ตอนที่ 81 อำนาจที่ทรงพลังและเหนือกว่า
ใบหน้าแก่ ๆ ของหยุนลี่เซี่ยวพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า ทำได้เพียงกระโดดไปหลบหลังหยุนลี่เต๋อเท่านั้น
“พี่รอง ท่านต้องสู้กับไอ้สวะนี่ให้ข้า!”
ชายร่างหนาดูถูกเขา แต่เขากลับหาเรื่องเจ็บตัวมาให้หยุนลี่เต๋อ “ก็แค่พวกอ่อนหัด ไร้ฝีมือในการต่อสู้ ข้าจะยอมโขกศีรษะสามครั้ง แต่พวกเราต้องสู้กันให้รู้ดำรู้แดง”
“วาจาประดุจผายลม!” หยุนลี่เซี่ยวเบ้ปากก่อนตะโกนด่า
“ครอบครัวของเจ้าติดหนี้พ่อตาข้าอยู่ยี่สิบตำลึง หากไม่จ่ายภายในวันนี้ พวกข้าจะไปฟ้องร้องต่อสำนักงานบริหาร”
“ถุย! ตระกูลหยูหน้าไม่อายเลยรึ? สมควรแล้วหรือที่มาข่มขู่กันเช่นนี้? พวกตระกูลชั้นต่ำ…” หยุนลี่เซี่ยวที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังของหยุนลี่เต๋อยื่นคอออกมาด่าพร้อมแกว่งขาไปมา
“หากเจ้ายังพ่นอาจมออกมาไม่หยุด ข้าจะต่อยเจ้าให้ฟันหลุด!” ชายผู้นั้นเหวี่ยงกำปั้น กล้ามเนื้อบนท่อนแขนอันแข็งแกร่งของเขาปูดโปน
“พี่รอง ท่านมัวทำอะไรอยู่? สู้กับเขาสิ!” หยุนลี่เซี่ยวตะโกน
หยุนลี่เต๋อสังเกตเห็นว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนเลวร้าย มีเพียงน้องสามของเขาเท่านั้นที่เอาแต่กล่าววาจาผรุสวาท ทั้งยังไปท้าตีท้าต่อยกับผู้อื่น
หยุนลี่เต๋อผู้มีคุณธรรมยกมือขึ้นคารวะ
“พี่รอง ท่านมันกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา! ตระกูลหยุนไม่มีคนสารเลวเช่นท่าน!”
“หุบปาก!” หยุนลี่เต๋อหันไปตะคอกน้องชายด้วยสีหน้าถมึงทึง
หยุนลี่เซี่ยวถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง ท่าทางแข็งกร้าวของเขาลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายพ่นคำด่าออกมา “ดียิ่งนักพี่รอง ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็ง ถึงกับกล้าตะคอกใส่ข้า…”
“เจ้าสาม! กลับเข้าบ้านแล้วอย่าได้โผล่หัวออกมา!” ผู้เฒ่าหยุนตะโกนห้ามปราม
เขาฉลาดพอที่จะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจใช้ประโยชน์จากลูกชายคนที่สาม มีเพียงลูกชายคนรองของเขาเท่านั้นที่พึ่งพาได้
“ท่านพ่อ ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? เขามาที่นี่เพื่อขูดรีดเงินของครอบครัวเรา ไม่แน่ว่าพี่รองอาจจะสมรู้ร่วมคิดกับเขาก็ได้…”
ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึก “กลับเข้าบ้านไปซะ!”
“หึหึ…” หยุนลี่เซี่ยวเบ้ปากและกล่าวเยาะเย้ย “ข้าเพียงอยากปกป้องครอบครัวของเราไม่ได้หรือ? ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ!”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ถ่มน้ำลายลงพื้นพร้อมกับหันหน้าหนี ก่อนจะเดินกะเผลกไปที่ประตูแล้วกระแทกปิดดัง “โครม”
หยุนลี่เต๋อเชิญชายร่างหนาเข้ามาในห้องโถงใหญ่
“เชวี่ยเอ๋อ ชงชาให้แขกหน่อย”
“เจ้าค่ะ!”
หยุนเชวี่ยตอบรับและก้าวฉับ ๆ ไปตักน้ำในถังใหญ่
หยุนเยี่ยนช่วยถือถ้วยชา
“พี่สาวเห็นหรือไม่? เมื่อครู่นี้ท่านพ่อของเรายอดเยี่ยมที่สุด!” ดวงตาของหยุนเชวี่ยเปล่งประกายราวกับดวงดาวระยิบระยับ
จู่ ๆ ชายที่เหมือนหมีตัวใหญ่เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยาเจ้าน้ำตาก็ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาอย่างไม่คาดฝัน!
