลังปราณอยู่มากเลยทีเดียว” ปู้ฟางเอ่ย จากนั้นเขาก็หยิบชามกระเบื้องออกมาพลางตอกไข่ที่ขอบชามเบาๆ ให้ไข่แดงและไข่ขาวไหลลงในชาม ภายในไข่แดงมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปมาเล็กน้อย

“หากเจ้าอยากทำข้าวผัดไข่ให้อร่อย เจ้าจะต้องควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ในดี อีกทั้งยังต้องควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ในวัตถุดิบไม่ให้ระเหยออกไปด้วย นี่คือจุดสำคัญที่จะทำให้อาหารจานนี้ออกมาอร่อย”

ปู้ฟางเรียกพลังปราณเที่ยงแท้ในกายออกมาแล้วเปลี่ยนให้มันกลายเป็นตะเกียบ จากนั้นก็ใช้ตะเกียบตีไข่อย่างเบามือ

“เจ้ารู้วิธีควบคุมพลังปราณในวัตถุดิบหรือไม่” ปู้ฟางมองอวี่ฝูด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง

อวี่ฝูส่ายหน้า ดูจับต้นชนปลายไม่ถูก นางจะไปรู้เรื่องลึกล้ำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน

“ต้องใช้จังหวะและใช้หัวใจของเจ้าในการสัมผัสมัน พลังปราณเที่ยงแท้คือกระแสพลังที่มีการไหลเวียนขึ้นลง หากเจ้าจับกระแสของการไหลเวียนนั้นได้ และสามารถควบคุมความเสถียรของมันระหว่างทำอาหาร เจ้าก็จะไม่ทำลายพลังปราณภายในวัตถุดิบ ซึ่งก็แปลว่ามันจะไม่สลายหายไป” ปู้ฟางอธิบาย จากนั้นเขาก็ขยับมืออย่างรวดเร็วเพื่อปรุงรสไข่พิราบพายุอัสนี

ปู้ฟางเรียกตะเกียบพลังปราณของตนเองกลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็ดึงไข่ให้กลายเป็นเส้นด้ายยาวหนึ่งเส้น

“ปัง!” พลังปราณในมือชายหนุ่มสลายหายไป จากนั้นเขาก็นั่งลงยองๆ แล้วหยิบเมล็ดข้าวสวยเหมือนไข่มุกที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณออกมาจากก้นตู้ ชายหนุ่มซาวข้าว นำไปใส่ซึ้งแล้วรอให้มันสุก

อวี่ฝูยืนอยู่ข้างหลังปู้ฟางอย่างว่านอนสอนง่าย พลางมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มตาไม่กะพริบ

“เจ้าต้องจำจุดที่ข้าหยิบวัตถุดิบแต่ละอย่างออกมาให้ได้ ในอนาคตเจ้าจะต้องหยิบวัตถุดิบเหล่านี้ออกมาเอง ต้องจำให้ขึ้นใจ” ชายหนุ่มเปิดเตาพลางหันไปบอกนาง

หัวใจของอวี่ฝูสั่นไหว หญิงสาวพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ใบหน้าดูน่ารักเหมือนเด็กน้อยที่กำลังตั้งใจเรียน

ฉ่า~!

ทันทีที่น้ำมันกระจายออก ปู้ฟางก็หยิบข้าวไข่มุกอ้วนกลมชุ่มฉ่ำออกจากซึ้งแล้วโยนใส่กระทะ เขายกกระทะขึ้นสะบัดเพื่อผัดข้าว ทำให้ไฟลุกโชนขึ้นสูง อวี่ฝูที่ยืนอยู่ด้านหลังตกใจจนส่ายหางงูไปมา

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

กลิ่นข้าวหอมลอยฟุ้งไปทั่วขณะถูกผัด มันลอยเข้าพันเกี่ยวกับจมูกของอวี่ฝู ทำให้นางแทบอดใจไว้ไม่ไหวขณะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด

“สิ่งสำคัญที่สุดที่เจ้าต้องใส่ใจเสมอในการทำข้าวผัดไข่คือระดับความร้อน หากเจ้าควบคุมมันไม่ได้ ข้าวผัดไข่ของเจ้าอย่างดีก็ทำได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น” ชายหนุ่มแจกแจงต่อ เขาไม่ได้พูดมาก แต่จะบอกข้อมูลสำคัญในช่วงที่ควรบอก เพื่อให้อวี่ฝูได้รับรู้ไว้

