ตอนที่ 431 พวกคุณสองคนอยู่ร่วมกันยังไง
ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลงมองป๋อจิ่งหังด้วยสายตาอันตราย
“เพราะงั้น…นายแต่งงานตอนไหน”
“เอ่อ…ก็สองเดือนก่อนหน้า”
“ทุกคนไม่รู้กันหมด หรือมีฉันคนเดียวที่ไม่รู้”
น้ำเสียงของป๋อจิ่งชวนฟังดูดุดันขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้หวันหว่านกอดคอเฉินฝานซิงแน่นกว่าเดิม ภายในดวงตากลมโตฉายความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องนี้…ต้องบอกว่า มีแค่นายที่รู้ แต่ว่าฉันโทรหาคุณย่าแล้ว ถ้ามีเวลาจะกลับไปเยี่ยมท่านสักหน่อย”
“…”
ไอเย็นที่แผ่ซ่านจากป๋อจิ่งชวนยังไม่มีวี่แววว่าจะหายไป
ทว่า ป๋อจิ่งหังเองกลับไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆ เพียงแค่หันไปพูดกับเฉินฝานซิง
“สวัสดีพี่สะใภ้”
เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปาก จะตอบก็แปลกๆ จะไม่ตอบก็ไม่ได้
ระหว่างนั้นป๋อจิ่งชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ค่อยๆ เก็บมวลความเยือกเย็นจากตัวเองกลับเข้าไป
“ขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะ”
–
ชั้นบน ที่ห้องครัวภายในห้องพักของเฉินฝานซิง
ป๋อจิ่งหังยกถ้วยบะหมี่ผัดซอสหนึ่งถ้วยขึ้นมากินด้วยท่าทางสบายใจ ส่วนเฉินฝานซิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังป้อนหวันหว่านอย่างใจเย็น
ชุดกระโปรงที่เปื้อนดินโคลนสกปรกถูกเปลี่ยนแล้ว หน้าที่มอมแมมเป็นลูกแมวตัวลายก็ถูกเฉินฝานซิงล้างจนสะอาดหมดจด
ป๋อจิ่งชวนนั่งลงข้างเฉินฝานซิง จ้องมองไปยังป๋อจิ่งหังอย่างเงียบๆ
“เธอ…ไม่ใช่ลูกของนายจริงเหรอ” จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนก็พูดโพล่งออกมา
“พูดแปดร้อยรอบแล้ว ไม่ใช่ นั่นเป็นน้องสาวของซังอวี๋ น้องสะใภ้ของฉัน”
“…” ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้ว ก่อนจะแอบเหลือบมองหวันหว่านอยู่หลายครั้ง
“นายแต่งงานแล้วจริงเหรอ”
ป๋อจิ่งหังพยักหน้าอีกครั้ง
“จริงสิ จะต้องให้ฉันเอาทะเบียนสมรสให้นายดูเลยไหม”
ป๋อจิ่งชวนเม้นริมปีฝาก “ได้”
ป๋อจิ่งหังสะอึกไป พลันมองหน้าพี่ชายของตัวเองด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าบอกบุญไม่รับที่ดูไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ของเขานั้น
สุดท้ายก็ได้แต่รู้สึกระอา แล้วก้มหน้ายัดบะหมี่ผัดซอสเข้าปากไปคำโต
“…แต่งแล้วจริงๆ น่า แล้วทะเบียนสมรสมีอะไรน่าดูตรงไหน”
ป๋อจิ่งชวนหน้านิ่ง “ฉันอยากเห็นว่ามันหน้าตายังไง”
“แค่ก…”
ป๋อจิ่งหังเผลอสำลักออกมา บะหมี่ผัดซอสที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปากก็เกือบจะพุ่งออกมาด้วย
เขารีบหันขวับไปมองทางเฉินฝานซิง
เฉินฝานซิงที่กำลังป้อนอาหารให้หวันหว่านอยู่ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกับสบตากับป๋อจิ่งหังด้วยท่าทางเก้อเขิน
“พี่สะใภ้ พี่นี่ใช้ได้เลยนะ ปู่ของผมเริ่มคิดหาหนทางยัดเยียดผู้หญิงให้พี่ชายผมตั้งแต่เขายังอายุสิบแปด แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามอง ไหนลองบอกมาหน่อย ว่าคุณทำให้พี่ชายผมหวั่นไหวได้ยังไง”
เฉินฝานซิงไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าที่แท้จริงแล้วป๋อจิ่งชวนชอบอะไรในตัวเธอกันแน่
