ตอนที่ 80 ขี้ขลาดราวกับสุนัข
หยุนเชวี่ยผล็อยหลับไปอีกครั้งท่ามกลางเสียงก่นด่าของแม่เฒ่าจู
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
เสียงก่นด่าของแม่เฒ่าจูเงียบลงแล้ว เปลือกตาของหยุนเชวี่ยเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ และไม่นานนางก็ตื่นเต็มตา
ดวงอาทิตย์ส่องสว่างเจิดจ้า แสงแดดลอดผ่านหน้าต่าง หยุนเชวี่ยตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย
“ท่านแม่ กี่ยามแล้วเจ้าคะ?”
“สายแล้วล่ะ ข้าเห็นเจ้าหลับสบายจึงปล่อยให้หลับต่อ”
“โอ้” หยุนเชวี่ยลูบใบหน้า “เหตุใดข้าถึงไม่ได้ยินเสียงด่าทอของท่านย่าล่ะเจ้าคะ?”
แม่นางเหลียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แม้จะหลับแต่หูของเจ้าก็ยังผึ่งตลอดเวลาสินะ”
หยุนเยี่ยนผลักประตูเข้ามา “ท่านแม่ คนของตระกูลหยูมาเจ้าค่ะ”
“เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่?”
แม่นางเหลียนยังไม่ทันกล่าวจบ แม่นางจ้าวก็เดินทะเล่อทะล่าเข้ามาในบ้านโดยไม่เคาะประตู “น้องสะใภ้รอง น้องรองยังไม่กลับมาอีกหรือ?”
แม่นางเหลียน…
“ท่านแม่ของข้าป่วยจึงไม่สามารถไปทำงานในสวนได้เจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยเอ่ยตอบเสียงแผ่ว
“โอ้ ตอนนี้มีแขกมาที่บ้าน ท่านพ่อเรียกหาน้องรองน่ะ” แม่นางจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เชวี่ยเอ๋อ ไปเรียกพ่อของเจ้าทีสิ”
หยุนเชวี่ยเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์
แม่นางจ้าวเร่งเร้า “ไปเถิด เดี๋ยวท่านปู่ของเจ้าจะตำหนิเอา”
“เจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยเอ่ยตอบก่อนลงจากเตียงอย่างช้า ๆ และสวมรองเท้า “ป้าสะใภ้ใหญ่ออกไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“เยี่ยนเอ๋อ เจ้าไปสิ” แม่นางจ้าวยื่นมือไปผลักหยุนเยี่ยน
หยุนเยี่ยนเซถอยหลัง
“พี่สาวต้องดูแลท่านแม่ที่บ้านเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยเหลือบมองแม่นางจ้าวด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ท่านแม่ของข้ามีสามยาวสองสั้น* ท่านป้าต้องการหรือไม่เจ้าคะ?”
*สามยาวสองสั้น เป็นสุภาษิตที่ใช้อธิบายถึงความโชคร้าย การสูญเสียถึงขั้นเสียชีวิต การประสบกับภัยพิบัติที่อันตรายถึงชีวิต
“เจ้า…” แม่นางจ้าวเผยสีหน้าถมึงทึงก่อนเดินออกไปและปิดประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “ปัง!”
แม่นางเหลียนรู้สึกกังวลใจ “ไปเรียกพ่อของเจ้าเถิด เร็วเข้า!”
หยุนเชวี่ยมองเข้าไปในห้องโถงใหญ่ขณะเดินผ่านหน้าบ้าน นางเห็นหยุนลี่จงและหยุนลี่เซี่ยวอยู่พร้อมหน้า นอกจากนี้ยังมีชายผิวสีรูปร่างอ้วนท้วนจากตระกูลหยู
ทันใดนั้นนางพลันเห็นหยุนเหรินเดินออกมาจากลานหน้าบ้าน
“พี่รอง” หยุนเชวี่ยตะโกนเรียกก่อนวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาเขา
“เชวี่ยเอ๋อ”
“ท่านปู่ให้พี่รองไปเรียกท่านพ่อของข้าหรือ?”
