ตอนที่ 433 ต้องพูดใหม่แล้ว / ตอนที่ 434 สู้ไม่ได้ ก็หลบ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 433 ต้องพูดใหม่แล้ว

ป๋อจิ่งหังกัดฟันกรอด ยื่นมือเข้าไปรองสะโพกของหวันหว่านเพื่อจะอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด

เหม็นความรักที่สองคนนี้แผ่ซ่านออกมาจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!

ขืนอยู่ต่อไป เขาคงจะช็อกกับปฏิกิริยาของพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองตายก่อนแน่

ก็แค่คบกันไม่เห็นจะมีอะไรสุดยอดตรงไหน

เขาน่ะ ถึงขั้นแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ

“ไปละ”

เขาพูดทิ้งท้ายไว้สองคำด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา จากนั้นก็อุ้มหวันหว่านเดินไปทางหน้าประตู

“คุณอา คุณน้า…บ๊ายบาย…บ๊ายบาย…” หวันหว่านพูดด้วยท่าทางเชื่อฟังพลางโบกมือให้กับเฉินฝานซิงและป๋อจิ่งชวน

“นี่ น้องสะใภ้ ต้องพูดใหม่แล้ว ไม่ใช่คุณอาคุณน้า ต้องเรียกว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เหมือนกับฉันนะ”

หวันหว่านนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพริบตาปริบๆ จากนั้นเสียงนุ่มเล็กก็ดังขึ้น

“พี่ใหญ่…พี่สะใภ้…บ๊ายบาย…บ๊ายบาย…”

“…”

“…”

คิ้วของป๋อจิ่งชวนกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ มุมปากของเฉินฝานซิงก็พลันยกขึ้นเบาๆ เช่นกัน

มองดูหน้าตาน่ารักน่าชังของหวันหว่าน ในใจพลันคิดว่าจู่ๆ ก็มีน้องสะใภ้เพิ่มมาอีกคนเสียได้ ความรู้สึกนี้ ช่าง…วิเศษณ์จริงๆ

แต่ว่า อายุไม่ห่างกันไปหน่อยเหรอ

หลังจากรวบรวมสติได้ เฉินฝานซิงก็ส่งยิ้มให้เธอ

“หวันหว่านอย่าลืมมาเล่นที่นี่บ่อยๆ นะ”

“ได้ค่ะ…”

น้ำเสียงเล็กๆ งุ้งงิ้งนั้นทำให้เฉินฝานซิงที่ได้ยินแทบใจละลาย

หลังจากที่ส่งทั้งสองคนกลับไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินฝานซิงยังคงไม่จางหายไปไหน

ป๋อจิ่งชวนดึงเธอเข้ามากอดเบาๆ ก่อนจะโอบเอวเธอเอาไว้ “ชอบหวันหว่านขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็น่ารักมากๆ เลยนี่ ไม่ใช่เหรอ”

“เชื่อผม ลูกของพวกเราจะต้องน่ารักกว่าแน่”

ลมหายใจร้อนผ่าวรดอยู่ที่ปลายจมูกของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีความแหบพร่าเล็กน้อยดังก้องอยู่ในหูของเฉินฝานซิง ฟังแล้วช่างเซ็กซี่เหลือเกิน

เฉินฝานซิงกัดริมฝีปากไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ หลบสายตา

ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอแทบจะบ้าตายได้จริงๆ

ป๋อจิ่งชวนบรรจงจูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ

“น้ำหอมที่ปรุงวันนี้ยังอยู่หรือเปล่า”

ได้ยินดังนั้น เฉินฝานซิงก็เงยหน้าขึ้นมองเขา “อยู่”

“อยู่ร่วมกัน อืม?” ป๋อจิ่งชวนลูบผมของเธอพลางนึกถึงคลิปวิดีโอที่ได้ดูวันนี้อย่างถี่ถ้วน “ขอผมดูหน่อย”

เฉินฝานซิงพยักหน้า ผละตัวออกจากอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวน หลังจากที่หากล่องเจอ เธอก็หยิบเอาน้ำหอมที่ปรุงขึ้นในการแข่งขันรอบคัดเลือกในวันนี้ของตัวเองขึ้นมา

เมื่อป๋อจิ่งชวนได้เห็นขวดน้ำหอมตัวอย่างวางอยู่ตรงหน้าสองขวด ดวงตาดำขลับคู่นั้นก็ฉายประกายออกมาชั่วขณะ

เฉินฝานซิงหยดน้ำหอมลงบนข้อมือของป๋อจิ่งชวนหนึ่งหยด จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วถูวนเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้กับเขา “ดมดูสิ”

