ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 43

มู่หรงเจี๋ยรู้ว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป จักรพรรดิเหลียงต้องมีอันตรายแน่นอน เขาจึงตัดสินใจ ใช้มีดคมตัดความวุ่นวายโกลาหลนี้ เขาจึงถามจื่ออาน “จะให้องค์จักรพรรดิเหลียงพ้นขีดอันตราย ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?”

จื่ออานลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ตอนนี้ยังตัดสินอะไรไม่ได้ ต้องดูว่าองค์จักรพรรดิเหลียงมีอาการปอดอักเสบจากการสำลักหรือไม่ เพคะ”

“สามวัน?” มู่หรงเจี๋ยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดล้อเล่น จึงกดดันเวลาเธอไปตรง ๆ

สมองเธอประมวลผลด้วยความรวดเร็วอยู่พักหนึ่ง หากมีคนช่วยเธอ ภายในเวลาประมาณสามวันสามารถทำให้จักรพรรดิเหลียงพ้นขีดอันตรายได้ แต่ว่าหมอหลวงจะช่วยเธองั้นหรอ? กลัวอย่างเดียวว่าตอนนี้แม้แต่หยวนพ่านก็จะไม่ยืนข้างเธอแล้ว

“พูดสิ!” อยู่ ๆ มู่หรงเจี๋ยก็ตวาดออกมาเสียงดัง “เป็นใบ้ไปแล้วรึ?”

จื่ออานได้เพียงแต่ตอบไปอย่างไม่มีทางเลือก “เพคะ สามวัน!”

มู่หรงเจี๋ยพยักหน้า แล้วมองมาที่หวงไท่โฮ่ว “เสด็จแม่ ตามที่นางได้สัญญาไว้ว่าจะทำให้อาซินพ้นขีดอันตรายในเวลาสามวัน เราก็ให้เวลานางสามวัน เสด็จแม่เห็นว่าอย่างไร?”

แม้ว่าเขาจะถามไปแบบนั้น แต่น้ำเสียงกลับแน่วแน่อย่างไม่มีข้อสงสัย

หวงไท่โฮ่วไม่ได้ออกเสียงอะไร ได้แต่มองกุ้ยไท่เฟยเงียบ ๆ

กุ้ยไท่เฟยรู้ว่าหวงไท่โฮ่วหมายความว่าอย่างไร ขณะที่นางกำลังจะพูดขึ้นพอดี มู่หรงเจี๋ยก็หมุนตัวมา พร้อมพูดขึ้น “ในเมื่อเสด็จแม่นิ่งเฉยเยี่ยงนี้ งั้นก็ทำไปตามความหมายของข้า สำหรับสามวันนี้ ให้บรรดาหมอหลวงของสถาบันแพทย์ทั้งหมดผลัดกันมาเข้าเวร มาคอยเฝ้าอาการองค์จักรพรรดิเหลียงด้วยกันกับเซี่ยจื่ออาน ข้าเองก็จะมาที่วังฉางเชิงเป็นครั้งคราว หากมีเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเวลาไหน ต้องรายงานข้าทันที นอกจากคนที่ได้รับหมอบหมายให้มาดูแลแล้ว คนที่ไม่มีหน้าที่ประจำในวังทั้งหมด ไม่อนุญาตให้เข้ามาวุ่นวายในวังฉางเชิง ผู้ใดฝ่าฝืนให้ตัดหัว!”

นี่เป็นครั้งแรกที่จื่ออานได้เห็นมู่หรงเจี๋ยออกคำสั่งที่รวดเร็วและเฉียบขาด หวงไท่โฮ่วไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน แต่เขาจงใจตีความความหมายของหวงไท่โฮ่วผิดไป ลักษณะนิสัยที่กล้าหาญทรงพลังเช่นนี้ จริง ๆ…ทำให้จื่ออานโล่งใจไปเปราะหนึ่งทีเดียว

ประโยคที่ว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนตัดหัว” ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดตระหนักถึงความเอาจริงขององค์ชายผู้สำเร็จราชการแทน และเขาก็กำลังใช้อำนาจที่ฝ่าบาทมอบให้ แม้แต่หวงไท่โฮ่วก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา

สีหน้าของหวงไท่โฮ่วหมองหม่นลงเหมือนไม่มั่นใจ และในที่สุด ก็เยียดยิ้มออกมาอย่างแข็งกร้าว “เอาล่ะ ในเมื่อองค์ชายผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รับสั่งมาเช่นนี้ งั้นก็ต้องฟังเจ้าแล้วล่ะ ให้เวลานางสามวัน หากสามวันแล้วอาการของอาซินยังไม่ดีขึ้น ก็ประหารนางได้เลย”

พูดจบ สายตาที่เย็นชาก็ทอดมองไปที่จื่ออาน และพูดต่อว่า “หากเจ้าทำผลงานได้ดี รักษาจักรพรรดิเหลียงได้ อัยเจียจะมีราชโองการส่วนตัวให้เจ้าได้อภิเษกเป็นพระสนมขององค์ชายผู้สำเร็จราชการแทน”

คำพูดนี้คือพูดให้จื่ออานฟัง และพูดให้มู่หรงเจี๋ยได้ยิน ก็เพื่อทำให้เขาไม่มีทางได้กลับคำ

จื่ออานไม่มีทางเลือกใดเหลืออยู่เลย จึงทำได้เพียงคุกเข่าและกล่าวขอบคุณ “หม่อมฉันขอบพระทัย ในน้ำพระทัยของหวงไท่โฮ่ว เพคะ”

องค์รัชทายาทจ้องมองมาที่เธออย่างมืดมน และยิ้มอย่างพอใจ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเขาทั้งนั้น

อันที่จริงแล้ว ตอนนี้เขากลับภาวนาให้เซี่ยจื่ออานรักษาไอ้ขยะนี่ให้หายดี แม้ว่าจะไม่อาจฆ่าเซี่ย จื่ออานได้ แต่การที่ทำให้หน้าตาของมู่หรงเจี๋ยได้แปดเปื้อน คือการแต่งงานกับชายาที่ใคร ๆ ต่างก็ดูถูกเยียดหยามว่าเป็นนางสนม เกียรติยศของเขาหลังจากนี้ จะต้องตกต่ำลงไปอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ไม่มีทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากการแต่งงานของนางสนม เพื่อให้ได้แรงสนับสนุนจากบ้านของสนมหรอก แค่เริ่มแรกเขาก็พลาดโอกาสใหญ่ไปเสียแล้ว

สีหน้าของฮองเฮาไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ตอนนี้ไม่ถึงคราที่นางจะต้องพูดอีกต่อไปแล้ว

กุ้ยไท่เฟยมองจื่ออานอย่างเกลียดชัง นางไม่สามารถดูจักรพรรดิเหลียงตายไปเฉย ๆ ได้ เพราะหากจักรพรรดิเหลียงตายไป ก็เป็นเพราะมู่หรงเจี๋ยตัดสินใจผิดพลาด นั่นคืออำนาจในมือเขาที่ออกความเห็นให้เซี่ยจื่ออานรักษาจักรพรรดิเหลียง