ตอนที่ 439 เขารอเธออยู่ / ตอนที่ 440 ไม่สู้...

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 439 เขารอเธออยู่

คุยกับจี้อี้เสร็จ เฉินฝานซิงก็เดินกลับไปทางห้องเปียโนใหม่อีกครั้ง

ทำนองสูงต่ำของเปียโนแว่วคลอมาตามทางเดิน

ฟังดูแล้วช่างเป็นท่วงทำนองแห่งความสุข

เมื่อตั้งใจฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง เฉินฝานซิงก็ลองนึกอยู่สักพัก ก่อนเดาว่ามันน่าจะเป็นเพลงปินไห่จือเกอ (เสียงเพลงจากชายฝั่ง)

สายลมอ่อนๆ พัดปลิวเมฆขาว

คลื่นลูกใหญ่ซัดใส่ชายฝั่ง เปลือกหอยประกายแสงเงินระยับ

เราสองจับมือหยอกล้อกันบนผืนทรายสุขใจ

เฉินฝานซิงไม่ได้เปิดประตูเข้าไป แต่กลับอิงกายเข้ากับผนังทางเดินแล้วฟังเยี่ยชิงชิวบรรเลงเปียโนไปเงียบๆ

นึกไม่ถึงมาก่อนว่าวันหนึ่งผู้หญิงที่ดูไร้หัวใจและไม่แยแสกับอะไรทั้งสิ้นจะบรรเลงบทเพลงที่อ่อนโยนเช่นนี้ได้

เยี่ยชิงชิวบรรเลงต่อไปเพลงแล้วเพลงเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงวัน คุณครูเข้ามาชวนให้พวกเธออยู่กินมื้อเที่ยงด้วยกัน เฉินฝานซิงมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอยของหลินหลินก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

เฉินฝานซิง เยี่ยชิงชิว และหลินหลินนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน เยี่ยชิงชิวป้อนอาหารให้กับหลินหลินด้วยท่าทีที่ดูจะเงอะงะไปสักเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยต้องดูแลใครมาก่อน และนี่อาจเป็นครั้งแรกที่เธอประหม่าเกินไป

“เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เยี่ยยิงชิวเอ่ยถามเสียงต่ำ

เฉินฝานซิงยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม พลางลูบลงไปบนใบหน้ากลมนุ่มนิ่มของหลินหลิน

“เดาออกตั้งแต่เธอขึ้นรถมาแล้ว”

“เธอรู้ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามฉัน ถึงได้ลงไปจากรถเพื่อปกป้องฉันใช่ไหม ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น เขาน่าจะรู้จักเธอ”

เยี่ยชิงชิวช่วยเช็ดให้กับหลินหลิน พลางขำเสียงแผ่ว “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ นะ ว่าคนเย็นชาอย่างเธอจะชอบช่วยเหลือคนอื่น”

เฉินฝานซิงกวาดตามองเธอไปหนึ่งครั้ง สีหน้ากลับดูเคร่งขรึมยิ่งกว่าเก่า “เขารอเธออยู่”

ดวงตาของเยี่ยชิงชิวทอประกายและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

เธอฟังออกว่าเฉินฝานซิงกำลังเลี่ยงที่จะใช้คำ และเธอเองก็รู้อีกเช่นกันว่าคำบางคำไม่อาจพูดต่อหน้าหลินหลินได้

หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ เฉินฝานซิงก็ตัดสินใจรออยู่ที่นี่จนถึงบ่าย

เยี่ยชิงชิวนอนกลางวันเป็นเพื่อนกับหลินหลิน หลังจากตื่นนอนแล้วก็ยังเล่นเป็นเพื่อนเขาอยู่อีกสักพัก

วันนี้หลินหลินอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ใบหน้าน้อยๆ น่ารักที่ดูเย็นชาไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ มาบัดนี้กลับถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะได้เห็น ทั่วร่างน้อยๆ นี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ผู้อำนวยการเดินเข้ามาหาเฉินฝานซิงในขณะที่เธออยู่คนเดียว

“คุณฝานซิง คนๆ นั้นไม่ใช่แม่ของหลินหลินหรอกเหรอ”

เฉินฝานซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตอบไปตามตรง เพียงแค่พูดว่า

