“ซั่งกวนฮ่าว นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อแทบจำไม่ได้ว่านานมากี่ปีแล้วที่ไม่ได้เรียกชื่อเขาอย่างเต็มยศเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะหลังจากจิงอิ๋งกำเนิดกระมัง แต่ยามนี้ในใจนางเต็มไปความขุ่นเคือง เหตุใดเขาจึงปล่อยให้ศิษย์ของอวี๋ฮวนและเจวี๋ยเอ๋อร์ข้องเกี่ยวกันอีก?
“เยวี่ยเอ้อ คนตายนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าคงไม่ถึงกับคิดเล็กคิดน้อยกับคนที่ไม่อยู่แล้วหรอกกระมัง!” ในใจของซั่งกวนฮ่าวนั้นมีความโศกเศร้าที่พูดไม่ออกอยู่บ้าง หลายปีมานี้เขาไม่ได้สืบข่าวของนาง แต่ก็คาดหวังมาโดยตลอดว่านางจะสามารถมีชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ที่ไหนสักแห่งได้ คาดไม่ถึงว่าในยามที่ได้ยินถึงข่าวคราวของนางจริงๆ กลับเป็นข่าวการตายของนาง นี่จึงทำให้เขารับไม่ได้ไปชั่วขณะ
“ข้าคิดเล็กคิดน้อย?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขึ้นเสียงสูง นางไม่อาจคิดเล็กคิดน้อยได้หรือ? ผู้หญิงคนนั้นคืออวี๋ฮวน เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใจของซั่งกวนฮ่าว ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมในใจของใครหลายคน…ในทางกลับกัน นางนั้นมีความสุขที่สุด แต่พี่สะใภ้ใหญ่ของนาง พี่สะใภ้ตระกูลมู่หรง ทั้งพี่สะใภ้ใหญ่ตระกูลทั่วป๋าที่ฝีปากคมผู้นั้น ต่างก็เคยถูกสามีของพวกนางใช้สายตาที่จ้องจับผิดมาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะอวี๋ฮวนที่ก่อปัญหา นางจำได้อย่างแม่นยำ ในปีนั้นยามที่อวี๋ฮวนยังไม่หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่านางจะแสดงท่าทีเย็นชาต่อคนพวกนี้อย่างไร มักจะหลบหน้าหลบตา แต่คนส่วนมากต่างก็ได้รับความห่างเหินจากสามีโดยมีนางเป็นต้นเหตุ ดังนั้นยามที่พวกฮูหยินเอ่ยถึงนางขึ้นมาก็ล้วนแต่ชิงชังเป็นอย่างมาก แล้วจะให้ตนเองอดทนอดกลั้นต่อนางได้หรือ?
“หากไม่ใช่คิดเล็กคิดน้อยแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?” ซั่งกวนฮ่าวมองภรรยา ยิ้มขมขื่น “อวี๋ฮวนสำหรับข้าแล้ว แต่ไหนแต่ไรก็เป็นสหายคนหนึ่งเท่านั้น ก็เหมือนกับพี่ใหญ่เจิ้นหลงของเจ้า พี่ฉวีกุย พวกเราล้วนแต่เป็นสหายทั้งสิ้น เป็นสหายที่สามารถพูดคุยเรื่องทุกอย่างด้วยกันได้ ศิษย์ของนางก็คือลูกหลานของพวกเรา พวกเราควรจะดีกับนางหน่อยจึงจะถูก!”
“แม้ว่านางจะมีเจตนาไม่ดีต่อเจวี๋ยเอ๋อร์ก็ตามอย่างนั้นหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองซั่งกวนฮ่าวอย่างเรียบเย็น นางรู้ว่าแม้ซั่งกวนฮ่าวจะไม่เคยลืมความดีของผู้หญิงคนนั้นมาโดยตลอด แต่ก็ยังคงแสดงความรู้สึกลึกซึ้งและจริงใจให้ตนเอง ทำเรื่องทั้งหมดอย่างที่สามีควรจะทำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง กระนั้นในใจนางก็ยังคงมีความขุ่นเคือง…หากไม่มีผู้หญิงคนนั้น ซั่งกวนฮ่าวจะทำดีต่อนางมากกว่านี้หรือเปล่า? ทั้งอาจจะไม่มีพวกอนุภรรยาหนิง ทำให้นางต้องถูกปฏิบัติอย่างเย็นชามาหลายปีเช่นนี้?