“อืม” หยุนเหรินพยักหน้า
หยุนเหรินมีนิสัยตรงไปตรงมาและสันโดษซึ่งต่างจากบิดามารดาของเขาราวฟ้ากับเหว ถ้ามีคนขอให้เขาทำงาน เขาจะทำงานด้วยความมุ่งมั่น และหากมีคนต้องการให้เขาช่วย เขาจะช่วยอย่างเต็มที่
คราที่นักเลงบ่อนพนันมาทวงหนี้ ขณะที่ชายร่างใหญ่รุมกระทืบหยุนลี่เต๋อ หยุนเหรินต้องการเข้าไปช่วยลุงสอง ทว่าแม่นางเฉินห้ามเขาไว้หลังจากเดินออกมาเพียงสองสามก้าว
จากนั้นเป็นต้นมา แม้หยุนเชวี่ยจะไม่ชอบหยุนลี่เซี่ยว แต่นางก็ปฏิบัติอย่างสุภาพและมักเรียกเขาว่า ‘พี่รอง’ เสมอ
“พี่รองกลับเข้าไปเถิด ข้าจะไปเรียกท่านพ่อเอง”
หยุนเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนมองหยุนเชวี่ย “แต่ท่านปู่บอกให้ข้าเป็นคนไปเรียก”
เขาเดินจ้ำอ้าวออกไปทันทีที่พูดจบ หยุนเชวี่ยจึงต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันหยุนเหริน
“เขาเป็นใครกัน?”
หยุนอี้ส่ายศีรษะ “ไม่รู้”
“เขาพูดว่าอะไร?”
“พวกเขามาทวงเงินยี่สิบตำลึงจากท่านปู่ หากท่านปู่ไม่จ่าย พวกเขาจะไปร้องเรียนที่สำนักบริหารในวันพรุ่งนี้”
“แล้วท่านปู่ว่าอย่างไรบ้าง?”
“ท่านปู่บอกให้ข้าไปเรียกลุงสอง”
หยุนเชวี่ย…
เด็กทั้งสองคนไม่พบหยุนลี่เต๋ออยู่ในสวน จึงสอบถามป้าอู่ที่เพิ่งกลับจากการซักผ้าและพบว่าเขาอยู่ที่ริมแม่น้ำ
หยุนลี่เต๋อนั่งนิ่งไม่ไหวติงบนหินก้อนใหญ่ริมแม่น้ำ เมื่อมองจากด้านหลังแล้ว เขาดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก
“ท่านพ่อเจ้าคะ…” หยุนเชวี่ยเดินเข้าไปหาบิดาพลางกล่าวเรียกเสียงแผ่ว
หยุนลี่เต๋อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมองลูกสาว “เชวี่ยเอ๋อ มีเรื่องอะไรหรือ?
“ท่านพ่อมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าเตรียมหน้าดินเสร็จแล้วจึงมาพักที่นี่น่ะ”
หยุนลี่เต๋ออดนอนทั้งคืน ดังนั้นใบหน้าของเขาจึงอ่อนเพลียในขณะที่บริเวณใต้ดวงตาทั้งสองดำคล้ำยิ่งกว่าใบหน้าเสียอีก
“ท่านพ่อ มีคนจากตระกูลหยูมาที่บ้าน ท่านปู่จึงให้ข้ามาเรียกท่านกลับ”
หยุนลี่เต๋อไม่เอ่ยคำใด เขายันกายลุกยืนขึ้นพลางตักน้ำขึ้นมาสองถังก่อนแบกไว้บนบ่า
“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?” หยุนลี่เต๋อเอ่ยถามขณะเดินทางกลับ
หยุนเชวี่ยมองดูคานหาบที่ส่งเสียง ”เอี๊ยดอ๊าด” พลางเอ่ยตอบ “ข้าเพิ่งมาถึงเจ้าค่ะ ท่านแม่เป็นห่วงท่านพ่อมาก”
“ใจเย็น ๆ ข้าไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”
“ตระกูลของพวกเจ้าเป็นอะไรนักหนา หา? กล้าบุกเข้ามาในบ้านของข้ากลางวันแสก ๆ เลยรึ?! ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็ไสหัวออกไปซะ! ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าออกไปเอง!”
แม้จะอยู่ไกลจากตัวบ้าน แต่พวกเขายังคงได้ยินเสียงโวยวายของหยุนลี่เซี่ยว หยุนเชวี่ยพลันคิดว่าคนพาลคนนี้มักทำตัวกร่างเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก ทว่า…
ไม่นานเสียงโวยวายก็พลันเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโอดครวญ “โอ๊ย เจ้ากล้าตีข้ารึ! พี่ใหญ่มัวแต่ยืนทำอะไรอยู่!”
หลังจากได้ยินเสียงของบิดา หยุนเหรินก็รีบวิ่งเข้าไปในลานบ้านทันที
“ซานหลาง เร็วเข้า! จับมันไว้!”
