ตอนที่ 695 ประธานเชี่ยนเป็นยอดมนุษย์

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

นั่นคือเรื่องหลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนกลับมาจากการถูกลักพาตัวไปในหุบเขา

 

 

มีคนร้ายจับเด็กผู้หญิงเป็นตัวประกัน เธออยู่แถวนั้นพอดีจึงได้ไปช่วยเจรจา อาศัยความรู้ทางด้านจิตวิทยาอันแข็งแกร่งสยบคนร้าย จากนั้นก็ร่วมมือกับอวี๋หมิงหลางช่วยตัวประกันได้สำเร็จ ตอนนั้นมีนักข่าวฝึกงานคนหนึ่งแอบตั้งกล้องถ่ายทอดสดระหว่างที่เธอเจรจากับคนร้าย ด้วยเหตุนี้อวี๋หมิงหลางจึงโมโหมาก รู้สึกว่าเป็นการเปิดเผยตัวตนแฟนที่เขารักดั่งแก้วตาดวงใจ ดังนั้นจึงให้ลูกน้องจับโยนเข้าไปในลิฟท์

 

 

การถูกเปิดเผยตัวตนเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก แต่จากครั้งนั้นกลายเป็นความโชคดีมากกว่าความโชคร้ายของเสี่ยวเชี่ยน เพราะนักข่าวคนนี้ย้ำหนักมากว่าเธอเป็นสายของตำรวจ ทำให้เสี่ยวเชี่ยนไม่ต้องถูกเล่นงานประเด็นถูกลักพาตัวไปในหุบเขา

 

 

นึกไม่ถึงจริงๆว่าจะได้เจอกันอีก พรหมลิขิตแท้ๆ

 

 

“ไอดอลคะ! พอฉันฝึกงานที่เมืองQเสร็จก็ย้ายมาทำงานที่เมืองนี้ ได้เจอไอดอลฉันดีใจมากเลยค่ะ จริงสิ ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันชื่อไป๋จิ่นค่ะ เป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์!”

 

 

หลายปีก่อนตอนที่รายงานข่าวเสี่ยวเชี่ยนไป๋จิ่นยังเป็นนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ รายการนั้นยอดคนดูไม่ใช่น้อยๆก็แสดงว่าเธอคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้กลับมาเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ก็แสดงว่าไปล่วงเกินคนมาไม่น้อย เสี่ยวเชี่ยนเห็นนิสัยก็รู้ได้เลยว่า คนๆนี้สายเลือดนักข่าวอย่างแท้จริง มีความกระตือรือร้น แต่คงไปรายงานข่าวที่ไม่สมควรเข้า ปกติพวกผู้บริหารไม่ชอบลูกน้องแบบนี้อยู่แล้ว

 

 

“ตอนนี้คุณรับผิดชอบเขียนข่าวด้านไหนอยู่เหรอคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม

 

 

“ก่อนหน้านี้เป็นข่าวสังคม ต่อมาก็ข่าวพวกการใช้น้ำมันเก่า โรงงานเถื่อนอะไรแนวๆนี้ ตอนนี้เบื้องบนย้ายฉันมาทำข่าวครอบครัวแล้วค่ะ”

 

 

นักข่าวตอบได้ตรงกับการคาดเดาของเสี่ยวเชี่ยน เด็กคนนี้ลูกบ้าเยอะเกินไป เบื้องบนคงกลัวว่าความดันทุรังของเด็กคนนี้จะไปลากเอาเรื่องยุ่งยากที่ไม่สมควรเข้ามาสร้างความลำบาก จึงจับยัดใส่แผนกที่คิดว่าปัญหาน้อยที่สุดแล้ว

 

 

“ไอดอลคะ ตอนนี้ไอดอลยังทำงานให้พวกตำรวจไหมคะ ฉันติดตามข่าวอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เห็นคุณไปเจรจากับคนร้ายที่ไหนเลย ตอนนั้นคุณเท่ห์มากเลยค่ะ ฉันอยากหาโอกาสสัมภาษณ์คุณมากๆเพื่อให้สังคมได้รับรู้ถึงเสน่ห์ของคุณค่ะ!”

