ตอนที่ 694 จะเลือกทางไหนก็เกี่ยวพันถึงอนาคต

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“พี่สะใภ้ ไม่พูดตรงขนาดนี้ได้ไหมเนี่ย?” หลิวเหมยหน้าแดงกล่ำเพราะคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน

 

 

 นี่เธอเป็นสาวน้อยที่ไม่มีประสบการณ์นะ อยู่ๆก็มาพูดเรื่องแตงกวา มันจะดีเหรอ!!

 

 

“พี่พูดความจริง ไปเอาสมุดมาจดสิ หมอเฉินจะสอนวิชาสุขศึกษาให้!”

 

 

“…เชิญบรรยาย” หลิวเหมยพบว่าบางครั้งเสี่ยวเชี่ยนถ้าเข้าสู่โหมดวิชาการแล้วล่ะก็ ใครห้ามก็เอาไม่อยู่

 

 

“การกระตุ้นอวัยวะบางอย่างจะทำให้มีความสุข ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความคิดเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องที่ร่างกายพาไปล้วนๆ เธอควบคุมการกระพริบตาได้ไหม? ดวงตากับอวัยวะXXล้วนเป็นอวัยวะของร่างกาย มีปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณ แล้วทำไมเราถึงไม่มองว่าการกระพริบตาเป็นพฤติกรรมที่อ่อนไหว? นั่นก็เพราะความคิดโบราณเอาเรื่องรักกับเรื่องทางเพศมาทำให้มันคลุมเครือ ทำให้เหยื่อหลายคน ผ่านปราการที่อยู่ในจิตใจไม่ได้ คิดว่าตัวเองเผลอใจเลยทำให้เกิดความรู้สึกอย่างว่ากับคนร้าย จึงเลือกที่จะไม่แจ้งตำรวจ ขณะเดียวกันก็กดดันตัวเองจนเป็นโรคจิตเวชหรือถึงขนาดที่มีอาการทางประสาทเลยก็มี พวกเขาเกลียดตัวเองมากกว่าเกลียดคนร้ายเสียอีก หรือแม้แต่คนที่ติดตามเหตุการณ์ยังคิดว่าเป็นความผิดของผู้หญิง”

 

 

ความคิดที่ว่าทำเรื่องอย่างว่าเพื่อให้เกิดความสุขไปเพราะความรักเป็นความคิดที่ไม่ผิด  แต่ถ้าไม่ได้ทำไปเพราะความรักแต่มีความสุขนี่คือเรื่องจริง มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้เกี่ยวกับสมอง

 

 

“งั้นแบบนี้ไม่เหมือนกับสถานการณ์ของเวยเวยใช่หรือเปล่า?”

 

 

“แน่นอน ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน แต่ทั้งสองเหตุการณ์แตกต่างกัน วิธีการรักษาก็ไม่เหมือนกัน หน้าที่ของจิตแพทย์อย่างพวกพี่ก็คือการให้ความรู้ว่าอาการตอบสนองของร่างกายที่เป็นไปโดยสัญชาตญาณแบบนี้เป็นเรื่องที่ปกติ”

 

 

เหยื่ออย่างผู้อำนวยการถ้าไปหาจิตแพทย์รักษา2-3ครั้งอาการก็จะคงที่ แต่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างเวยเวยการรักษาจะยุ่งยากกว่ามาก แต่ต่อให้เป็นโรคจิตเวชที่ยุ่งยากแค่ไหน มีประธานเชี่ยนอยู่ทั้งคนก็ไม่ใช่ปัญหา

 

 

เสี่ยวเชี่ยนช่วยหลิวเหมยกำจัดหนังสือพิมพ์ แล้วถือโอกาสปลอบใจหลิวเหมยไปด้วย คอลัมน์สังคมในหนังสือพิมพ์แบบนี้ไม่ค่อยมีคนสนใจ เดี๋ยวบอกให้เย่เสียวอวี่พาเวยเวยไปเที่ยวหลายวันหน่อย กลับมาก็ไม่มีคนสนใจเรื่องนี้เท่าไรแล้ว

 

 

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้นเย่เสียวอวี่ก็โทรมา

 

 

“เหม่ยเหวย ฉันกำลังกลับไป อีกห้านาทีถึงบ้าน เมื่อกี้พ่อโทรมาบอกว่าอยากขอโทษเวยเวย เขาบอกว่าเขาไม่ไหวแล้ว วันๆได้ยินแต่เสียงหมาเห่า นอนไม่หลับมาหลายคืน ทำไงดี?”

