บทที่ 113 หม่ามี๊ หม่ามี๊กลัวแด๊ดดี้มากเลยใช่ไหม?

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ที่จริงแสนรักไม่ชอบกินเกี๊ยว
เขาเลือกกินตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านก็ใช้ชีวิตอย่างเลิศล้ำด้วย ดังนั้นของบางอย่างพอเขาชิมแล้วไม่ชอบ ก็จะไม่ทำให้เขากินอีก อาหารอย่างเกี๊ยวนี้ เป็นอาหารที่ตระกูลหิรัญชาตั้งใจเตรียมอาหารพวกนี้ให้ หลังจากที่เส้นหมี่ตามพ่อแม่ไปตระกูลหิรัญชา เพราะว่าพวกเขามาจากทางเหนือ
จากนั้นครั้งนั้น เส้นหมี่ก็จำได้อย่างดีเลยว่า นี่คือพี่ชายที่อายุมากกว่าเธอห้าปี แค่กินไปคำหนึ่ง เขาก็ไม่กินอีก
เขาบอกว่าไม่อร่อยเลย!
เส้นหมี่ละสายตาคู่นั้นลงไป ไม่ได้มองไปฝั่งตรงข้ามอีก แต่ตั้งใจป้อนข้าวให้ลูกสาว
จากนั้น ไม่กี่วินาทีถัดมา……
“แด๊ดดี้ อร่อยมากใช่ไหม?”
“พอได้……”
แสนรักที่กินเกี๊ยวอย่างไม่รีบร้อน และไม่ได้ปรากฏอาการเหมือนตอนเขาไม่กี่ขวบตอนนั้น ในทางตรงกันข้าม หลังจากเขารู้สึกถึงความรู้สึกของต่อมรับรสในปากแล้ว ก็พยักหน้าอย่างจริงใจ
เส้นหมี่ตะลึงงัน!
เธอไม่ได้มองผิดใช่ไหม?เขาบอกว่าพอได้?แต่ตอนนั้นเขากินแล้วก็ทิ้งเลยนี่
เส้นหมี่จ้องมองไปอย่างนั้น ไม่ได้ละสายตาออกอยู่นาน
อาจจะเพราะรู้สึกได้ ชายหนุ่มที่กำลังกินอยู่ตรงข้ามก็เงยตาขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้น นัยน์ตานิ่งเฉยคู่นั้นก็มองมา สบตาเข้ากับเส้นหมี่พอดี
เส้นหมี่:“……”
เกือบจะ ไม่ได้ตกใจจนตะเกียบในมือไม่ได้ตกลงไป!!
เธอบ้าแล้วหรือเปล่า?
ทำไมต้องเอาแต่จ้องมองเขา เธอประสาทหรือไง
หัวใจเส้นหมี่แทบจะทะลักออกมา รีบละสายตากลับไป เธอทำเป็นเติมซอสให้ลูก หลบสายตาของชายคนนี้
ยังดีก็คือ พอเธอละสายตาคืนกลับไป บริษัทก็โทรมากะทันหัน พอแสนรักกดรับ ก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร ถึงได้รีบขึ้นไปทันที
“หม่ามี๊ หม่ามี๊กำลังกลัวแด๊ดดี้ใช่ไหม?”
คิดไม่ถึงว่า พอแด๊ดดี้ไป หนูรินจังที่สมองทึ่มมาเสมอ จู่ๆจะโน้มตัวมา แล้วถามหม่ามี๊เบาๆ
เส้นหมี่ไม่ยอมรับแน่นอน!
เธอรีบยัดเกี๊ยวใส่ปากเด็กคนนี้ อุดปากเธอไว้:“เปล่าๆ รีบกินเร็ว กินอิ่มแล้วหม่ามี๊จะพาหนูไปอาบน้ำ”
ยัยเด็กนี่จึงไม่พูดอีก
กินอาหารเย็นเสร็จ เพราะว่าเส้นหมี่พักอยู่ต่อแล้ว คืนนี้ พวกเด็กๆเลยไม่ไปรบกวนแด๊ดดี้อีก พออาบน้ำกันเสร็จ ก็วิ่งมาที่ห้องของเส้นหมี่ ให้เธอเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
แน่นอนว่าเส้นหมี่เต็มใจ
ตอนที่เธอเลี้ยงคุณชายคิวกับรินจัง ตอนค่ำจะเล่านิทานให้พวกเขาฟังเสมอ จนพวกเขาชินแล้ว แล้วตอนนี้ก็มีลูกชายคนโตเพิ่มมาอีกคน
แน่นอนว่า พอเธอทำเรื่องนี้ ก็ยิ่งมีความสุข
ดังนั้นคืนนี้ พวกเด็กๆจึงหลับในห้องของหม่ามี๊ จากนั้นจึงให้คนใช้อย่างพี่ภาพาพวกเขาไปส่งคืนที่ห้องของตัวเอง
ค่ำคืนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
วันถัดมา
เส้นหมี่ตื่นเพราะเสียงเคาะประตู
“หม่ามี๊หม่ามี๊ หม่ามี๊ตื่นหรือยัง?หนูรินจังลูกรักเอง ฮือ~~~หม่ามี๊รีบตื่นสิ”
“……”
นี่เสียงร้องไห้!