ป๋อจิ่งชวนยกมือขึ้นมาวางไว้ปลายจมูกแล้วลองดมดู ทันใดนั้นกลิ่นหอมสดชื่นก็ลอยเข้ามาแตะที่จมูกของเขาอย่างช้าๆ ทว่ากลิ่นนี้กลับซึมซับไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ราวกับหยดน้ำที่หยดลงบนผืนน้ำนิ่งแล้วกระเพื่อมออกเป็นวงรอบๆ

เฉินฝานซิงเองก็หยดน้ำหอมลงบนข้อมือของตัวเองหนึ่งหยดเช่นกัน ก่อนจะยกมือขึ้นมาวางที่ปลายจมูกแล้วดมดู สุดท้ายก็ยื่นไปที่ปลายจมูกของป๋อจิ่งชวน

เป็นความหอมสดชื่นเหมือนกัน ทว่ากลับแฝงไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน เป็นความหอมละมุนแบบที่ผู้หญิงควรจะมี กลิ่นนั้นประชิดเข้ามาใกล้ประหนึ่งเป็นการตอบโต้ที่กระตือรือร้น

จากนั้นเธอก็จับแขนของทั้งสองคนมาวางไว้ด้วยกัน ก่อนจะดมอีกครั้ง

นั่นกลายเป็นอีกกลิ่นที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ปลดปล่อย พันพัว อ่อนโยน

ใบหน้าหล่อเหลาของป๋อจิ่งชวนปรากฏรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“คุณยอดเยี่ยมขนาดนี้ คนพวกนั้นจะเอาอะไรมาแข่งกับคุณ”

สายตาของเฉินฝานซิงเยือกเย็น น้ำเสียงเฉยชา

“ถ้าไม่ใช่เฉินเชียนโหรว ฉันก็ไม่อยากจะให้วิธีแบบนี้ ปล่อยให้เธอได้ใจไปเถอะ ฉันชอบเล่นเกมยกยอให้เธอตายใจ ครั้งนี้ ฉันจะดันเธอให้ขึ้นเวทีรอบนานาชาติด้วยมือของฉันเอง จากนั้นก็จะกระชากหน้ากากเธอต่อหน้าคนทั้งโลก…”

คิดจะทำให้ฉันต้องอับอายขายหน้าอย่างนั้นเหรอ งั้นก็ลองดูสิ…

ตอนที่ 434 สู้ไม่ได้ ก็หลบ

คฤหาสน์สกุลเฉิน

เฉินเชียนโหรวยังคงไม่มีทีท่าว่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้

เธอเพียงแต่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของซูเหิงพลางส่งเสียงสะอื้นเบาๆ

เจียงหรงหรงที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยทนฟังเธอร้องไห้มาเป็นครึ่งชั่วโมงจนรู้สึกวิงเวียนศีรษะไปหมด

“เอาละ เรื่องนี้ปล่อยให้ฝ่ายพีอาร์ของบริษัทจัดการ เชื่อว่ายังไงข่าวก็จะโดนกลบไปในอีกไม่นาน ว่าแต่เธอไปทำอะไรให้กรรมการคนนั้นไม่พอใจเข้า ถึงทำให้เขาชี้หน้าต่อว่าเธอด้วยความฉุนเฉียวขนาดนั้น ทำไมเขาถึงบอกว่าแม้แต่คะแนนเดียวก็ไม่อยากให้เธอล่ะ”

ได้ยินดังนั้น เฉินเชียนโหรวก็ตะลึงงันตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ความกระวนกระวายภายในใจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

พอย้อนกลับไปนึกดู ก่อนที่เอเลนจะพูดประโยคนี้ ก่อนหน้านี้เขาได้พูดคุยกับเฉินฝานซิง หรือว่าเฉินฝานซิงจะเปิดโปงเธอต่อหน้าเอเลนไปแล้ว

ไม่ เป็นไปไม่ได้

ถ้าหากเปิดโปงแล้ว งั้นทำไมพวกเขาถึงไม่หยิบเรื่องขึ้นมาพูดให้เคลียร์ไปเลยล่ะ

จะตัดสิทธิ์ในการแข่งขันของเธอไปเลยงั้นเหรอ

อีกอย่าง เฉินฝานซิงก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรขนาดนั้นที่จะใช้คำพูดแค่ไม่กี่คำก็ทำให้เอเลนเชื่อว่าตัวเองเป็นคนลอกผลงานตัวจริงได้

ยังมีอีกเรื่อง เฉินฝานซิงเคยหยิบตัวอย่างน้ำหอมอีกขวดขึ้นมาให้เอเลนลอง

หลังจากนั้น ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าน้ำหอมขวดนั้นจะมีปัญหา