“เยวี่ยเอ้อ หากนางและเจวี๋ยเอ๋อร์มีเรื่องอะไร เจวี๋ยเอ๋อร์ก็ย่อมจัดการ เจ้ายิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ” ซั่งกวนฮ่าวเชื่อว่าลูกชายย่อมไม่ทำเรื่องที่น่าผิดหวังอยู่แล้ว บทเรียนรุ่นก่อนของตระกูลซั่งกวนก็วางให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่เข้าใจความแค้นที่ข้องเกี่ยวอยู่ภายใน แต่ซั่งกวนเจวี๋ยกระจ่างใจดี เขาย่อมไม่อาจทำความผิดซ้ำรอยเดิมได้
“นั่นไม่ได้!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อนึกถึงโม่จิ้งและอวี๋ฮวนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา ทางที่ดีผู้หญิงคนนั้นอย่าได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้านางชั่วชีวิตจึงจะดีที่สุด
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร?” ซั่งกวนฮ่าวรู้ว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อในยามนี้ย่อมอยู่ในสภาวะที่ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง จะใช้เหตุผลอะไรมาคุยกับนางก็ล้วนเป็นเรื่องผิดไปหมด
“ข้าอยากให้นางหายไปจากชีวิตข้า อย่าให้ข้าได้เห็นหน้านางอีกตลอดกาล!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อแผดเสียง “เมื่อครู่ข้าเพิ่งพูดไป ข้ายอมให้ชั่วชีวิตของเจวี๋ยเอ๋อร์มีเพียงมี่เอ๋อร์อยู่ข้างกาย มีเพียงหมิงเอ๋อร์เป็นลูกคนเดียว ดีกว่าจะปล่อยให้เจวี๋ยและผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกัน”
ซั่งกวนฮ่าวคิดว่าภรรยาที่อยู่ตรงหน้าให้ความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกตาในเวลาเดียวกัน นางเคยมีช่วงเวลาหนึ่งที่แผดเสียงร้องเช่นนี้ แผดเสียงร้องทำให้เขาจำต้องหลีกทาง แผดเสียงร้องให้เขาได้รับความทุกข์ทน หรือนางที่เป็นเช่นนั้นจะกลับมาอีกครั้งแล้ว?
“หากนางไม่หายไปเล่า?” ซั่งกวนฮ่าวมองภรรยาด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง นางเกลียดชังอวี๋ฮวนถึงขนาดนี้เชียวหรือ? เกลียดชังถึงขั้นที่นางไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่ยอมจะเห็นคนที่เกี่ยวข้องกับนางมาปรากฏตัว?
“อย่ามากดดันข้า!” คำพูดของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทำให้ซั่งกวนฮ่าวยิ่งรู้สึกผิดหวัง นี่คือการกดดันของนางอย่างนั้นหรือ?
“ข้าไม่อาจปล่อยให้ใครหน้าไหนมาสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของมี่เอ๋อร์และเจวี๋ยเอ๋อร์ได้หรอก ข้ารับปากน้องฉิงแล้ว จะต้องปฏิบัติกับมี่เอ๋อร์ให้เหมือนเป็นลูกของตัวเอง!” มองเห็นแววตาที่ผิดหวังของซั่งกวนฮ่าว หวงฝู่เยวี่ยเอ้อนั้นก็ได้รู้ว่าตัวเองกล่าวผิดไป รีบดึงเยี่ยนมี่เอ๋อร์ออกมาเป็นเกราะกำบังทันที “หรือเจ้ายินดีที่จะเห็นชีวิตที่มีความสุขของมี่เอ๋อร์และเจวี๋ยเอ๋อร์ถูกคนอื่นเข้ามาทำลายและแทรกแซง? หรือเจ้าอยากเห็นโศกนาฏกรรมปีนั้นของพวกฮูหยินใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง? เจ้าลืมความเอาใจใส่ของมี่เอ๋อร์ไปแล้วหรือ ลืมว่าหมิงเอ๋อร์น่ารักถึงขนาดไหนไปแล้วหรือ?”