“ท่านพ่อของเราเคยต่อสู้อยู่ในสนามรบ” สีหน้าของหยุนเยี่ยนเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อของเรา…” หยุนเชวี่ยมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอียงตัวไปกระซิบข้างหูของพี่สาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เคยฆ่าใครหรือไม่?”
หยุนเยี่ยนส่ายหัวเล็กน้อย “ข้าเองก็ไม่รู้… “
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หยุนลี่เต๋อไม่เคยปริปาก ส่วนแม่นางเหลียนก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้เด็ก ๆ ฟัง สิ่งเดียวที่สามารถสืบย้อนไปได้ น่าจะเป็นขาที่บาดเจ็บของเขา
หยุนเชวี่ยตักน้ำสองกระบวยใส่ลงไปในหม้อ ในใจคิดว่าบิดาคงผ่านการฆ่าคนมาบ้าง ท่ามกลางสงครามที่มีแต่การฆ่าฟันไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่ต้องล้มตาย จะมือขาวสะอาดไม่เปื้อนเลือดได้อย่างไร?
“ท่านพ่อยอดเยี่ยมยิ่งนัก” นางพึมพำกับตัวเองอีกครั้งด้วยความรู้สึกมั่นคงในหัวใจ
ห้องโถงใหญ่
หยุนลี่เต๋อนั่งอย่างมั่นคงตรงข้ามชายผู้นั้น ขณะที่หยุนลี่จงลูกชายคนโตนั่งห่อไหล่อย่างขลาดเขลา
หยุนเชวี่ยถือกาน้ำชาเข้าไปรินให้เขา ชายผู้นั้นกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ลูกสาวข้าก็อายุเท่านี้”
“น้องชายข้าเป็นคนใจร้อน ขอท่านอย่าได้ถือสา” หยุนลี่เต๋อยื่นถ้วยชาไปข้างหน้าอย่างสุภาพ
ชายร่างหนายกชาขึ้นมาจิบหนึ่งอึก ก่อนจะวางลง “น้องชาย ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ตัวข้านั้นได้รับมอบหมายจากพ่อตาให้มาที่นี่เพื่อเก็บเงินยี่สิบตำลึง ถึงอย่างไรการชำระหนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
“ตระกูลหยุนของข้าไม่เคยติดหนี้ตระกูลหยู แล้วข้าจะต้องชดใช้อะไร?” ผู้เฒ่าหยุนตบต้นขาของเขาอย่างแรง
“ท่านผู้เฒ่ากล่าวอะไรเช่นนั้น พ่อตาข้ากับท่านก็อายุรุ่นราวคราวกัน กว่าจะสร้างกิจการเล็ก ๆ นี้ขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าขอแนะนำว่าอย่าทำให้ครอบครัวของท่านต้องอับอายเลย”
หยุนลี่จงหลุบเปลือกตาลงคล้ายคนฟุ้งซ่าน
หยุนลี่เต๋อตกตะลึง
หยุนเชวี่ยที่ได้ยินก็ตกตะลึงเช่นกัน
เหตุใดถึงกล่าวเช่นนี้ ราวกับว่าตระกูลหยูเป็นฝ่ายถูกกระทำ?
“ช้าก่อน… เกรงว่าจะมีบางอย่างเข้าใจผิดหรือไม่?” หยุนหลี่เต๋อเหลือบมองชายชราอย่างสับสน
“เข้าใจผิด?” ชายร่างหนาตกตะลึงเช่นกัน “เมื่อข้ามาถึงที่นี่ ก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าตระกูลหยุนในหมู่บ้านไป๋ซีแห่งนี้มีบ้านท่านแค่ครอบครัวเดียว”
“ครอบครัวของข้าไม่ได้ติดหนี้ตระกูลหยู ทั้งเงินสินสอดและของขวัญมงคลล้วนส่งกลับคืนให้หมดแล้ว แต่ตระกูลหยูยังคงเรียกร้องเงินชดเชยถึงยี่สิบตำลึง…” หยุนลี่เต๋อหยุดชะงักไปชั่วคราว พร้อมกับขมวดคิ้ว “นี่ไม่เป็นการบีบบังคับกันเกินไปหน่อยหรือ!”
