“ข้าจะไม่ทำเรื่องอะไรที่ขัดต่อหลักการของข้า” เวนส์พูดอย่างช้าๆ แน่นอนว่าพูดถึงเรื่องที่คนเหล่านั้นข่มขู่เขาเพื่อจะใส่ร้ายชีอ้าวชวางหลังจากหยุดไปชั่วขณะเวนส์ก็พูดเสริม “ไม่มีทางอย่างแน่นอน แม้ว่าข้าจะต้องตายก็ตาม”
ชีอ้าวชวางมองเวนส์ที่ดูจริงจังมากกว่าปกติ จากนั้นก็มองไปที่ร่างผอมบางของเขาแล้วมองความเด็ดขาดในดวงตาของเขาทันใดนั้นชีอ้าวชวางยิ้มแล้วยืนขึ้นเดินไปตรงหน้าเวนส์และตบบ่าเขา “ทุกคนมีหลักการของตัวเองเพื่อนอย่างเจ้า ข้าขอผูกมิตร”
เวนส์ตกตะลึงแต่ทันใดนั้นก็มีประกายบางอย่างในแววตาของเขานี่เป็นครั้งแรกเลย เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่าจะเป็นเพื่อนกับเขา! ในอดีตคนเหล่านั้นมีแต่ปฏิเสธ ดูถูกเหยียดหยามและพูดจาถากถางเขาอย่างร้ายกาจแต่คราวนี้ชายผมแดงคนนี้กลับพูดว่าอยากจะผูกมิตรกับเขา
“เป็นอะไรไป เจ็บหรือ” ชีอ้าวชวางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางตบบ่าคนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่
“ไม่ๆ ไม่เลย” เวนส์รีบส่ายหัวและเงยหน้าขึ้นมองชีอ้าวชวางด้วยความมุ่งมั่น “เจ้าเต็มใจเป็นเพื่อนกับข้าจริงๆ หรือ”
“แน่นอน” ชีอ้าวชวางตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
“แม้ว่า แม้ว่าเจ้าจะรู้เรื่องชาติกำเนิดของข้า เจ้าก็ยังจะเป็นหรือ” จู่ๆ เวนส์ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา
“ชาติกำเนิด? ข้าไม่ได้จะเป็นเพื่อนกับชาติกำเนิดของเจ้านี่ข้าจะเป็นเพื่อนกับเจ้า” ชีอ้าวชวางมองท่าทางประหม่าของเวนส์ด้วยความสงสัยและก็แอบคาดเดาเรื่องราวชีวิตของเวนส์ดูเหมือนจะเป็นหนามยอกอกในใจของเขาอยู่
“แม้ว่าข้า ข้า ข้าจะเป็นลูกนอกสมรสนะ…” เวนส์มองชายหนุ่มตรงหน้าและเล่าประสบการณ์ชีวิตของเขาความเจ็บปวดระยะยาวมันแย่กว่าความเจ็บปวดระยะสั้นหากชายหนุ่มตรงหน้ามาเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ แล้วสุดท้ายรู้เรื่องราวชีวิตของเขาและหันหลังไปจากเขา สู้ให้รู้ในตอนนี้เลยเสียยังดีกว่า
ทันทีที่เวนส์พูดจบเขาก็มองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างประหม่าและหัวใจก็ยิ่งกระวนกระวาย
“ฮ่าๆ ลูกนอกสมรสแล้วอย่างไรล่ะ ความคิดของเจ้านี่แปลกจริงๆ ลูกนอกสมรสมีเพื่อนไม่ได้หรือ” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและถามด้วยความประหลาดใจ
เวนส์มองแววตาของชีอ้าวชวางอย่างงุนงงแต่ก็เห็นเพียงแววตาที่ชัดเจนจริงใจของชีอ้าวชวางเท่านั้น ไม่มีร่องรอยของการโกหกเลย
“ขะ ขอบคุณนะ…” ริมฝีปากของเวนส์สั่นเล็กน้อยและพูดอย่างตื่นเต้น
“ฮ่าๆ เอาน่า” ชีอ้าวชวางหัวเราะ “ควรจะเป็นข้ามากกว่าที่ต้องขอบคุณเจ้า เจ้าถูกทำร้ายขนาดนั้นแต่กลับไม่ยอมให้ร้ายข้าเลย คนพวกนั้นจะให้เจ้าเอาอะไรไปใส่ในตู้ของข้าหรือ” เพราะเวนส์ถูกทำร้ายขนาดไหนก็ไม่ยอมใส่ร้ายชีอ้าวชวางจึงได้กลายเป็นมิตรภาพกับชีอ้าวชวางไปแล้ว
หลังจากที่ชีอ้าวชวางถามเรื่องนี้ สีหน้าของเวนส์ก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาดเขากะพริบตาและหยุดพูดไปทันที
“มันคืออะไร” ชีอ้าวชวางมองท่าทีของเวนส์แล้วก็ยิ่งสงสัย
“มันคือ…” เวนส์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับหน้าแดงๆ “มันคือชุดชั้นในผู้หญิงน่ะ”
เอาชุดชั้นในของผู้หญิงมาซ่อนในตู้ของนางแล้วใส่ร้ายให้นางเป็นคนไม่ดี?