“เจ้าคิดเพื่อมี่เอ๋อร์และเจวี๋ยเอ๋อร์จริงๆ อย่างนั้นหรือ?” ซั่งกวนฮ่าวสั่นศีรษะมองหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมายี่สิบกว่าปี เขาจะไม่รู้ได้หรือว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“แน่นอน!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อตอบอย่างมั่นใจ แต่แววตาที่หลุกหลิกของนางก็ทำให้ซั่งกวนฮ่าวรู้ว่านางร้อนตัวและไม่แน่ใจขนาดไหน
“หากเจ้าคิดทำเพื่อเจวี๋ยเอ๋อร์และมี่เอ๋อร์ ข้าแนะนำเจ้าว่า ทางที่ดีปล่อยมันไปตามธรรมชาติดีกว่า อย่าได้แสดงท่าทีต่อต้านถึงเพียงนั้น” ซั่งกวนฮ่าวมองหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างเรียบนิ่ง “นิสัยของเจวี๋ยเอ๋อร์เจ้าควรจะกระจ่างใจดี แต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นคนที่ชอบให้ใช้ไม้อ่อน หากเจ้าใช้ท่าทีแข็งกร้าวเกินไป เป็นไปได้ว่าเขาจะต่อต้านแล้วใกล้ชิดกับโม่จิ้งมากกว่าเดิม หากเจ้าไม่พูดอะไร ทั้งไม่เข้าไปแทรกแซง เขาก็จะกระจ่างใจถึงฐานะและความรับผิดชอบของตัวเอง ไม่อาจสร้างความลำบากหรือทำให้มี่เอ๋อร์เสียใจได้”
“สิ่งที่ข้ากังวลคือผู้หญิงคนนั้น!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อถลึงตามองซั่งกวนฮ่าว “เจวี๋ยเอ๋อร์นั้นเป็นคนแบบไหนข้าเข้าใจดี แต่ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ตามตอแยเจวี๋ยเอ๋อร์ ข้ากังวลว่าเจวี๋ยเอ๋อร์จะเผลอตกหลุมพรางของนางอย่างไม่ทันระวัง ถึงเวลานั้นเกรงว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่บีบให้เจวี๋ยเอ๋อร์เป็นคนรับผิดชอบกระมัง”
“ศิษย์ของอวี๋ฮวนไม่อาจจะวางแผนกับคนที่ตนรักเพียงฝ่ายเดียวได้อยู่แล้ว” ซั่งกวนฮ่าวกล่าวอย่างกระจ่างใจดี อวี๋ฮวนหนักแน่นต่อความรู้สึกมาก หากไม่ใช่เพราะความหนักแน่นเช่นนั้นของนาง นางก็คงไม่ได้รับการนับถืออย่างจริงใจจากผู้คนหรอก
“เจ้าเชื่อนางถึงเพียงนั้น?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกลับไม่ยอมเชื่อแม้แต่น้อย แต่นางรู้ว่าเรื่องนี้ซั่งกวนฮ่าวย่อมไม่อาจยอมถอยให้เหมือนอย่างที่ผ่านมา กระนั้นนางก็ไม่อาจนิ่งเฉย ปล่อยให้เรื่องดำเนินต่อไปเช่นนี้ได้
“ใช่!” ซั่งกวนฮ่าวมีความเชื่อมั่นต่ออวี๋ฮวนเป็นอย่างมาก นางไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป นางไม่ใช่ประเภทที่ลืมความเป็นตัวเองไปเพราะเรื่องความรัก ปีนั้นนางยอมที่จะตายไปพร้อมกับคนที่นางรักทั้งหมด ดีกว่าต้องมาเห็นคนที่นางรักทั้งหมดกระทำความชั่วอย่างไม่เกรงกลัวอันใด ความรู้สึกของนางนั้นลึกล้ำ แต่ย่อมไม่อาจสูญเสียความยับยั้งชั่งใจไปได้แน่
“ก็ได้!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้ว่าตัวเองไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ แต่ว่านางสามารถให้คนอื่นมาเปลี่ยนแปลงเรื่องทั้งหมดแทนได้
“เยวี่ยเอ้อ ข้าหวังว่าเรื่องที่โม่จิ้งเป็นศิษย์ของอวี๋ฮวนจะไม่รู้ไปถึงหูคนอื่น เจ้าคงไม่อยากเห็นครอบครัวคนอื่นวุ่นวายไปด้วยหรอกกระมัง!” ซั่งกวนฮ่าวนับว่ามองภรรยาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รู้ว่านางคงไม่สงบเสงี่ยม ทั้งรู้ว่านางคิดจะเดินหมากแบบไหน ดังนั้นจึงได้กล่าวเตือนไว้ล่วงหน้า
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมีโทสะขึ้นมาทันที แทบจะกระโดดขึ้นมารอมร่อ กล่าวอย่างดุดัน “ซั่งกวนฮ่าว นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“เจ้าควรจะเข้าใจความหมายของข้ามากที่สุด!” ซั่งกวนฮ่าวมองภรรยาอย่างเรียบเย็น “หากพวกเขาทราบข่าวการตายของอวี๋ฮวน ย่อมจะตามมาไหลหยางเพื่อดูศิษย์ของอวี๋ฮวนเป็นแน่ เวลานั้นเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องที่แปลกๆ กับโม่จิ้ง ข้าไม่อยากให้เจ้าสร้างความลำบากใจให้โม่จิ้ง แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่อยากให้ใครมาสร้างความลำบากใจให้มี่เอ๋อร์โดยที่ใช้โม่จิ้งเป็นสาเหตุ และไม่อยากให้เมื่อถึงท้ายที่สุด มี่เอ๋อร์จะเป็นคนลำบากใจที่ติดอยู่ตรงกลาง”
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่สนใจซั่งกวนฮ่าว หมุนกายก็เดินจากไป นางรู้ว่าซั่งกวนฮ่าวหมายความว่าอย่างไร เอาเถิด นางจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับสะใภ้ของแต่ละตระกูล แต่ซั่งกวนฮ่าวย่อมต้องไม่รู้ ตระกูลมู่หรงมีเด็กโง่คนหนึ่งที่มีความรู้สึกไม่ธรรมดากับโม่จิ้งผู้นี้ ทำให้เขารู้ก็พอแล้ว!