เส้นหมี่ตื่นมาทันที จากนั้นลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วรีบมาเปิดประตู
เป็นรินจังจริงด้วย เช้าขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอสวมชุดนอนตัวเล็กสีชมพู ในมือกอดตุ๊กตากระต่ายหูยาวตัวหนึ่งไว้ กำลังร้องไห้หน้าประตูห้องของเส้นหมี่
เส้นหมี่ตกใจ รีบย่อตัวลงไปอุ้มเธอ:“ทำไมลูก?ลูกรัก ทำไมจู่ๆก็ร้องไห้ล่ะ?บอกหม่ามี๊มา เกิดอะไรขึ้น?”
เธอคิดว่า หรือเด็กคนนี้ไม่ชินที่อยู่แบบนั้น?
แต่พอเด็กสาวเข้าไปในอยู่ในอ้อมแขนของเธอ กลับพูดอย่างกระซิกว่า:“หม่ามี๊ รินจังก็ต้องไปโรงเรียนอนุบาล พวกพี่ๆไปกันหมด ก็……ก็ไม่ให้รินจังไป หม่ามี๊……”
พูดไม่ถึงสองประโยค ก็ร้องไห้จนพูดไม่รู้เรื่อง
โรงเรียนอนุบาล?
ใช่สิ ช่วงนี้เธออยู่แต่ในโรงพยาบาล ก็ลืมเรื่องนี้ไป เด็กสองคนนี้ยังเรียนโรงเรียนอนุบาลอยู่
ดังนั้นเธอถามอีกทันทีว่า:“ทำไมไม่ให้ลูกไปล่ะ?พวกลูกสองคนก็อยู่โรงเรียนอนุบาลเดียวกันไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่……ไม่ใช่ พอแด๊ดดี้พาพวกเรามา ก็ให้พี่ไปเรียนโรงเรียนอนุบาลของพี่ชินจังด้วย รินจังก็ไม่มีแล้ว หม่ามี๊ แด๊ดดี้……แด๊ดดี้ไม่ให้รินจังไป……”
เด็กสาวร้องไห้อย่างเสียใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคสุดท้าย แม้แต่ร่างเล็กๆนั้นก็สั่นในอ้อมแขนหม่ามี๊
เส้นหมี่ได้ยิน จึงเข้าใจทันที
ทันใดนั้น หัวใจก็เหมือนมีดกรีด ความเดือดดาลพุ่งออกมาจากอก!
แต่ พุ่งออกมาแล้วยังไงล่ะ?
ไปหาแด๊ดดี้เธอเหรอ?
ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าเธอเป็นลูกสาวของเขาเช่นกัน และก็ เธอก็ไม่อยากให้เขารู้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเธอยังจะมีเหตุผลอะไรไปหาเขาอีกล่ะ?
เส้นหมี่กอดลูกสาวตัวเองไว้แน่น พยายามปลอบเธอ:“งั้น……พวกเรากลับไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลก่อนหน้านี้ได้ไหม?”
“ไม่ ไม่เอา รินจังจะอยู่กับพี่ หม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่รักหนูใช่ไหม?เหมือนกับแด๊ดดี้ ไม่ต้องการรินจังแล้วเหรอ?”
เด็กสาวมองหม่ามี๊ทั้งน้ำตา ท่าทางเสียใจนั้น เห็นแล้วรู้สึกใจสลาย
ได้ วันนี้หม่ามี๊จะต้องให้หนูกับพวกพี่ๆไปโรงเรียนอนุบาลด้วยกันให้ได้!
ในที่สุดเส้นหมี่ก็ทุ่มสุดตัว ให้ลูกสาวรอเธอในห้องก่อน จากนั้นเธอก็เก็บของแบบง่ายๆ ออกไปจากห้องตรงไปที่ชั้นสาม