 

 

พอเห็นเด็กคนนี้หลงตัวเธอเป็นอย่างมากประธานเชี่ยนก็วางใจ เรื่องเวยเวยมีทางลงแล้ว เธอจะเล่นใหญ่หน่อยก็ได้

 

 

“ฉันไม่ใช่คนของทางตำรวจ ไม่ใช่นักเจรจาด้วย ฉันขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแล้วกัน ฉันเป็นจิตแพทย์ชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน ยินดีที่ได้รู้จักนักข่าวที่มีความยุติธรรมอย่างคุณนะคะ คุณนักข่าวไป๋จิ่น”

 

 

“หา! คุณเป็นจิตแพทย์?” ไป๋จิ่นคิดมาตลอดว่าการที่เสี่ยวเชี่ยนเจรจากับคนร้ายอย่างใจเย็นได้ขนาดนั้นจะต้องเป็นคนของทางตำรวจแน่ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหมอ!

 

 

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นจิตแพทย์”

 

 

“ฉันยังคิดว่าคุณเป็นตำรวจ…” ไป๋จิ่นอึ้งเล็กน้อย

 

 

“ไม่ใช่แค่ตำรวจที่ลงโทษคนร้ายได้ นักข่าวไป๋จิ่นผู้รักความยุติธรรม คุณจะยอมร่วมมือกับฉันช่วยเยียวยาจิตใจของคนที่ถูกรังแกไหม?”

 

 

“หา? ฉันทำได้เหรอคะ?” แอบตื่นเต้นนะเนี่ย นึกไม่ถึงว่าอีกไม่กี่ปีต่อมาจะได้ร่วมมือกับไอดอลทำเรื่องที่ควรทำ!

 

 

เวยเวยกับเย่เสียวอวี่กลับมาหลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนดีลกับนักข่าวเสร็จ

 

 

เย่เสียวอวี่ไม่ได้สนิทกับไป๋จิ่นเท่าไรนัก เธอให้คนอื่นช่วยติดต่อให้ ได้ยินว่าลูกบ้าเยอะ เป็นคนตรงๆ สมองคิดแต่เรื่องความยุติธรรม แต่นักข่าวของหนังสือพิมพ์เมืองที่ทำข่าวคอลัมน์ครอบครัว นอกจากนักข่าวที่หลุ่ยจือติดต่อไว้ก็มีไป๋จิ่นนี่แหละ ไม่มีทางเลือกก็ต้องเอาคนนี้

 

 

ตอนที่เย่เสียวอวี่พาเวยเวยกลับมา ก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนนั่งอยู่บนโซฟาดุจนางพญา ไป๋จิ่นนั่งเรียบร้อยอยู่ข้างๆ เอาสมุดกับปากกาจดในสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างตื่นเต้น หลิวเหมยเป็นผู้มองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ เธอลากเก้าอี้มานั่งฟังพลางกินแตงหวาน พี่สะใภ้บรรยายพิเศษเธอก็นั่งฟัง กำไรเห็นๆ

 

 

“ดังนั้นความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ท่าทีที่แม่ปฏิบัติต่อลูกเป็นตัวตัดสินชะตาทั้งชีวิตของลูก…” เสี่ยวเชี่ยนเห็นเย่เสียวอวี่กลับมาแล้วก็หยุดการบรรยายพิเศษ

 

 

“ไอดอลคะ สิ่งที่คุณพูดมามีประโยชน์มากเลยค่ะ ฉันคิดว่าฉันไปเสนอกับหัวหน้าให้เปิดคอลัมน์ใหม่ได้ แล้วเชิญไอดอลมาเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้” ดวงตาไป๋จิ่นเป็นประกาย เธอนับถือเสี่ยวเชี่ยนจนแทบคุกเข่าคำนับแนบพื้น

 

 

เย่เสียวอวี่ไม่เข้าใจว่าเสี่ยวเชี่ยนทำยังไงถึงเอานักข่าวหนังสือพิมพ์ที่น่าปวดหัวที่สุดอยู่หมัด เธอแอบดีใจเล็กๆที่ตอนนี้ตัวเองไม่เป็นศัตรูกับเหม่ยเหวยแล้ว รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนเทพ สามารถทำเรื่องที่คนอื่นมองว่ายากให้เป็นเรื่องง่ายได้

 

 

“เวยเวย มาหาพี่เหม่ยเหวยตรงนี้หน่อย พี่มีเรื่องจะพูดด้วย” เสี่ยวเชี่ยนกวักมือเรียกเวยเวย

 

 

“ไอดอลคะ คุณชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมเรียกตัวเองว่าเหม่ยเหวย ชื่อเหมือนกับนักจัดรายการวิทยุตอนกลางคืนที่ฉันชอบฟังเลย!”