ซั่งกวนฮ่าวมองแผ่นหลังของภรรยา ก่อนจะถอนหายใจ ไม่ได้เหมือนวันปกติที่จะรีบตามไปปลอบใจนาง เขาในยามนี้ก็ต้องการคนให้ปลอบใจเช่นกัน
“ท่านพ่อ!” หลังจากซั่งกวนเจวี๋ยพูดคุยกับมี่เอ๋อร์แล้วก็ตามเข้ามา แต่ก็ตั้งใจหลีกเลี่ยงฉากทะเลาะของทั้งสองคน เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดมารดาจึงได้มีอคติกับอวี๋ฮวนถึงขนาดนั้น
“คุณหนูโม่จิ้งพักเรียบร้อยดีแล้วหรือ?” ซั่งกวนฮ่าวเห็นลูกชายก็เผยยิ้มขมขื่นออกมา จึงถามไปหนึ่งประโยค
“พักเรียบร้อยแล้ว” ซั่งกวนเจวี๋ยพยุงซั่งกวนฮ่าวที่ดูเหมือนเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากให้นั่งลง กล่าวอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านแม่จึงโมโหขนาดนั้น? หรือนางและอาจารย์ของโม่จิ้งเคยกระทบกระทั่งอย่างร้ายแรงมาก่อน?”
“หากมีเรื่องเช่นนั้นก็คงไม่เป็นเหมือนตอนนี้แล้ว!” ซั่งกวนฮ่าวส่ายศีรษะ “แต่ไหนแต่ไรแม่ของเจ้าก็ไม่เคยเห็นอวี๋ฮวนมาก่อน เรื่องเกี่ยวกับอวี๋ฮวนที่นางทราบก็ได้ยินได้ฟังมาเท่านั้น บางครั้งก็ได้ยินมาจากป้าสะใภ้ของเจ้า บางครั้งก็ได้ยินมาจากสะใภ้ของตระกูลมู่หรง ทั้งบางครั้งก็ได้ยินผู้คนพูดคุยกับในห้องหับ แต่คนพวกนี้ล้วนไม่เคยสัมผัสพบเจออะไรกับอวี๋ฮวนทั้งนั้น”
“เช่นนั้นไฉนนางจึงได้ต่อต้านถึงขนาดนี้…” ซั่งกวนเจวี๋ยยากที่จะอธิบายจริงๆ ว่าท่าทีของมารดานั้นนับเป็นสิ่งใด
“เรื่องเล่าปากต่อปากก็ย่อมพูดผิดเป็นถูก พูดถูกเป็นผิด! อวี๋ฮวนเป็นสหายสนิทของพวกเราไม่กี่คน ทั้งเคยเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใจของใครหลายคน ยามวัยเยาว์ของพวกเรา ต่างก็คิดกันไปว่านางนั้นเป็นคนที่เพียบพร้อมที่สุดแล้ว เพราะเรื่องพวกนั้นของปู่เจ้า ข้าจึงระมัดระวังเรื่องการแต่งภรรยาเป็นอย่างมาก พอหลังจากมีภรรยาแล้ว ก็เตือนตัวเองซ้ำๆ ทันที ชั่วชีวิตนี้ผู้หญิงที่สามารถให้ความรักได้มีเพียงภรรยาและลูกสาวเท่านั้น ไม่อาจให้ผู้หญิงคนใดมาแทนที่ตำแหน่งของภรรยาได้ แน่นอนว่า นอกจากอวี๋ฮวนแล้ว ข้าก็ตกหลุมรักมารดาของเจ้าด้วยใจจริง และอวี๋ฮวนก็เห็นข้าเป็นเพียงสหายเท่านั้น ไม่ได้มีความรักฉันชู้สาว ไม่ได้หลงใหลรักใคร่กันแต่อย่างใด ทั้งไม่อาจทรยศได้เช่นกัน” ยามที่ซั่งกวนฮ่าวหวนนึกถึง ใบหน้าก็ปรากฏความโศกเศร้าอยู่เลือนราง