นี่มัน…
มันน่าอายเกินไปหรือไม่
“มันคือชุดชั้นในของเบธฟินนีย์ผู้เป็นดาวของสถาบันนี้” เวนส์พูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “คนพวกนั้นขโมยมาเพื่อจะใส่ร้ายเจ้า ทำให้ทุกคนมองเจ้าเป็นศัตรู”
มุมปากของชีอ้าวชวางกระตุก ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณเวนส์มากขึ้นอีก ล้อเล่นอะไรกัน! ขโมยชุดชั้นในผู้หญิงที่เป็นดาวสถาบันเนี่ยนะ! เรื่องนี้จะทำให้นางกลายเป็นศัตรูกับเด็กหนุ่มในสถาบันอย่างแน่นอน! สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องนี้เกิดขึ้นกับนาง แย่มาก แย่อย่างที่สุดเลย!
ไม่เป็นไรๆ เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาที่หน้าผากของชีอ้าวชวาง ตอนนี้นางมองเวนส์ดีขึ้นอีก เรื่องนี้ต้องขอบคุณเขาจริงๆ
ลองนึกภาพว่าถ้าสาวๆ พวกนั้นชี้มาที่นางแล้วกรีดร้องว่าเป็นพวกโรคจิตสิ…
ชีอ้าวชวางคิดเรื่องนี้แล้วก็ตัวสั่น
“เจ้าทำได้ดีมากดีมากๆ เลย” ชีอ้าวชวางตบไหล่ที่บาดเจ็บของเวนส์อีกครั้งด้วยความตื้นตันใจ
เวนส์ยิ้มแต่เจ็บจนพูดอะไรไม่ออกเลย
“จริงสิ เวนส์ คนที่ชื่อพาริน่าที่เจอวันนี้ ต่อไปเจ้าพูดคุยกับนางให้น้อยเข้าไว้นะ นางเป็นอสูร ใช้มนตร์เสน่ห์เก่งมาก” ชีอ้าวชวางนึกถึงหญิงสาวท่าทางไร้เดียงสาและบริสุทธิ์คนนั้น แท้จริงแล้วนางไม่ธรรมดาเลย ดูจากท่าทีของพวกแอชลินที่มีต่อนาง ผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“อืม ได้ ต่อไปถ้าเจอนางข้าจะเดินก้มหน้าก้มตาเลย” เวนส์พยักหน้ารับปากอย่างจริงจัง
“เห็นที่เจ้าได้รับบาดเจ็บแล้วยังเลือดไหลมากมายอีก ข้าจะเลี้ยงข้าวเจ้ามื้อใหญ่เลย” ชีอ้าวชวางยิ้มและพูดกับเวนส์
“มื้อใหญ่?” เวนส์สงสัย
“ก็ตรงข้างสถาบันมีถนนเส้นหนึ่งที่มีโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ” ชีอ้าวชวางพูด
“แต่แต่ว่าที่นั่นมันแพงนะ!”เวนส์ตกใจไปทันที
“ข้ามีเงินตั้งมาก” ชีอ้าวชวางดูเหมือนเป็นคนรวยมากนางดึงบัตรคริสตัลสองสามใบออกมาแล้วส่ายหน้าหัวเราะ
เวนส์รู้สึกเหงื่อตก
ในตอนเย็นทั้งสองไปที่โรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดบนถนนเส้นนั้น แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะเจอคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโรคจิตที่เกือบจะเกิดขึ้นนั้น ดาวสาถาบันที่ชื่อเบธฟินนีย์