เจอกันครั้งแรกก็ตามตอแยไม่ยอมเลิกรา
เอ่อ…
เธอแอบชำเลืองมองป๋อจิ่งชวนแวบหนึ่ง ท่าทางที่เย็นชา นิ่งขรึม ดูสูงส่งนั้น ดูไม่เหมือนพวกที่ตามตอแยไม่เลิกราเลยจริงๆ
“เรื่องนี้ ฉันก็…”
“เป็นฉันที่ตกหลุมรักเธอ”
แกร๊ง ตะเกียบในมือของป๋อจิ่งหังหล่นลงไปบนโต๊ะ
มีใครเคยบอกพี่ชายของเขาหรือเปล่าว่าทำหน้าซึมกระทือไร้อารมณ์แล้วพูดเรื่องความรักแบบนี้ จริงๆ แล้วมันดู…พิลึกมากแค่ไหน
“แค่ก…” เฉินฝานซิงถึงกับต้องส่งเสียงกระแอมแก้เขิน ใบหน้าสดใสงดงามเริ่มแดงระเรื่อภายในพริบตา ขยับไปทางซ้ายทีขวาที เห็นได้ชัดว่ามีอาการนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว
พอก้มหน้าลงก็เห็นหวันหว่านที่กำลังชะเง้อหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังเฝ้ารอให้เธอป้อนข้าวให้ด้วยความคาดหวัง
เธอก้มหน้าก้มตาป้อนข้าวต้มหนึ่งคำให้หวันหว่านด้วยท่าทางตื่นเต้น
บางที แรงต้านทานต่อเรื่องต่างๆ ของคนสกุลป๋ออาจแข็งแกร่งเกินคนทั่วไป ผ่านไปไม่นานนัก ป๋อจิ่งหังก็หยิบตะเกียบขึ้นมาใหม่แล้วฟาดบะหมี่ผัดซอสจนหมดถ้วยราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“ฝีมือทำอาหารพี่สะใภ้สุดยอดไปเลย เอ้อ พี่สะใภ้ กลางคืนมาห่อเกี๊ยวกินกันไหม”
เฉินฝานซิงยิ้มแหยๆ “ซังอวี๋เป็นคนใต้ ส่วนรสอาหารที่ถูกปากของคุณนี่เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคนเหนือ พวกคุณสองคนอยู่ร่วมกันยังไง”
ตอนที่ 432 แมงดา
เฉินฝานซิงยิ้มแหยๆ “ซังอวี๋เป็นคนใต้ ส่วนรสอาหารที่ถูกปากของคุณนี่เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคนเหนือ พวกคุณสองคนอยู่ร่วมกันยังไง”
ป๋อจิ่งหังเห็นหวันหว่านที่กำลังกินข้าวต้มด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยก็อดยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้
“ใครจะไปรู้”
เฉินฝานซิงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะมองป๋อจิ่งหังด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างคนสองคน เธอเองก็ถามอะไรมากไม่ได้
ป๋อจิ่งชวนกวาดสายตาไปมองป๋อจิ่งหังแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดหน้าตาย
“ในเมื่อกลับมาแล้ว แต่งงานก็แต่งแล้ว หยุดคิดเล่นสนุกสักแป๊บ พรุ่งนี้เข้าไปที่บริษัท เก้าอี้ตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารนายต้องจับไว้ให้มั่น”
ป๋อจิ่งหังสูดหายใจเข้าลึก
“เจอหน้าทีไรไม่เคยมีเรื่องดีๆ เลย”
ป๋อจิ่งชวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาดำขลับดูลึกซึ้ง
ป๋อจิ่งหังโดนจ้องจนรู้สึกรำคาญ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“รู้แล้ว ฉันรู้จักความพอดีน่า ให้เวลาฉันอีกหน่อย มีหลายเรื่องที่ยังวางแผนไม่เรียบร้อย”
ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาของเขาลงอย่างไม่ใส่ใจ “มีเรื่องยังวางแผนไม่เรียบร้อย นายยังมีกะจิตกะใจมาเลี้ยงเด็กอยู่ที่บ้านเหรอ”
“ฉัน…”
ป๋อจิ่งชวนหันไปมองหวันหว่าน แล้วพูดเสริมขึ้นมาอีกคำ
“ดูพี่สะใภ้”
“…”
“นายให้ผู้หญิงเลี้ยงนายเหรอ”
“…”
“ไม่ยักรู้ว่านายจะมีความสามารถในการเป็นแมงดาได้ด้วย”
“นายพอได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ผู้หญิงคนนั้นถูกญาติของเธอกลืนกินทั้งเป็นไปแล้ว”