“ผอ. คะ เรื่องที่แม่ของหลินหลินเคยเข้าคุก ช่วยอย่าเอาไปพูดกับใครได้ไหมคะ ไม่ว่าใคร…ก็ห้าม”

ผู้อำนวยการพยักหน้ารับ “อันนี้ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่เอาไปพูดกับใครเด็ดขาด”

เฉินฝานซิงพยักหน้ารับเรียบๆ จากนั้นก็หยิบเช็คใบหนึ่งขึ้นมายื่นให้ผู้อำนวยการ

“ช่วยดูแลหลินหลินให้ดี บางทีแม่ของเด็ก…อาจจะยังไม่พร้อมที่จะมารับลูกออกไปได้”

ผู้อำนวยการหันมองไปยังหลินหลินและเยี่ยชิงชิวอีกครั้งแล้วพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะรับเช็คที่เฉินฝานซิงใส่เข้ามาในมือ

“ขอบคุณคุณฝานซิง…สำหรับที่ผ่านมา”

เฉินฝานซิงเม้มปากไม่โต้ตอบ

จนกระทั่งพลบค่ำ เฉินฝานซิงจำต้องตัดสินใจกลับจากที่นี่เสียที

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอใช้เวลาอยู่ที่นี่นานที่สุด

ขืนอยู่ต่อ การเลี่ยงที่จะไม่ให้ลี่ถิงเซินมาพบเบาะแสอาจกลายเป็นเรื่องยาก

เมื่อพบกับเยี่ยชิงชิว หลินหลินกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เธออย่างเชื่อฟัง เขากำลังฟังเยี่ยชิงชิวเล่านิทานเงียบๆ

แม้เธอจะทนทำลายความอบอุ่นและงดงามนี้ไม่ลง ทว่าเธอก็ยังคงมองไปยังเยี่ยชิงชิว

เธอขยับปากสีกุหลาบขึ้น แต่เยี่ยชิงชิวกลับแย่งพูดขึ้นมาเสียก่อน

“หลินหลิน น้าต้องไปแล้วน้า เป็นเด็กดีนะ ต้องยอมกินข้าว เข้านอน แล้วก็เชื่อฟังคุณครูเข้าใจไหม”

ดวงตาที่ฉาบไปด้วยสีสันคู่นั้นของหลินหลินอับแสงลงทันที

ตอนที่ 440 ไม่สู้…

เยี่ยชิงชิวมองเขาพลางลูบมือลงบนศีรษะ สุดท้ายก็ผินหน้าไปทางอื่นแล้วหยัดตัวขึ้นยืน

ชายกระโปรงของเธอถูกคว้าเอาไว้แน่น

มือเดียวไม่สำเร็จ สองมือจึงช่วยกันออกแรง

ใบหน้ารูปงามที่สงบนิ่งนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของความลนลาน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างดื้อรั้น หยดน้ำใสเอ่อล้นขึ้นท่วมกรอบตา แต่ก็ยังกลั้นเอาไว้อย่างดึงดัน

ไม่ต่างอะไรกันกับเยี่ยชิงชิวในยามนี้

ลำคอระหงของเธอขยับเคลื่อนไหวหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง ความขื่นขมในใจล้นทะลักออกมาอย่างไม่อาจควบคุม

“เมื่อไหร่…จะกลับมาอีก” หลินหลินเอ่ยขึ้นอย่างที่น้อยคนจะได้เห็น

เยี่ยชิงชิวกำหมัดที่แนบสองข้างกายเอาไว้แน่น

เมื่อไหร่จะกลับมาอีก?

เธอไม่รู้

เธออยากจะรับปากกับเขาสักวันหนึ่ง เพื่อให้ความหวังแก่เขาและตัวเธอเอง

แต่ว่าเธอกลับเข้าออกที่นี่ได้ไม่สะดวกขนาดนั้น

เฉินฝานซิงลดตัวลงนั่งข้างๆ หลินหลิน “หลินหลินเด็กดี ไว้คราวหน้าถ้าน้าฝานซิงหายยุ่งแล้ว จะมาพาหนูออกไปเที่ยวด้วยกันดีไหม กับน้าชิงจือด้วย”

หลินหลินแหงนหน้าขึ้น ‘มอง’ เธอ “จริงเหรอฮะ”

“จริงสิจ๊ะ! น้าฝานซิงไม่เคยโกหกหนู”