 

 

“เหม่ยเหวยเป็นชื่อในวงการของฉัน รายการนั้นฉันเป็นพิธีกรเองแหละค่ะ”

 

 

“หา~~~” ไป๋จิ่นแทบพุ่งเข้าไปหอมแก้มเสี่ยวเชี่ยน เธอก็คิดอยู่ว่าเสียงของไอดอลฟังดูคุ้นๆ ที่แท้พิธีกรรายการตอนกลางคืนที่เธอชอบฟังก็คือไอดอลของเธอนี่เอง!

 

 

น่าตื่นเต้นเหลือเกิน~~

 

 

“อย่าเพิ่งตื่นเต้น จำที่ฉันบอกไว้ให้ดี ทำได้ใช่ไหมคะ?” เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าไป๋จิ่น

 

 

ไป๋จิ่นเหลือบมองเวยเวยที่อยู่ข้างเสี่ยวเชี่ยน ยังเด็กอยู่เลย สายตาดูไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า นี่ก็คือเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารที่เสี่ยวเชี่ยนพูดถึงเหรอ?

 

 

เปลวไฟแห่งความยุติธรรมกำลังเผาไหม้ ไป๋จิ่นกำหมัดแน่น พยักหน้าด้วยความแน่วแน่

 

 

“วางใจได้ค่ะไอดอล ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน อะไรที่ไม่ควรเขียนฉันก็จะไม่เขียนค่ะ!”

 

 

“ฉันรอดูอยู่ สู้ๆ!”

 

 

หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนเอาไป๋จิ่นอยู่หมัดแล้วก็พาเวยเวยเข้าไปในห้อง ทั้งสองคนพูดคุยกันตามลำพัง เย่ต้าเชียนใกล้จะมาแล้ว เสี่ยวเชี่ยนต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เวยเวยก่อน ไม่อย่างนั้นพอเวยเวยเห็นเย่ต้าเชียนก็จะกลัว เรื่องนี้จำเป็นต้องให้จิตแพทย์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหา เสี่ยวเชี่ยนอยากจะสะกดจิตเวยเวยขั้นต้นให้อยู่ในสภาวะกึ่งถูกสะกดจิตเพื่อที่จะได้ลดความหวาดกลัวของเวยเวยและแก้ปมในใจเธอ

 

 

“เหม่ยเหวยทำได้ยังไงกัน?” เย่เสียวอวี่มองประตูห้องที่ปิดสนิทพลางพูดพึมพำด้วยความสงสัย

 

 

ไป๋จิ่นยังคงกำลังจัดการกับข้อมูลที่เพิ่งคุยกับเสี่ยวเชี่ยน วันนี้เธอไม่เพียงแต่จะได้สร้างพลังบวกให้สังคม ยังได้เนื้อหาบทความที่อ้างอิงเนื้อหาจากไอดอลอีกด้วย รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก

 

 

หลิวเหมยแทะแตงหวานเหลือแต่ขั้ว เธออิ่มจนเรอออกมา จากนั้นก็ตอบคำถามของเย่เสียวอวี่ด้วยความมั่นใจ “พี่สะใภ้ของฉันคือยอดมนุษย์”

 

 

ถ้าเป็นตอนปกติเย่เสียวอวี่คงเถียงหัวเด็ดตีนขาด แต่หลังจากได้เห็นความสามารถของเสี่ยวเชี่ยนเธอก็เถียงไม่ออก ในมุมหนึ่งของจิตใจก็เห็นด้วยกับคำพูดของหลิวเหมย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนประสบความสำเร็จในการทำให้เวยเวยอยู่ในสภาวะกึ่งถูกสะกดจิต ตอนนี้เวยเวยรู้สึกตัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เหมือนกับตอนที่สมองตื่นดี เย่ต้าเชียนมาคนเดียว ตอนนี้ทั้งเมียและลูกไม่มีใครอยู่กับเขา หลุ่ยจือทิ้งเขาไปเข้าวัดทำบุญแล้ว เขาอดทนต่อความเจ็บบากหน้ามาที่นี่ ทุกย่างก้าวของเขามีแต่ความทรมาน

 

 

เย่เสียวอวี่กับหลิวเหมยอยากอยู่ดูว่าเย่ต้าเชียนจะสำนึกผิดยังไง แต่เสี่ยวเชี่ยนไล่ทั้งสองคนให้ไปที่ห้องเย่เสียวอวี่ ไม่ให้อยู่ดู ซึ่งก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เย่เสียวอวี่สะเทือนใจ อย่างไรเสียนี่ก็พ่อแท้ๆ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเข้าไปหาเวยเวยในห้องนอน เย่ต้าเชียนพอเข้ามาในบ้านก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

 

 

“เวยเวย พ่อผิดไปแล้ว ยกโทษให้พ่อนะ!”