ใช่แล้ว

จะต้องเป็นน้ำหอมขวดนั้นแน่ๆ

ว่าแต่น้ำหอมขวดนั้นมีปัญหาอะไรกันแน่

เฉินฝานซิงทำบ้าอะไรอยู่กันแน่

แท้ที่จริงแล้วเธอจะคิดจะทำอะไร

เมื่อนึกถึงเฉินฝานซิง สีหน้าของเฉินเชียนโหรวก็แย่ลงไปถนัดตา

ตอนนี้เฉินฝานซิงดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น เธอจับทางหล่อนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ชีวิตที่เฉินฝานซิงเคยเสพสุขอยู่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นของเธอแล้ว

ปู่ ย่า พ่อ ตอนนี้ก็เป็นของเธอ

แม้แต่ซูเหิง สุดท้ายก็กลายเป็นของเธอด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เฉินฝานซิงมีก่อนหน้านี้ เธอค่อยๆ แย่งมันมาทีละนิด

ตอนนี้เฉินฝานซิงไม่เหลืออะไรแล้ว ก็เลยไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้นอย่างนั้นเหรอ

แต่ว่า ทั้งๆ ที่เฉินฝานซิงไม่เหลืออะไรเลย แต่ทำไมตอนนี้กลับยังเหยียบย่ำเธอ อยู่เหนือเธอได้ทุกสถานการณ์

เฉินเชียนโหรวส่ายหน้า ใบหน้าซีดเผือด “ไม่…หนูไม่รู้…หนูไม่รู้ว่าตอนนั้นพี่พูดอะไรกับเอเลนกันแน่ วันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่หนูได้เจอกับเอเลน หนูจะไปทำเรื่องผิดใจเขาได้ยังไง”

ทันใดนั้นเอง หยางลี่เวยก็กลอกตามองบนด้วยความโมโหในทันที

“เฉินฝานซิงอีกแล้ว เฉินฝานซิงอีกแล้ว แม่คะ หนูทนมาพอแล้วนะคะ หลายปีมานี้ หนูทนกล้ำกลืนมาตลอด หนูรู้ดีว่าการเป็นแม่เลี้ยงมันไม่ง่าย ทุกครั้งที่หนูทำดีด้วยแต่โดนเมินใส่ก็ยังต้องฝืนใจยิ้ม หนูทำผิดกับเธอตรงไหน เฉินเชียนโหรวของเราก็เอาอกเอาใจเธออย่างดี ก่อนหน้านี้ที่เธอกลั่นแกล้งเชียนโหรว เชียนโหรวก็ไม่มีปากเสียงอะไรเลย คอยไว้หน้า คอยพูดแก้ต่างให้เธอตลอด…

สิ่งเดียวที่เชียนโหรวทำผิดกับเธอก็คือเรื่องที่ยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ได้ มาคบกับซูเหิง แต่ซูเหิงก็ชอบเชียนโหรวของเราเหมือนกัน สองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน เธอมาแทรกระหว่างกลาง จะไปมีความสุขได้เหรอ เชียนโหรวรู้สึกผิดกับเธอและอยากจะชดใช้ให้เธอมาตลอด แล้วคุณแม่ดูเธอสิ ไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยสักนิด วันๆ หาแต่เรื่อง ในบ้านแทบจะไม่มีวันไหนได้หยุดพักเลยด้วยซ้ำ”

เจียงหรงหรงคิ้วขมวดมุ่น ทุกรอยย่นบนใบหน้าเกือบจะมากระจุกรวมกัน

ภาพในหัวที่ปรากฏเข้ามาเป็นภาพของเฉินฝานซิงตอนที่พูดกับตัวเองในวันงานเลี้ยงฉลอง

สายตาแบบนั้น น้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดแบบนั้น ยังคงติดตราตรึงอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

เธอยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วด้วยความจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี

“หลังจากการแข่งขันรอบนานาชาติครั้งนี้ พวกเธอทุกคนห้ามเข้าไปมีความเกี่ยวข้องกับยายตัวซวยนั่นอีก สู้ไม่ได้ ก็หลบ”

หยางลี่เวยแสยะยิ้ม “หลบ? หลบพ้นเหรอคะ มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ใช่เธอเป็นคนเข้ามาหาเรื่อง เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ หนูรู้ว่าหลายปีมานี้เธอเกลียดที่หนูมาแย่งตำแหน่งแม่ของเธอมาโดยตลอด เป็นหนูเองที่บีบบังคับจีเฟิ่งเหมียนจนถึงแก่ความตาย แต่ว่ามันใช่แบบนั้นเหรอ ตอนนั้น ทั้งๆ ที่เธอ…”