 

 

“เขาจะมาก็ให้เขามา เธอพาเวยเวยไปหาอะไรกินก่อน อีกครึ่งชั่วโมงค่อยพาเวยเวยกลับมา ห้ามมาไวกว่านี้แม้แต่นาทีเดียว เข้าใจไหม?”

 

 

“ได้” ตอนนี้เย่เสียวอวี่เชื่อฟังเสี่ยวเชี่ยนทุกอย่างเพื่อเวยเวย

 

 

“เย่เสียวอวี่ ตอนนี้ฉันมีสองทางเลือกให้เธอ เลือกน้องหรือเลือกพ่อ?”

 

 

“ฉัน…ฉันเลือกความถูกต้อง”

 

 

“ได้ ใช้เส้นสายของเธอที่มีไปพานักข่าวมาที่นี่ จากนั้นไม่ต้องสนว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฟังฉันอย่างเดียว พรุ่งนี้พาน้องเธอไปเที่ยวสักครึ่งเดือน พอกลับมาเขาก็จะมีชีวิตใหม่”

 

 

“เหม่ยเหวย เธอจะทำอะไรน่ะ?”

 

 

“วางใจได้ ฉันไม่ทำอะไรเกินเลย ไม่มีทางทำเรื่องเวยเวยให้เป็นเรื่องใหญ่”

 

 

“งั้น…ถ้าฉันไม่เลือกความถูกต้องล่ะ?”

 

 

“ฉันก็จะหานักข่าวมาเอง ฉันจะหาคนพาเวยเวยไปเที่ยวครึ่งเดือน แล้วเธอก็จะอยู่กับความรู้สึกผิดต่อน้องสาวไปตลอดชีวิต”

 

 

ตัวเลือกทั้งสองของประธานเชี่ยน ไม่ว่าอันไหนก็คือการรักษาเวยเวยให้หาย แต่เย่เสียวอวี่จะเลือกทางไหนนั้นล้วนเกี่ยวพันถึงอนาคตของตัวเอง

 

 

หลายวันมานี้ล้วนมีความหมายกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนวุ่นอยู่กับการสนุกสนานกับเพื่อนสนิทของตัวเอง แล้วถือโอกาสอวดความรักไปในตัว ส่วนเวลาที่เหลือยังได้รักษาคนไข้ด้วย

 

 

หลิวเหมยกับฉิวฉิววุ่นอยู่กับการหาสถานที่เตรียมเปิดกิจการที่เป็นของตัวเอง

 

 

สุ่ยเซียนวุ่นอยู่กับความทุกข์ที่ ‘อกหัก’ กับความสงสัยในปริศนาบอดี้การ์ดชเรอดิงเงอร์ของเธอที่ประธานเชี่ยนทิ้งไว้ให้

 

 

ส่วนเย่ต้าเชียนที่ทำความผิดชนิดไม่สมควรให้อภัย ช่วงหลายวันมานี้นิยามชีวิตเขาได้สั้นๆคำเดียวว่า หวาดกลัว

 

 

ทุกวันเขาจะฝันร้าย ฝันว่าถูกหมากัด และเรื่องที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือ เช้ามืดของทุกวันเขาจะได้ยินเสียงหมาหอน

 

 

ช่วงแรกที่อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น หลุ่ยจือยังมีความกล้าที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขา ต่อมาก็ทนไม่ไหว น่ากลัวมาก อย่างกับมีผี

 

 

ได้ยินว่าช่วงไม่กี่วันมานี้หลุ่ยจือเริ่มจุดธูปไหว้พระ เธอเริ่มเชื่อเรื่องกรรมตามสนอง ปกติไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ พอเกิดเรื่องก็อยากให้พระช่วยคุ้มครอง หวังว่าการไหว้พระทำบุญจะช่วยให้ปัดเป่าความทุกข์ได้

 

 

แต่ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ เย่ต้าเชียนจากที่เริ่มแรกแค่ฝันร้าย มาตอนนี้ถึงกับตอนกลางวันยังเกิดความรู้สึกว่ามีหมาตามมาหลอกหลอน แค่หลับตาก็เหมือนเห็นภาพตอนที่ถูกหมากัดครั้งนั้น เป็นอยู่แบบนี้วนเวียนไป—อันที่จริงปฏิกิริยาแบบนี้หากอธิบายทางวิทยาศาสตร์ก็คือโรคเครียดหลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะเกิดภาพหลอนตอนเกิดเหตุไประยะหนึ่ง

 

 

แต่เย่ต้าเชียนเคยถูกเสี่ยวเชี่ยนพูดจาชี้นำทางอ้อมก่อนหน้านี้ คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนแทรกซึมเข้าไปในสมองของเขา เขารู้สึกว่านี่คือผลกรรมที่ได้รับ ‘หมอดู’ พูดถูก