ป๋อจิ่งชวนยังคงหน้านิ่งต่อไป “เพราะงั้น นี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่นายให้ผู้หญิงเลี้ยงงั้นเหรอ”
ป๋อจิ่งหังรีบโบกมือปฏิเสธทันที “พอกันที เกี๊ยวนั่นฉันไม่กินแล้ว พอใจหรือยัง”
ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ข้าวต้มในถ้วยของหวันหว่านก็กินหมดแล้ว เฉินฝานซิงเห็นความเข้าอกเข้าใจกันของป๋อจิ่งชวนและป๋อจิ่งหังสองพี่น้องที่ซ่อนอยู่ลางๆ ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อย
บางครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยลองจิตนาการมาก่อนว่าคนอย่างป๋อจิ่งชวน ถ้าอยู่กับน้องชายจะมีท่าทางแบบไหน
บางที อาจจะแค่ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตของตัวเอง บางที ในวงศ์ตรตะกูลยิ่งใหญ่ที่ร่ำรวยขนาดนี้ การห้ำหั่นกันทั้งต่อหน้าและลับหลังระหว่างพี่น้องคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อมาเห็นวันนี้ เธอคงจะคิดมากไปเอง
“เอาเถอะ ผู้หญิงคนนั้นจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมา หวันหว่านก็คิดถึงเธอแล้ว ฉันพาเธอกลับไปก่อนแล้วกัน”
เวลานี้ หวันหว่านนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเฉินฝานซิง ท่าทางเชื่อฟัง กำลังมองดูเฉินฝานซิงที่ใช้กระดาษทิชชูพับกระต่ายให้เธออยู่ ดวงตาเป็นประกายกลมโตของเธอช่างน่ารักจับใจ
หวันหว่านคิดถึงซังอวี๋แล้วงั้นเหรอ
ซะที่ไหนกัน
เห็นๆ อยู่ว่าเชื่อฟังขนาดนี้
ไม่รอให้เฉินฝานซิงโต้แย้ง ร่างสูงตระหง่านของป๋อจิ่งหังก็ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะหิ้วหวันหว่านที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของเฉินฝานซิงขึ้นไปด้วย
หวันหว่านถูกหิ้วปกเสื้อด้านหลัง แขนที่เต็มไปด้วยเนื้อแน่นๆ และขาสั้นๆ ของเธอดิ้นไปมาอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง หลังจากที่การดิ้นขัดขืนไม่เป็นผล สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้ป๋อจิ่งหังหิ้วเธออยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน
ท่าทางที่จำใจยอมรับของเธอนั้นทำให้เฉินฝานซิงรู้สึกปวดใจไปตามๆ กัน
“ใครเขาดูแลเด็กแบบนี้กัน อย่าดึงปกเสื้อของเธอสิ ถ้าคุณรัดคอเธอขึ้นมาจะทำยังไง”
“เหอะ ผู้ชายจะไปละเอียดอ่อนขนาดนั้นได้ไง”
เฉินฝานซิงกุมขมับ “เธอยังเป็นแค่เด็กอยู่ อีกอย่างเป็นเด็กผู้หญิงด้วย คุณจะอ่อนโยนสักหน่อยไม่ได้เหรอ”
ป๋อจิ่งชวนยืนพยักหน้าเอออออยู่ด้านข้าง “ใช่ ป่าเถื่อน”
ป๋อจิ่งหังกัดฟันกรอด พวกนายเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยดีจริงๆ
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากพูดอะไร สายตาของป๋อจิ่งชวนก็หันไปทางเฉินฝานซิง แล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ผมไม่เหมือนเขาหรอกนะ”
เฉินฝานซิงหัวเราะร่า
“…”
ป๋อจิ่งหังแทบจะกระอักเลือดลงไปตรงนั้น ผู้ชายที่กำลังทำท่าอ้อนวอนขอคำชื่นชมอยู่ตรงหน้านี่ ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเขาจริงเหรอ
หันกลับไปดูอีกที พี่ชายของเขาก็หุบยิ้มที่ให้กับเฉินฝานซิงไปเรียบร้อย ก่อนจะหันมามองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“บอกให้นายอุ้มให้ดีๆ ไม่ได้ยินหรือไง”