ถนนสายนี้มีทุกสิ่งที่ต้องการ ผู้ที่ทำธุรกิจที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สถาบันดวงดาวเป็นที่รวบรวมพลังของผู้ที่แข็งแกร่งในโลกแห่งความวุ่นวายคนที่จะมาเปิดร้านค้าที่นี่ได้จะเป็นคนธรรมดางั้นหรือ
ร้านอาหารที่หรูที่สุดคือร้านอาหารชื่อความสุขแห่งดวงดาวที่กล่าวกันว่าญาติของผู้อาวุโสคนหนึ่งของสถาบันเป็นเจ้าของผู้ที่เข้ามารับประทานอาหารที่นี่จึงจะมีความเกรงใจต่อเจ้าของร้าน
ที่นี่ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นใดๆ ทั้งสิ้นตราบใดที่มีเงินก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ในร้านอาหารห้าชั้นแห่งนี้ระดับของอาหารจะขึ้นอยู่กับลำดับชั้นของอาร ซึ่งระดับที่หรูหราที่สุดคือชั้นห้าการตกแต่งของทั้งโรงแรมงดงามมาก ห้องโถงตรงกลางก็มีความงดงามแร่ล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วนถูกนำมาใช้ในการให้แสงสว่างและตกแต่งที่นี่บันไดวงกลมขนาดใหญ่สะอาดเอี่ยมจนมองเห็นความมันวาวของพื้นได้เลยโซฟาในห้องโถงก็บุด้วยเบาะกำมะหยี่นุ่มๆ สถานที่แห่งนี้ ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาทั่วไปจะมาได้
ชีอ้าวชวางและเวนส์เดินตรงไปที่ชั้นห้าโดยมีบริกรนำไปพวกเขาขอเป็นห้องส่วนตัวเวนส์รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่สถานที่หรูหราเช่นนี้
บริกรเดินนำหน้าอย่างสุภาพและหลังจากขึ้นไปชั้นห้าแล้วเขาก็ถามอย่างสุภาพ “ท่านต้องการห้องส่วนตัวห้องไหนครับ”
“ห้องไหนก็ได้” ชีอ้าวชวางตอบอย่างแผ่วเบา
“เชิญทางนี้ครับ” บริกรยิ้มและกำลังจะพาพวกเขาเข้าไปข้างใน
ชีอ้าวชวางเดินตามไป แต่จู่ๆ ก็พบว่าเวนส์ไม่ได้เดินตามมา พอหันไปมองก็เห็นว่าเวนส์ดูตะลึงและมองลงมาด้วยความงุนงง
“มีอะไรหรือ” ชีอ้าวชวางหยุดด้วยความสงสัยและมองตามสายตาของเวนส์ไปแต่ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆ ความงามของผู้หญิงคนนั้นน่าทึ่งมาก รูปร่างของนางก็ดูดีอย่างยิ่ง
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดรัดรูปสีแดงเข้ม ชุดรัดรูปนั้นเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่สง่างามของนางได้อย่างสมบูรณ์แบบหน้าอกสวยงาม เอวที่เรียวเล็ก บั้นท้ายที่งอนสวยและต้นขาที่เรียบเนียนทั้งหมดนี้ทำให้ผู้คนแทบจะกระอักเลือดออกมาเลย ผู้หญิงคนนี้สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้ด้วยการยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรหรือพูดอะไร ใบหน้าที่สวยงามมีเสน่ห์นั้นสะดุดตามากดวงตากลมโตนั้นแม้ว่าจะไม่ได้มองไปที่ใครเลยก็ตามแต่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าถูกนางดึงดูด ริมฝีปากเรียวเล็กนั้นเซ็กซี่มากจนทำให้ผู้คนอดคิดว่าอยากจูบไม่ได้เลย ข้างๆ นางมีคนอีกสองสามคนที่กำลังหัวเราะอยู่ เสื้อผ้าของพวกเขาหรูหรามากใ นเวลาเข้าเรียนตอนกลางวันจำเป็นต้องใส่ชุดนักเรียน แต่ในตอนเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่จำเป็น
กลุ่มที่แต่งตัวหรูหรานั้นเดินอยู่รอบตัวของหญิงสาวและกำลังไปยังชั้นห้า
“มีอะไรหรือ เจ้ารู้จักหรือ” ชีอ้าวชวางถามแล้วมองผู้หญิงเซ็กซี่คนนั้น จากนั้นก็มองเวนส์ที่ยังคงสับสนอยู่
เวนส์ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของชีอ้าวชวางเลยเขายังคงมองผู้หญิงเซ็กซี่ผู้นั้นอยู่อย่างคลั่งไคล้
ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกถึงการจ้องมองจากทางนี้ เมื่อนางเห็นว่าเวนส์สวมชุดนักเรียนธรรมดาไม่มีเครื่องประดับใดๆ บนร่างกาย สายตาของนางก็แสดงความเยาะเย้ยและดูถูก จากนั้นนางก็ละสายตาไป
จากนั้นเวนส์ก็เรียกสติกลับมาได้ เขาลูบจมูกตัวเองแล้วหันหน้าไปพูดกับชีอ้าวชวาง “ชีอ้าวชวาง ไปกันเถอะ”
“เจ้ารู้จักคนนั้นหรือ” ชีอ้าวชวางและเวนส์หมุนตัวเดินไป ชีอ้าวชวางจึงถามเขาระหว่างทาง
แต่เวนส์กลับยิ้มเหมือนเยาะเย้ยตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ข้ารู้จักนาง แต่นางไม่รู้จักข้าหรอก”
“หือ?” ชีอ้าวชวางรู้สึกสับสน
“นั่นก็คือเบธฟินนีย์ หนึ่งในสี่ของดาวสถาบัน” ขณะที่เวนส์พูดก็มีความรู้สึกที่ยากจะอธิบายปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
อะไรนะ? เบธฟินนีย์? คนที่เกือบจะทำให้นางต้องกลายเป็นคนโรคจิตนั่นน่ะหรือ ชีอ้าวชวางตกตะลึง พอนึกถึงรูปลักษณ์และรูปร่างของหญิงสาวเมื่อครู่ก็ถอนหายใจชวนตะลึงมาก! ผู้หญิงแบบนั้น การดำรงอยู่ของนางคือเป็นเหมือนแสงที่ส่องประกายแอชลินร้ายกาจมากจริงๆ พวกคนที่อยู่รอบตัวเบธฟินนีย์นั่นดูเหมือนพวกกลุ่มแฟนคลับไร้สมองเลยถ้าไปมีเรื่องทะเลาะด้วยนางคงจะมีปัญหาแน่นอน ชีอ้าวชวางคิดเรื่องนี้แล้วสายตาของนางก็เย็นชาขึ้นเล็กน้อย แอชลินต้องหยุดมาหาเรื่องนาง หากมีอีกครั้งจะไม่ใช่แค่ฟันหักแล้ว
เมื่อมาถึงห้องส่วนตัวชีอ้าวชวางก็สั่งอาหารแล้วก็ไวน์หวานหลังจากคืนเมนูให้บริกรแล้วก็หันกลับมาแต่กลับพบว่าเวนส์ยังคงดูงุนงงอยู่
“เวนส์ เจ้าคงไม่ได้ชอบเบธฟินนีย์หรอกนะ” จู่ๆ ชีอ้าวชวางก็พูดประโยคนั้นขึ้นมาทำให้เวนส์ตกใจจนสะดุ้งโหยง