หลินหลินลังเลอยู่ค่อนวัน ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือจากกระโปรงของเยี่ยชิงชิว

เยี่ยชิงชิวรีบเดินออกไปทางประตูอย่างรวดเร็ว

บนรถระหว่างทางกลับ

เฉินฝานซิงขับรถไปอย่างไม่วอกแวก

เยี่ยชิงชิวคาบอมยิ้มแท่งหนึ่งเอาไว้ในปาก

“ได้ยินมาว่าเธอเป็นที่คอยดูแลหลินหลินมาตลอด ขอบใจนะ”

เฉินฝานซิงเอ่ยถามเสียงเรียบ “คิดจะให้หลินหลินอยู่ที่สถานสงเคราะห์ตลอดไปเลยเหรอ อย่าพูดอะไรน้ำเน่าๆ อย่างเช่นไม่อยากให้เขามีแม่เป็นผู้หญิงขี้คุกอะไรทำนองนั้นกับฉันเด็ดขาด”

เยี่ยชิงชิวที่ได้ยินดังนั้นก็หลุดขำออกมา “ฮึ” ดูไม่สะทกสะท้าน ทำเอาคนฟังต้องกัดฟันแน่น

“ฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่มาจากไหน ตอนนี้มีลูกโตขนาดนี้แล้ว คิดเหรอว่าฉันยังจะกลัวว่าการที่ฉันเคยติดคุกมาก่อนจะไปถ่วงชีวิตเขาในอนาคต? หรือทำให้เขาถูกผู้คนประณาม?”

“งั้นเธอมีแผนอะไร”

เยี่ยชิงชิวทอดมองไปเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงฟังดูง่ายดาย

“เก็บเงิน!”

ใช่

เงิน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้หากคิดจะเริ่มต้นใหม่

เริ่มต้นใหม่ อา…

ความลึกล้ำปรากฏขึ้นบนดวงตาพร่างพราวของเฉินฝานซิงวูบหนึ่ง ก่อนที่มุมปากจะแย้มขึ้นเล็กน้อย…

หรือใครว่าไม่จริง

เมื่อว่ากันในด้านของความหมายแล้ว เธอกับเยี่ยชิงชิวก็จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน

วันนี้เธอได้ผ่อนคลายตัวเองอย่างที่น้อยครั้งจะได้ทำเช่นนี้ หลังจากที่ส่งเยี่ยชิงชิวกลับถึงบ้านแล้ว เมื่อดูเวลาก็พบว่ายังพอจะเหลือเวลาอีกมาก

กลับบ้านคนเดียวอาจจะดูน่าเบื่อเกินไปเสียหน่อย เธอจึงยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาสวี่ชิงจือ

เดิมกะจะชวนเธออู้งานมานั่งคุยเล่นกันสักพัก แต่สุดท้ายสิ่งที่ตามมาหลังจากที่มีคนรับสายคือเสียงที่ดูอ่อนแรงของสวี่ชิงจือ

“เธอเป็นอะไรไป” เธอถามขึ้นอย่างผิดสังเกต

“วันนี้ฉันไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”

เฉินฝานซิงหน้าขรึมลงทันที “อยู่บ้านรึเปล่า มีคนดูแลไหม ช่างเถอะ ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้…”

“ไม่…ไม่ต้องหรอก ฉันก็แค่เพลียนิดหน่อยน่ะ คิดว่าพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น เธอไม่ต้องมาหรอก…ให้ฉันได้หลับสบายๆ สักงีบเถอะนะคนดี…”

เฉินฝานซิงเชิดคิ้วขึ้น “วัดไข้รึยัง มีไข้รึเปล่า”

“วัดแล้ว ไม่มีไข้ แต่โคตรง่วงเลยอะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไม่มีอะไรหรอก ทำธุระของเธอต่อเถอะ! วางละนะ”

“อืม”

ไม่ป่วยไปก็ดี พักนี้สวี่ชิงจือก็ยุ่งพออยู่แล้ว

ทว่าหลังจากที่วางสายไป เธอก็กลับมารู้สึกอ้างว้างอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวมันก็รับมือยากอยู่หน่อยๆ

ลองๆ คิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะเคยไปบริษัทของป๋อจิ่งชวนมาแค่ครั้งเดียวเอง

ไหนๆ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว ไม่สู้…

เขาคงไม่โกรธหรอกมั้ง