บทที่ 258
บทที่ 258

จากนั้นถังหยินก็ถาม “ถ้างั้นท่านชิวมีความเห็นอย่างไร ?”

“ท่านก็ไม่ต้องไปด้วยตัวเอง หากแต่จัดแจงส่งทูตไปแทน” ชิวเจิ้นกล่าว

ถังหยินก้มหน้าครุ่นคิดแล้วมองจดหมายในมือ “คนีสบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร และอยากให้ข้าไป ดังนั้นถ้าข้าไม่ไป ก็อาจเกิดข้อครหาได้ว่าข้าไม่กล้าพอ และไม่ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ดีแค่ไหน หากแต่พวกเขาก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธรัฐมอร์ฟีสและมีอำนาจด้อยกว่าเบสซ่ากับซานเชส ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจำต้องลอบสังหารข้าแต่อย่างใด”

เมื่อได้ยินแบบนั้นชิวเจิ้นก็เริ่มคล้อยตาม ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้องเตือนออกไป “ชีวิตของนายท่านมีค่ามากนะ คิดให้ดี ๆ เถอะ”

ถังหยินยิ้มให้ “ถ้าข้าระวังตัวมากไป งั้นแล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะมีโอกาสชนะ ยิ่งในช่วงนี้ซ่งเทียนกำลังย่ำแย่ กับการที่พวกหนิงเลือกที่จะไม่เข้ามาช่วยเสริม มันก็ยิ่งทำให้การป้องกันในเมืองหยานอ่อนแอลงไปอีก …ถ้าหากข้าไม่ไป มันก็อาจไม่มีโอกาสดีงามเช่นนี้อีก และคงกลายเป็นเรื่องยากนักที่จะโค่นล้มซ่งเทียนหลังจากนี้”

ชิวเจิ้นถอนหายใจ ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมกัน เหตุใดเขาถึงไม่เคยห่วงความปลอดภัยของตัวเองเลย ? ทำไมถึงชอบเอาชีวิตตัวเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้กัน ?

เมื่อคิดได้แบบนั้น ชิวเจิ้นก็พลันกำหมัดแล้วกล่าว “ข้าหวังว่านายท่านจะคิดใหม่อีกครั้ง” การเดินทางไปยังรัฐดูกีเสี่ยงเกินไป แม้ว่ามันจะสำคัญมากก็ตาม

“ถ้าข้าไม่ไป แล้วใครจะไปแทนข้า ?” ถังหยินมองเด็กหนุ่ม “ไม่ต้องกล่อมข้าแล้ว ข้าตั้งใจจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง ถ้าหากอีกฝ่ายมีท่าทีผิดปกติ งั้นแล้วไม่ข้าก็มันนี่แหละที่จะต้องตายกันไปข้าง”

คำพูดของเขาทำให้กำลังใจทุกคนเพิ่มขึ้น ด้วยไม่ว่าจะเป็นอะไรถังหยินก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ

“ข้าจะตามท่านไปด้วย” หลีเทียนและอัยเจียกล่าวพร้อมกัน

ถังหยินส่ายหัว “ไม่จำเป็น ข้าจะพาหยวนยู่ไปด้วยเท่านั้น” คำพูดของเขาถึงจะไม่สุภาพ แต่ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว การพาหยวนยู่ไปด้วยก็อาจจะมีโอกาสรอดมากกว่าจริง ๆ ในกรณีที่ต้องฝ่าวงล้อมศัตรูออกมา

อีกอย่าง หยวนยู่เองก็เป็นแม่ทัพคนหนึ่ง ดังนั้นแล้วการพาอีกฝ่ายจึงนับได้ว่าเป็นการดี ที่จะได้ฝึกไปในตัว

พวกเขาโล่งอกในทันทีที่ได้ยินว่าหยวนยู่จะติดตามนายท่านไปด้วย เพราะยังไงเสีย หยวนยู่ก็ถือได้ว่าเป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเฟิงแล้วในตอนนี้

เฉิงจินถาม “นายท่านให้ข้าน้อยไปด้วยเถิด”

ถังหยินไม่ปฏิเสธ เพราะพวกมอร์ฟีสไม่เคยเจอผู้ใช้ศาสตร์มืดมาก่อน ดังนั้นถ้าเกิดเรื่องขึ้น หน่วยลับของเขาก็อาจจะช่วยได้ในหลาย ๆ ด้าน “ถ้างั้นแม่ทัพเฉิงพาหน่วยของเจ้ามากับข้าด้วยเลยก็แล้วกัน”

เฉิงจินดีใจมากที่ได้รับโอกาสให้ติดตามเจ้านายตัวเองไปด้วย เพราะนี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้แสดงพลังออกมา

ว่าแล้วการเดินทางของถังหยินไปยังรัฐดูกีก็เริ่มต้นขึ้น พวกเขาพากันจัดเตรียมของ พร้อมกับตั้งมั่นว่าจะออกไปตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวันถัดไป ทว่าในเย็นวันนั้นเอง ก็เป็นชัวน่าที่เข้ามาร้องขอว่านางจะติดตามไปด้วย “ถ้าท่านมากับข้าด้วย แล้วกองทหารของท่านเล่า ?”

องค์หญิงหัวเราะ “ท่านบลังก้าก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลอันใด” จริง ๆ แล้วนางเป็นแค่เสมือนตัวแทนของกองทัพเท่านั้น ด้วยคนที่กุมอำนาจกองทัพอยู่จริง ๆ ในตอนนี้คือบลังก้า

ถังหยินกะพริบตาแล้วมองนาง “แล้วทำไมท่านถึงอยากจะไปกับข้ากัน ?”

