“เจ้า เจ้าอย่าพูดเรื่องไร้สาระนะ ข้าเปล่าสักหน่อย” เวนส์โบกมือซ้ำๆ แต่หน้าของเขากลับแดงระเรื่อขึ้นมา
สารภาพออกมาเองแล้ว!
ชีอ้าวชวางมุมปากกระตุก ไม่คิดว่าผู้ชายร่างผอมและเงียบขรึมคนนี้จะชอบผู้หญิงที่เซ็กซี่ร้อนแรงแบบนั้นมองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเวนส์จะเป็นคนชอบอะไรแบบนี้
“อย่าพูดไร้สาระน่า นางเป็นถึงลูกของเจ้าเมืองปี้ยวี่เลยนะ ข้าไม่กล้าคิดหรอก” ตอนที่เวนส์พูดเรื่องนี้ก็มีความเศร้าปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
โธ่! ชีอ้าวชวางเหลือบมองเวนส์อย่างดูถูกผู้ชายคนนี้นี่ ปากบอกว่าไม่กล้าคิดไม่รู้ว่าความเป็นจริงคิดเรื่องนี้ไปกี่ครั้งแล้วไม่อย่างนั้นเมื่อครู่จะจ้องขนาดนั้นหรือ
พอเห็นท่าทางที่ดูถูกของชีอ้าวชวางเวนส์ก็พึมพำอยู่นานอยากจะอธิบายให้ฟังแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูอย่างแผ่วเบาดังขึ้น และอาหารก็เริ่มมาเสิร์ฟทีละจาน
อาหารจานหนึ่งมีชื่อว่าหัวใจแสงจันทร์ มีลักษณะเป็นวงกลมสีขาวและมีสีแดงอยู่ตรงหน้า หน้าตาดูเรียบง่ายแต่รสชาติดีทีเดียวในขณะที่ชีอ้าวชวางกำลังชิมอยู่นั้นเวนส์ก็เอาแต่มองหัวใจแสงจันทร์ตาไม่กะพริบ
“มีอะไรหรือ” ชีอ้าวชวางถาม
“จานนี้…” เวนส์มองไปที่อาหารจานนั้นแต่ก็ไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่จ้องมองอยู่อย่างเหม่อลอย
“มีอะไรแปลกหรือ” ชีอ้าวชวางสังเกตเห็นความผิดปกติของเวนส์
“หน้าตาของอาหารจานนี้ทำให้ข้านึกถึงตอนที่ยังเป็นเด็ก ตอนเด็กๆ ข้าชอบขนมชนิดหนึ่งหน้าตาเป็นแบบนี้เลย สีขาวๆ และมีสีแดงตรงกลางเล็กน้อย” เวนส์ยิ้มเขินและพูดเบาๆ
ชีอ้าวชวางอึ้งไปเล็กน้อย เวนส์เคยเล่าเรื่องชีวิตของเขาว่าเป็นลูกนอกสมรส ในโลกแห่งนี้ ลูกนอกสมรสจะถูกคนอื่นดูถูก ขนมนั้นน่าจะเป็นความทรงจำที่หาได้ยากของเวนส์ในตอนที่เขายังเป็นเด็ก
ชีอ้าวชวางหยุดแล้วหันไปสั่งอาหารจานนี้เพิ่มอีก เนื่องจากต้องใช้วัตถุดิบสดใหม่ เพียงพอให้ทำอาหารจานนี้ได้เพียงห้าจาน บริกรจึงรีบออกไปสั่ง
เวนส์รีบโบกมือ “อย่าสิ้นเปลืองเลยชีอ้าวชวาง ขอบคุณสำหรับความหวังดีของเจ้าแต่ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองแบบนี้หรอก”
“ห่อกลับไปก็ได้นี่” ชีอ้าวชวางตอบด้วยรอยยิ้ม
เวนส์ยิ้มอย่างขมขื่นเขาเอาแต่บ่นสิ้นเปลืองแต่เขาก็ยังไม่ละสายตาจากอาหารจานนั้นเลยแววตาของเขาค่อยๆ อ่อนโยนลงราวกับเห็นอดีตผ่านอาหารจานนั้นชีอ้าวชวางเองก็ไม่ได้รบกวนเขาแล้วกินไปอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงโวยวายอยู่ด้านนอกประตู
“หัวใจแสงจันทร์จะไม่มีได้อย่างไร พวกเจ้าทำธุรกิจร้านอาหารขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร” เสียงที่อยู่นอกประตูดูหงุดหงิดมาก
จากนั้นก็มีเสียงของบริกรขอโทษและอธิบาย
“ใครกันที่น่ารำคาญแบบนี้ สั่งหัวใจแสงจันทร์ไปหมดเลยงั้นหรือ พวกเจ้าทำธุรกิจกันอย่างไร ไม่รู้หรือว่าทุกครั้งที่คุณหนูเบธฟินนีย์มาที่นี่จะต้องสั่งอาหารจานนี้” หลังจากที่บริกรอธิบายจบความโกรธเกรี้ยวในน้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับถามด้วยความโกรธยิ่งกว่าแทน
เสียงโวยวายดังไปถึงห้องที่ชีอ้าวชวางอยู่พอเวนส์ได้ยินคำพูดเหล่านี้ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงและมองไปข้างนอกริมฝีปากของเขาสั่นแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“เป็นอะไรไป” ชีอ้าวชวางสงสัย เย็นนี้เวนส์ดูไม่ปกติเลย ตั้งแต่ที่เบธฟินนีย์ปรากฏตัวเขาก็ดูผิดปกติไปเลย
“ใครเป็นคนสั่ง พวกเราจะไปเจรจาสักหน่อย ให้พวกเราจานหนึ่งก็จบแล้ว”แม้ว่าน้ำเสียงอีกเสียงจะโกรธนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดเหมือนเสียงก่อนหน้านี้