หยุนลี่เต๋อหาบน้ำสองถังไว้บนบ่า ส่วนหยุนเชวี่ยเดินตามบิดาไม่ห่าง
ประตูลานบ้านถูกเปิดออก
ชายแปลกหน้าคว้าลำคอของหยุนลี่เซี่ยวด้วยมือข้างหนึ่งจากนั้นผลักเขาลงกับพื้น ฉับพลันหยุนเหรินก็เข้ามาจับแขนของชายแปลกหน้าเอาไว้
“ท่านพ่อ…” หยุนเหรินรีบร้อนเข้าไปช่วยบิดา
“ช่วยด้วย! พวกมันจะฆ่าข้า!” ใบหน้าของหยุนลี่เซี่ยวแดงก่ำ เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน ขณะร้องคร่ำครวญราวกับหมูถูกเชือด
หยุนลี่จงแอบมองมาจากที่ไกล ๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ผู้เฒ่าหยุนรีบหยิบพลั่วตรงข้างกำแพง
เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าหยุนกำลังจะใช้พลั่วฟาดศีรษะชายผู้นั้น หยุนลี่เต๋อจึงรีบเข้าไปคว้าไว้ “ท่านพ่อ ท่านอาจฆ่าคนได้นะขอรับ!”
ผู้เฒ่าหยุนรู้สึกโมโหจนหน้ามืด ทว่าหลังจากที่ได้สติใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดทันที
“พี่รองทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงห้ามไม่ให้ท่านพ่อตีไอ้หน้าตัวเมียคนนี้!” หยุนลี่เซี่ยวกระทืบเท้าพลางกลอกตา
“ไอ้ลูกแหง่! ลองแหกปากด่าอีกครั้งสิ!” ชายแปลกหน้าจ้องเขม็งไปที่หยุนลี่เซี่ยวพลางชกเข้าที่ใบหน้าของเขาราวกับกระสอบทราย
ร่างกายของหยุนลี่เซี่ยวกระตุกสองครั้งและไม่กล้าโต้เถียงอีก
เมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนลี่เต๋อจึงปรี่เข้าไปใช้ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อรัดคอของชายฉกรรจ์จากด้านหลังอย่างเต็มแรงพร้อมตะโกนว่า “หุบปากของเจ้าซะ!”
ใบหน้าซื่อบื้อและร่างกายสูงใหญ่แข็งแกร่งของหยุนลี่เต๋อพลันสง่าผ่าเผยจนชายชราตกตะลึง
ร่างกายของชายแปลกหน้านั้นแข็งแกร่งไม่แพ้กัน เขาโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยก่อนใช้ศอกกระแทกตรงหน้าอกของหยุนลี่เต๋อ
หยุนลี่เต๋อขมวดคิ้ว ลำตัวโค้งงอด้วยความเจ็บปวด ก่อนใช้มือข้างหนึ่งจับแขน และอีกข้างหนึ่งจับกางเกงของชายผู้นั้นเอาไว้
“ตึง…”
ชายแปลกหน้าถูกทุ่มลงบนพื้นอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ
ดวงตาของหยุนเชวี่ยเบิกกว้าง
แม่เจ้า… นางประหลาดใจมากที่เห็นพ่อผู้ซื่อบื้อของตนระเบิดอารมณ์ออกมา!
“ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าพวกเจ้ายังมาระรานอีก ข้าไม่เกรงใจแน่” หยุนลี่เต๋อข่มขู่
หยุนลี่เซี่ยวเดินออกมาจากที่ซ่อนอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นนอนกองกับพื้นพลางก่นด่าขณะที่ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด “พี่รอง ท่านกำลังพูดถึงไอ้สุนัขขี้ขลาดตัวนี้อยู่หรือ… อย่าลดตัวไปเสวนากับมันเลย!”
ขณะพูดอยู่นั้น เขาก็เดินไปหาชายจากตระกูลหยูก่อนยกเท้าขึ้นเตะอย่างเต็มรัก
“แกกล้าดีอย่างไร!” ชายแปลกหน้าจ้องเขม็งไปยังหยุนลี่เซี่ยว ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะคำรามเสียงดัง
หยุนลี่เซี่ยวตัวสั่นสะท้าน เขายันกายลุกยืนขึ้นพลางปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อผ้าและสูดหายใจเข้าลึก “ข้าเกรงว่ารองเท้าจะเปื้อนเอา! ถุย!”
“หึ พวกแกมันสวะ” ชายผู้นั้นหัวเราะเยาะพลางลุกยืนขึ้นพลางจับแขนข้างที่บาดเจ็บ ก่อนเหลือบมองหยุนลี่เซี่ยวด้วยสายตาดูถูก “เอาแต่หลบอยู่หลังกำแพงราวกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ”
หยุนเชวี่ยเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น… ช่างน่าอับอายยิ่งนัก เหอยาโถวยังมีความกล้าหาญมากกว่าพวกเขาเสียอีก