“แต่บางคนกลับไม่เหมือนกัน ผู้ที่ดึงดันอย่างไม่สนใจอันใดมีอยู่คนสอง คนหนึ่งคือหวงฝู่เจิ้นหลง ลุงของเจ้า และอีกคนก็คือทั่วป๋าเชียนเย่า ป้าสะใภ้ของเจ้านั้นเกลียดอวี๋ฮวนเป็นที่สุด นางมีรูปลักษณ์เหมือนอวี๋ฮวนอยู่สามส่วน ในยามที่โมโหก็คล้ายกันถึงห้าส่วน ที่ลุงของเจ้าแต่งกับนางในปีนั้นก็เพราะเหตุนี้เช่นกัน และภายหลัง หลังจากอวี๋ฮวนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เจิ้นหลงนับวันก็ยิ่งเปลี่ยนไปหนักกว่าเดิม อนุภรรยาของเขาพวกนั้น ล้วนแต่หาที่มีส่วนคล้ายคลึงกับอวี๋ฮวน บ้างก็เป็นที่ตา บ้างก็จมูก…พวกเราล้วนกล่าวว่าเขาได้หน้ามืดตาบอดจนไม่สนใจอะไรแล้ว เมื่อเห็นพี่ใหญ่ที่ตัวเองรักที่สุดเป็นเช่นนั้น มารดาของเจ้าย่อมไม่อาจมีความรู้สึกดีกับอวี๋ฮวนได้อยู่แล้ว”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ซั่งกวนเจวี๋ยเข้าใจขึ้นมาบ้าง ทั้งรู้ว่าหากจะให้มารดายอมรับศิษย์ของอวี๋ฮวนย่อมเป็นเรื่องยากจริงๆ
“หากนางมีโอกาสรู้จักอวี๋ฮวน ก็ย่อมจะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเจิ้นหลงที่แอบรักนางข้างเดียว แต่เมื่อไม่มีโอกาสรู้จักกับอวี๋ฮวน จึงทำได้เพียงโยนความผิดทั้งหมดไปให้อวี๋ฮวนเท่านั้น!” ซั่งกวนฮ่าวส่ายศีรษะทั้งยิ้มขมขื่น จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังกับซั่งกวนเจวี๋ย “เจวี๋ยเอ๋อร์ เจ้าและคุณหนูโม่จิ้งมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่?”
“ระหว่างพวกเราล้วนมีความรู้สึกลึกๆ อยู่บ้าง” ซั่งกวนเจวี๋ยรักษาท่าทีอยู่บ้าง “นางก็คือผู้หญิงที่ข้าเคยพูดถึงคนนั้น!”
“เจวี๋ยเอ๋อร์ ไม่ใช่คนเป็นพ่ออย่างข้าอยากจะคิดขัดขวางอะไร แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะจำไว้ให้ดี เจ้าเป็นคนมีครอบครัวแล้ว ย่อมไม่อาจลืมความรับผิดชอบของตัวเองที่เป็นสามีและพ่อคนได้” หลังจากซั่งกวนฮ่าวรู้ว่า ‘โม่จิ้ง’ เป็นศิษย์ของอวี๋ฮวนก็อดที่จะรู้สึกดีด้วยไม่ได้และอยากปกป้องผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา แต่นั่นย่อมไม่ใช่ข้ออ้างและเหตุผลที่จะยอมตามใจซั่งกวนเจวี๋ยและนาง ในทางกลับกัน เขาจะยิ่งต่อต้าน หากระหว่างทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้นมา หากมีวันนั้นจริงๆ ไม่ว่าใครจะได้รับความเจ็บปวด เขาก็ไม่อยากเห็นทั้งนั้น
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ซั่งกวนเจวี๋ยทำได้เพียงตอบเช่นนี้ เขาอยากบอกความจริงกับซั่งกวนฮ่าวเป็นอย่างมาก แต่ว่า…นึกถึงท่าทีของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ เขาก็สั่นสะท้านขึ้นมา หากซั่งกวนฮ่าวรู้ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ต้องรู้เช่นกัน หากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้ถึงเรื่องนี้ ผลลัพธ์ในภายหลังก็ยังคงยากจะคาดเดาจริงๆ!
———————————-