ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 45

กุ้ยไท่เฟยทนไม่ไหวจนต้องถามหยวนพ่านออกไป “จักรพรรดิเหลียงไม่ได้เป็นแค่ลมชักรึ? ทำไมถึงได้รุงแรงขนาดนี้? ข้าเคยได้ยินโรคลมชักมาก่อน กับชาวบ้านก็มีออกเยอะไป”

ถึงแม้โรคลมชักนี้จะไม่พบเห็นได้บ่อย แต่ก็เคยได้ยินในหมู่ชนพื้นเมือง ไม่น่าที่จะรุนแรงได้เยี่ยงนี้

หยวนพ่านอธิบายไปว่า “ตามที่พระองค์ได้กล่าวมา ขณะที่เกิดอาการลมชักหากจัดการได้ดี ก็คงไม่มีผลร้ายเป็นธรรมดา แต่หากจัดการได้ไม่ดี ผลที่ตามมาจะมีมากมายพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างตามความเป็นจริงแล้ว เป็นเพราะเกิดอาการในระยะเวลาสั้น ๆ ติดต่อกัน…” เขาหยุดไปเล็กน้อย นึกถึงคำที่จื่ออาพูด และตอบไปว่า “บวกกับตอนที่องค์จักรพรรดิเหลียงเกิดอาการ มีน้ำลายหรือไม่ก็เลือดไปอุดอยู่ที่หลอดลม จากนั้นเข้าไปในปอดจนทำให้ปอดติดเชื้อจนอวัยวะล้มเหลว และไม่สามารถหายใจได้ มันจึงเริ่มรุนแรงขึ้นมา พ่ะย่ะค่ะ”

ภายนอกตำหนัก จื่ออานคอยดูแลอยู่ใกล้ชิดจักรพรรดิเหลียง นวดขาสองข้างให้เขา เพราะตอนที่เกิดอาการลมชัก ร่างกายจะเหยียดตัวเกร็ง กล้ามเนื้อไม่สามารถคลายตัว หากได้ผ่านการนวดที่เหมาะสม จะสามารถบรรเทาอาการที่ไม่สบายตัวได้

ลมหายใจขององค์จักรพรรดิเหลียงยังคงยากลำบาก จื่ออานคิดจะแอบเอาชุดเข็มฉีดยาออกมาฉีดให้เขาตั้งหลายครั้ง แต่ติดตรงที่มู่หรงเจี๋ยยังไม่ยินยอม เธอจึงไม่กล้ารีบร้อน อันที่จริงแล้ว ตอนนี้ก็มีแค่มูหรงเจี๋ยคนเดียวเท่านั้นที่สนับสนุนเธอ

เธอลอบมองมู่หรงเจี๋ยเป็นระยะ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณที่ศาลาด้านนอก องศาใบหน้าด้านข้างของเขาดูเย็นชาและแข็งกร้าว เส้นสัดส่วนคมชัด มองไม่เห็นอารมณ์ของเขาที่ชัดเจน แต่เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่ประตูตำหนัก จื่ออานเดาว่า เขาไม่ได้ใส่ใจที่หวงไท่โฮ่ว และฮองเฮาพูดอะไรกันอยู่ข้างใน เพราว่าเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว และการตัดสินใจนี้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้

“เซี่ยจื่ออาน!” จักรพรรดิเหลียงหายใจหอบ เรียกนางออกมาคำหนึ่ง

จื่ออานหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาพัดให้เขาข้าง ๆ กายอย่างเบามือ “ฝ่าบาท หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ”

“เจ้า…” จักรพรรดิเหลียงกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง พยายามยกหัวขึ้นมาอย่างยากเย็น แต่คอถูกยึดเอาไว้ จึงทำให้เขาไม่สามารถยกขึ้นมาได้ สองมือทำได้เพียงแต่กำขอบเตียงแน่น พยายามขยับหัวเล็กน้อยอย่างยากลำบาก “ที่เจ้าล้มงานอภิเษก เป็นเพราะ…เกลียดชังข้า?”

จื่ออานส่ายหน้า “ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันไม่รู้จักท่านอ๋อง จะเกลียดท่านอ๋องได้อย่างไรล่ะเพคะ? หม่อมฉันแค่ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือของใคร”

เธอสามารถพูดตรงไปตรงมากับจักรพรรดิเหลียงได้ เพราะเรื่องที่ล้มงานแต่งเกิดขึ้นไปแล้ว เธอแก้ตัวมามากเกินไปแล้ว ได้แต่ทำให้คนคิดว่าเธอเสแสร้ง โดยเฉพาะองค์ชายผู้รับราชการแทนพระองค์ที่ยังนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ

หัวจักรพรรดิเหลียงหนักอึ้งไปแวบหนึ่ง ใบหน้าที่ซีดเซียวค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่พอใจ “งั้นก็ดี ข้าอภัยให้เจ้า”

จื่ออานมองเขาอย่างประหลาดใจ เขาบอกว่าอภัยให้เธอ? เรื่องล้มงานอภิเษกโจมตีเขาอย่างหนัก ทำให้เขาต้องขายหน้า เขาพูดว่าอภัยให้เธองั้นหรอ?

ตำนานที่ว่าจักรพรรดิเหลียงนั้นโหดเหี้ยม เผด็จการ และอำมหิต กลับพูดดีขนาดนี้หรือ?

“ข้าจะตายไหม?” จักรพรรดิเหลียงยังถามต่อ แต่สายตาราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจอะไร

ตอนที่จักรพรรดิเหลียงถามประโยคนี้ มู่หรงเจี๋ยก็หันหน้ามามอง เขาจ้องเขม็งไปที่จื่ออาน นัยน์ตาเกิดอารมณ์ที่สับสันเล็กน้อย

จื่ออานพูดอย่างตั้งใจ “ในฐานะหมอของพระองค์ หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุด จะพยายามใช้ทุกหนทางที่ทำให้พระองค์มีชีวิตอยู่ต่อไป”

“ตกลง!” จักรพรรดิเหลียงไม่ถามไถ่ต่ออีก เขาไม่ได้แสดงออกว่าเชื่อมั่นในตัวจื่ออานมากมาย เพียงแค่คิดเหมือนคนที่ใกล้จะตาย ที่สามารถโอบกอดทุกความหวังของการมีชีวิตอยู่ไว้ ต่อให้ความหวังนี้ในความเข้าใจของเขาจะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

ดวงตาของเขาค่อย ๆ ปิดลง เขาพูดพึมพำออกมาหนึ่งประโยค แต่เสียงเบามาก จนแทบจะไม่ได้ยิน

แต่จื่ออานกลับได้ยินประโยคนี้ เหมือนกับโดนทิ่มแทงลงตรงกลางใจอย่างไม่มีสัญญาณเตือน แทงไปโดนจุดที่เจ็บที่สุดตรงกลางหัวใจ เธอเกือบจะกลั้นน้ำตาที่จะหลั่งออกมาไว้ไม่ได้

เธอได้ยินประโยคนั้นชัดเจน เขาพูดว่า “อยู่ก็ดี ตายก็ดี ไม่มีใครมาใส่ใจมากมาย ชีวิตแบบนี้ จะอยู่ต่อหรือตายไป ล้วนไม่ต่างกัน”