แม้ในยามปกติเขามักจะพูดน้อย จนถูกแม่เฒ่าจูค่อนแคะว่า ‘เอาไม้ตีให้ตายก็ไม่พูด’ แต่เมื่อเป็นเรื่องสำคัญ เขาก็วางตัวได้อย่างเหมาะสม
ในทางกลับกัน หยุนลี่จงผู้ถูกยกย่องว่าเป็นบัณฑิตมากความสามารถ กลับกลายเป็นคนโง่เง่าในสถานการณ์เช่นนี้ วาจาใด ๆ ก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้สักครึ่งคำ
ชายร่างหนางุนงง
“ไม่ได้ติดหนี้?”
หยุนลี่เต๋อ “เงินตั้งยี่สิบตำลึงไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ หากติดหนี้จริง ท่านควรมีใบสัญญาเงินกู้ใช่หรือไม่?”
“พ่อตาของข้า… ข่มขู่เอาเงินตระกูลท่านหรือ?”
หยุนลี่เต๋อพยักหน้า
หยุนเชวี่ยมองชายผู้โง่เขลาแสดงท่าทีอับอายเล็กน้อย ในใจคิดว่าดวงตาของชายผู้นี้เหมือนกับท่าทางของเขา แม้จะดูหยาบกระด้าง แต่ก็ตรงไปตรงมามากพอที่จะไม่คดโกงผู้อื่น
“นี่…” เขาถูมือไปมา “พ่อตาของข้าบอกว่าครอบครัวของท่านติดหนี้ และข้าเองก็ไม่ได้ถามถึงรายละเอียดเพิ่มเติม เมื่อครู่ตอนข้าเข้ามาในบ้าน ชายผู้นั้น…”
ชายร่างหนาชะงักไปชั่วขณะ “น้องชายของท่านไม่ได้อธิบายอันใด เมื่อเขาโผล่มาก็เอาแต่ชี้หน้าด่าข้า จนข้าไม่พอใจ…”
“เป็นเรื่องเข้าใจผิด” หยุนลี่เต๋อประสานมือ
“เข้าใจผิด เป็นเรื่องเข้าใจผิด” ชายผู้นั้นโค้งคำนับเช่นกัน
กระทั่งพวกเขาเจรจากันเสร็จ หยุนลี่จงซึ่งนั่งเงียบมาตลอดก็กระแอมขึ้น “นั่นแหละ ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจกันแล้ว แม้ท่านจะทำร้ายน้องชายข้า แต่ข้าก็ไม่ติดใจเอาความ ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”
ชายร่างหนา…
หยุนลี่จงสะบัดแขนเสื้อ สวมบทบาทเป็นบัณฑิตผู้มากความรู้ “เรื่องนี้ตระกูลหยูนับว่าไร้เหตุผล ในเมื่อเขาเป็นพ่อตาของท่าน เช่นนั้นท่านก็ควรกลับไปเกลี้ยกล่อมเขา ให้เลิกระรานกันได้แล้ว”
“เขาเป็นถึงพ่อตาข้า คงไม่อาจทำเช่นนั้นได้…”
“ตระกูลหยูทำเรื่องสกปรก ท่านก็ยังคิดช่วยพวกเขาทำชั่วรึ!” หยุนลี่จงกล่าวหาเขาในเรื่องความชอบธรรม
ชายผู้นั้นขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองหยุนลี่เต๋อ “ข้าจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก ลาก่อน”
เมื่อกล่าวจบก็ลุกออกไป
“ไร้เหตุผล! ไร้เหตุผลสิ้นดี!” หยุนลี่จงตบโต๊ะอย่างโกรธจัด
หยุนลี่เต๋อเดินไปส่งชายผู้นั้นที่หน้าประตู
ก่อนหน้านี้ ในตอนที่หยุนลี่เซี่ยวส่งเสียงเอะอะโวยวาย ทั้งยังร้องไห้คร่ำครวญ จึงทำให้มีชาวบ้านหลายคน ต่างยื่นคอมามุงดูเรื่องสนุก
“เจ้ารอง บ้านเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกรึ?”
หยุนลี่เต๋อโบกมือ “ไม่มีอะไรขอรับ”
“ข้าได้ยินเจ้าสามร้องลั่นว่าใครจะฆ่าเขาหรือ?”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“จุ๊ ๆ ๆ”
ฝูงชนต่างพากันมองสำรวจชายร่างหนาที่หน้าตาดูน่ากลัว ไม่อาจยั่วยุได้
“มองหาอะไร ไปได้แล้ว ไม่กินข้าวกินปลากันหรือ!” ชายผู้นั้นโบกมือด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ชาวบ้านที่มาเฝ้าดูเรื่องของผู้อื่นต่างแตกฮือกันไปคนละทิศทางคนละทาง