อวี่ฝูหยักหน้าหงึกหงัก นางพยายามจดจำทุกรายละเอียดอย่างขันแข็ง

ทันทีที่ปู้ฟางเทไข่ใส่กระทะ กลิ่นหอมของไข่ก็สาดขึ้นมา กลิ่นนั้นเข้มข้นเป็นอันมาก ทำให้รู้สึกราวกับร่างกายถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยไข่ เหมือนร่างทั้งร่างตกลงไปแหวกว่ายอยู่ในทะเลข้าวผัดไข่ก็ไม่ปาน

กลิ่นหอมของข้าวผสมผสานกับไข่ทำให้ใครก็ตามที่ได้สูดดมต้องรู้สึกอยากอาหาร จนถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความหิว

ปู้ฟางยืนหลังตรง มือถือที่จับกระทะ เขาผัดข้าวกับไข่ในกระทะอย่างรวดเร็วและชำนาญจนดูเป็นธรรมชาติ ดูพลิ้วไหวราวกับกำลังวาดภาพสวยงามจับตาอยู่

อวี่ฝูอดรู้สึกหลงใหลภาพที่นางเห็นตรงหน้าไม่ได้

ตั้งแต่การผสมวัตถุดิบในชาม เทลงกระทะ ไปจนถึงผัดบนไฟร้อนฉ่า ทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะเทข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วลงในชามกระเบื้องสีฟ้าขาว ไข่ที่ข้นเล็กน้อยห่อหุ้มเมล็ดข้าวไข่มุกเอาไว้จนหมด ทำให้ข้าวแต่ละเม็ดดูเงางาม ไอร้อนโชยกรุ่นออกจากชามมาพร้อมกลิ่นหอมน่ากินของไข่

อวี่ฝูแลบลิ้นเล็กน่ารักออกมาเลียริมฝีปากสีแดงเรื่อบอบบาง ในใจเต็มไปด้วยความตกใจ

นางอาจเป็นคนแรกที่ได้เห็นเถ้าแก่ปู้ทำข้าวผัดไข่กับตาตนเอง ข้าวผัดไข่ที่สวยงามเรืองรองเหมือนทองอร่าม ทำด้วยวิธีนี้เองสินะ

“เจ้าจำได้ทุกขั้นตอนหรือยัง หากเจ้าอยากเป็นศิษย์ข้า ก็ต้องทำใจว่าข้าคาดหวังในตัวเจ้าสูง เจ้ากินข้าวผัดไข่ชามนี้ก่อนก็ได้ หลังจากกินเสร็จ เจ้าถึงจะมีแรงทำงานต่อ” ปู้ฟางหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดน้ำออกจากมือแล้วหันไปพูดกับหญิงสาว

“หลังจากกินเสร็จแล้ว ข้าจะเตรียมวัตถุดิบทำข้าวผัดไข่ให้เจ้าสามส่วน จงใช้มันฝึกซ้อม หลังจากทำครบทั้งสามส่วน ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจขั้นตอนการทำข้าวผัดไข่มากขึ้นกว่าเดิม ในอนาคต จงจำเอาไว้ว่าข้าวผัดไข่ที่เจ้าทำจะขายที่ร้านในราคาหนึ่งผลึก ทุกครั้งที่ทำเสร็จ ข้าอยากให้เจ้าถามตนเองว่าอาหารของเจ้าควรค่าแก่ราคาหนึ่งผลึกนั้นหรือไม่”

ปู้ฟางรินน้ำอุ่นลงถ้วยจากนั้นก็ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ เขามองอวี่ฝูด้วยสายตาเนือยๆ แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องครัวไป พอชายหนุ่มไปถึงประตู เขาก็หันหลังกลับมาพูดต่อ “ห้องของเจ้าอยู่ที่ชั้นสอง เป็นห้องสำหรับแขก พอฝึกซ้อมเสร็จ เจ้าไปนอนพักผ่อนที่ห้องนั้นได้”

พอพูดจบชายหนุ่มก็เดินกลับห้องนอนของตนเองไปเพื่อเตรียมตัวพัก การสอนของเขา…เรียบง่ายไร้การปรุงแต่งโดยสิ้นเชิง อวี่ฝูจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวนางเองแล้ว

อวี่ฝูยืนทื่อมะลื่ออยู่ในห้องครัว มองไปที่ชามข้าวผัดไข่ซึ่งกำลังทอแสงสีทองสวย ดวงตาของนางมุ่งมั่นไม่สั่นคลอน

นางหยิบช้อนกระเบื้องสีฟ้าขาวออกมาตักข้าวผัดไข่เต็มช้อนแล้วเอาเข้าปาก อวี่ฝูสังเกตข้าวทุกเมล็ดเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับข้าวผัดไข่ของเถ้าแก่ปู้ให้ได้มากที่สุดทุกคำที่เคี้ยว