“ข้าไปเพื่อคอยดูแลเจ้าไง !” นางตอบทันที

ถังหยินหัวเราะ ด้วยชายหนุ่มคิดว่าตัวเขาเองนั้นน่าจะดูแลตัวเองได้เก่งกว่านางเยอะ ซึ่งท่าทีดังกล่าว มันก็ทำให้ชัวน่าขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “ข้าคุ้นเคยกับรัฐดูกีมากกว่าเจ้าแน่นอน และข้าก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับที่นั่นด้วย ถ้าเจ้าไม่พาข้าไป รับรองเลยว่าเจ้าจะต้องทำให้ชาวเมืองที่นั่นไม่พอใจแน่”

ถังหยินไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน ดังนั้นหลังจากที่ได้ฟังแล้ว เขาก็พลันพยักหน้ายอมรับนางในทันที

ชัวน่ากล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นข้าคือองค์หญิงของเบสซ่า และราชาอัลเดนก็ต้องให้การต้อนรับข้าอย่างอบอุ่นแน่ ซึ่งมันก็จะยิ่งทำให้ง่ายต่อการที่เจ้าจะขอยืมเส้นทาง” นางพูดแล้วเดินเข้ามาถังหยินด้วยสีหน้ามั่นใจ

ถังหยินพยักหน้าให้ เป็นการอนุญาตให้นางเดินทางมาด้วยกันในฐานะขององค์หญิงแห่งเบสซ่า ด้วยถ้าหญิงสาวติดตามไป งั้นแล้วก็ไม่เป็นจำต้องกังวลว่าพวกดูกีจะเล่นตลกอะไรกับพวกเขา “การเดินทางครั้งนี้ยาวนานนะ ท่านรับได้หรือไม่ ?”

“เจ้าจะมีปัญหาอะไรนักหนา ข้าตัดสินใจแล้วนะ !”

“ก็ได้ ก็ได้”

ชัวน่ายิ้มออกมาแล้วมองถังหยิน “เจ้าเองก็เคยช่วยข้ามาก่อนด้วย เพราะงั้นก็ถือซะว่าข้าตอบแทนก็แล้วกัน”

ถังหยินไม่รู้ตัวว่าเคยช่วยอะไรนางไว้และไม่คิดจะถามด้วย ทว่าด้วยในเวลานี้สายตาของนางน่ากลัวเกินกว่าจะหลบได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่กล่าวออกไปว่า “เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้ ท่านควรไปพักผ่อนให้เต็มที่นะ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นชัวน่าก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา ก่อนจะจำใจเดินออกจากที่พักของถังหยินไป

ชายหนุ่มมองตามจนนางลับตาออกไป ก่อนจะส่ายหัวแล้วบอกกับตัวเองว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงที่ตัวเองจะยุ่งด้วยได้ อย่างน้อยก็จนกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดนจะดีขึ้น

เขาคิดแบบนั้น

ในขณะที่ถังหยินกำลังนอนหลับพักผ่อน ก็ได้มีคนมาเคาะประตูห้องของเขาเสียงดังจนปลุกชายหนุ่มให้ตื่นขึ้น “เข้ามาได้ !”

“ท่านซวนขอเข้าพบขอรับ”

สติของถังหยินยังไม่กลับมาดีนัก ดังนั้นเขาจึงถามสวนไป “ซวนไหน ?”

“ท่านซวนหวางขอรับ !”

ซวนหวาง ? ถังหยินครุ่นคิดสักพักก่อนจะระลึกได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่จะทำหน้าไม้ให้ “ท่านซวนหวางต้องการอะไรหรือ ?”

“เขาบอกว่าแค่ต้องการพบนายท่านเท่านั้นขอรับ ให้ข้าบอกเขาว่ารอที่ห้องโถงหรือเปล่าขอรับ ??”

“ไม่จำเป็นหรอก ให้เข้ามาได้เลย” ถังหยินลุกขึ้นจากเตียง

นายทหารรับคำแล้วพาตัวชายคนนั้นเข้ามา

ถังหยินส่ายหัวไล่ความง่วงออกไปทั้งหมด ก่อนล้างหน้าแล้วเดินออกไปหาซวนหวาง

“นายท่านตื่นแล้วหรือ ?” ซวนหวางรีบเข้ามาพูดอย่างไม่รอช้า

ถังหยินไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องตำแหน่งหรือยศมากเท่าไหร่ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองเช่นที่เห็น

ซวนหยางอายุยังน้อยนัก ทว่าตอนนี้เขากลับเหมือนชายแก่อายุ 50 ก็ไม่ปาน ด้วยมีหนวดเคราเต็มหน้าแถมยังไม่รักษาความสะอาดให้ดีอีก และเสื้อก็ขาดหลุดลุ่ยหมดแล้ว

คนที่ไม่รู้จักอาจจะคิดว่าเขาเป็นโจรก็เป็นได้

ถังหยินมองเขา ก่อนจะเผลอสูดกลิ่นตัวที่เหม็นจนจะขาดใจตายของอีกฝ่ายแล้วถาม “เจ้ามีอะไรหรือเปล่า ?”

“นายท่าน ข้ามาเพื่อรายงานความสำเร็จ !” ซวนหวางพูดด้วยรอยยิ้ม

ถังหยินเกาหัว “เจ้าหมายความว่ายังไง ?”

“ข้าประดิษฐ์หน้าไม้ที่สามารถทำให้นายท่านใช้งานมันได้อย่างง่ายดายแล้วล่ะขอรับ !”

ถังหยินถอยหลังกลับมาแล้วมองเขา “เจ้าช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยได้หรือไม่ ?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น แทนที่ซวนหยางจะอธิบายต่อ เขากลับก้าวออกมาแล้วจับแขนชายหนุ่มเอาไว้ “นายท่านตามข้ามา !” แล้วจึงลากตัวถังหยินออกไปด้วยกันทั้งแบบนั้น