 

 

อันที่จริงเสียงหมาเห่าหมาหอนตอนดึกนั้นเป็นฝีมือของผู้หญิงผมทองที่เหม็นขี้หน้าเย่ต้าเชียน จึงแอบเข้ามาเปิดเทปเสียงหมาเห่าในโรงพยาบาลกลางดึก

 

 

ผู้หญิงคนนั้นได้รับคำสั่งให้มาสะกดรอยตามดูเสี่ยวเชี่ยน จึงรู้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเสี่ยวเชี่ยนอย่างชัดเจน เธอเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่พอเห็นคนเลวอย่างเย่ต้าเชียนก็รู้สึกหงุดหงิด บอสไม้ให้เธอลงมือ แต่เธอทนไม่ไหว เลยเอาเทปบันทึกเสียงหมาเข้ามาแอบเปิดในโรงพยาบาลกลางดึก

 

 

สำหรับคนที่เห็นเงินเป็นพระเจ้าอย่างสาวผมทองคนนี้ ถ้าไม่ให้เงินเธอก็ขี้เกียจจะสนเรื่องอื่น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เธอเห็นประธานเชี่ยนปั่นหัวเย่ต้าเชียนอย่างสนุกสนาน ไม่นานเธอก็เผลอเล่นสนุกตามประธานเชี่ยนไปด้วย แอบช่วยเอาคืนไปครั้งหนึ่ง

 

 

ถึงประธานเชี่ยนจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของสาวผมทอง แต่เธอรู้ว่าจะต้องมีคนแอบเล่นงานเย่ต้าเชียนร่วมกับเธออยู่แน่ๆ เป็นศัตรู เป็นมิตรหรือเป็นคนแปลกหน้า เรื่องนี้ประธานเชี่ยนไม่ติดใจอะไร ท่าทีของเธอก็เหมือนกับท่าทีที่มีต่อบอดี้การ์ดข้างกายสุ่ยเซียน เฝ้าสังเกตการณ์

 

 

ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ ถ้าไม่ยุ่งกับผลประโยชน์ของเธอ ไม่แตะต้องคนรอบตัวเธอ ประธานเชี่ยนก็จะคอยดูอยู่ห่างๆ

 

 

นักข่าวที่เย่เสียวอวี่เรียกมาแล้ว เย่เสียวอวี่กับเวยเวยยังไม่กลับมา เย่ต้าเชียนยังมาไม่ถึง แต่คิดว่าคงใกล้แล้ว

 

 

นักข่าวคนนี้เป็นผู้หญิงอายุน้อย รูปร่างไม่ค่อยสูง พอเข้าบ้านก็ยื่นมือให้เสี่ยวเชี่ยนคิดจะจับมือแนะนำตัว

 

 

“สวัสดีค่ะฉัน—”

 

 

“อ๊า!!! คุณเป็นไอดอลของฉัน!” นักข่าวพุ่งเข้าไปหาด้วยความตกใจ เล่นเอาประธานเชี่ยนถึงกับอึ้ง

 

 

อิหยังวะ? นี่เธอรู้จักแม่สาวคนนี้เหรอ?

 

 

“ไอดอล ลืมฉันแล้วเหรอคะ? ฉันไง ฉันเอง!”

 

 

“…จำผิดคนแล้วมั้งคะ?”

 

 

“เปล่านี่คะ เมื่อก่อนมีคดีคนร้ายจี้ตัวประกันที่เมืองQ ที่จี้เด็กเป็นตัวประกันบนดาดฟ้าอะค่ะ คุณไปช่วยเจรจา ตอนนั้นคนที่รายงานข่าวนี้คือฉันเองค่ะ! ฉันรู้สึกนับถือในตัวตนของคุณมาก! ยังคิดจะไปสัมภาษณ์คุณเลยด้วยซ้ำ แต่มีทหารหน่วยรบพิเศษคนหนึ่งจ้องฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ลูกน้องของเขาลากฉันเข้าไปในลิฟท์ ฉันเลยพลาดโอกาสที่จะได้สัมภาษณ์ เสียดายมากเลยค่ะ”

 

 

นักข่าวพอได้เจอเสี่ยวเชี่ยนก็อารมณ์เหมือนกับแฟนคลับได้เจอดาราที่ตัวเองชื่นชอบ ใบหน้าแดงกล่ำ มือที่จับเสี่ยวเชี่ยนไม่ยอมเอาออก อยากจะให้เสี่ยวเชี่ยนเซ็นชื่อให้ด้วยซ้ำ

 

 

“คุณเองเหรอ…” เสี่ยวเชี่ยนนวดขมับ เธอนึกออกแล้ว