ดูเหมือนว่าบริกรจะชี้ไปที่ห้องของชีอ้าวชวาง ในไม่ช้าก็มีเสียงฝีเท้ามาตามด้วยเสียงเคาะประตู เวนส์แทบจะกระโดดเลยทีเดียว
“ขอโทษนะเจ้าสองคนสั่งหัวใจแสงจันทร์ไปหมดเลยงั้นหรือ”ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่ประตู เคาะประตูแล้วผลักมันออกเบาๆ จากนั้นก็ถามอย่างสุภาพ
ชีอ้าวชวางพยักหน้าและพูดเบาๆ “ใช่”
“เช่นนั้นแบ่งให้เราจานหนึ่งได้หรือไม่ ข้าจะขอบคุณมากเลย เพื่อนของข้าชอบอาหารจานนั้นมาก” แม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะแต่งตัวหรูหรา แต่เขาก็ไม่ได้ใช้เงินเพื่อข่มคน เพราะเขาได้เห็นแล้วว่าในห้องส่วนตัวนี้แม้ว่าชีอ้าวชวางจะสวมชุดนักเรียนแต่ก็เห็นได้ถึงความฟุ่มเฟือย คนคนนี้ไม่ใช่คนทั่วไปอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นต่างหูสีม่วงสองอันที่หูของเขาก็ส่องประกายแวววาวมากเป็นพิเศษและก็ไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน คนเช่นนี้ไม่ขาดแคลนเงินหรอก หากใช้เงินข่มก็มีแต่จะต่อต้านในทางกลับกัน คนร่างผอมและอ่อนแออีกคนดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปมากๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าคนสองคนที่ต่างกันขนาดนี้มารวมตัวกันได้อย่างไร
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่นางจะได้พูดอะไร เวนส์ก็ลุกขึ้นยืนและพูดอย่างตื่นเต้น “ใช่เบธฟินนีย์หรือไม่ที่ชอบอาหารจานนี้”
ผู้ชายที่หน้าประตูมองเวนส์อย่างไม่พอใจและพูด “คุณหนูเบธฟินนี่ย์ชอบ” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจและไม่พอใจ
“งั้นก็แบ่งไปเถอะ” ดูเหมือนว่าเวนส์จะรู้ตัวแล้ว เขานั่งลงและพูด
“ขอบคุณมาก” มีความเยาะเย้ยที่มุมปากของชายคนนั้น จากนั้นเขาก็หันหลังจะเดินไปแต่กลับพึมพำเสียงแผ่วเบา “คางคกอยากกินเนื้อหงส์ ไม่ดูตัวเองเลย”
เสียงไม่ดังมากแต่เวนส์ได้ยินชัดเจน สีหน้าของเวนส์ซีดลงทันที เขาหรี่ตาลงกัดริมฝีปากแต่พูดอะไรไม่ออกเลย
ชายคนนั้นกำลังจะเดินออกไป แต่เสียงเย็นชาของชีอ้าวชวางดังมาจากข้างหลังเขาก่อน “เดี๋ยวก่อน! ใครบอกว่าข้าจะยอมแบ่งให้เจ้า”
สีหน้าของเวนส์และชายที่ประตูเปลี่ยนไปทันที
เวนส์มองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างกังวลเ ขารู้สึกอับอายเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขามีคุณสมบัติอะไรที่จะไปตัดสินใจว่าจะแบ่งหรือไม่แบ่งล่ะ เขามาที่นี่เพราะชีอ้าวชวางพามาเลี้ยงต่างหาก
“ข้าไม่เห็นด้วย เชิญออกไปได้” ชีอ้าวชวางพูดออกมาอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มที่ประตูหันไปมองชีอ้าวชวางและเงียบไปเป็นเวลานาน สายตาของเขามีความไม่พอใจอยู่ในนั้น เขายืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองไปที่ชีอ้าวชวางราวกับว่าเขาต้องการที่จะจดจำชีอ้าวชวางไว้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ออกไปทันที
ความเงียบสงบเกิดขึ้นในห้องส่วนตัว ชีอ้าวชวางสะบัดนิ้วเบาๆ และสายลมก็พัดมาปิดประตู
สีหน้าของเวนส์ดูเศร้าเล็กน้อย และมองลงไปที่อาหารสวยงามบนโต๊ะ แต่เขาไม่อยากกินเลย
“เวนส์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงเปลี่ยนใจ ”ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ
เวนส์ส่ายหัวและไม่พูดอะไร
“เจ้ากับเบธฟินนีย์รู้จักกันใช่หรือไม่” จู่ๆ ชีอ้าวชวางก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เวนส์เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตื่นตระหนกในแววตา
“ขนมที่เจ้าชอบตอนเด็กๆ มีอะไรเกี่ยวข้องกับเบธฟินนีย์ใช่หรือไม่ มันต้องมีเรื่องระหว่างเจ้าสองคนสิ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่มีปฏิกิริยาแปลกๆ กับอาหารจานนี้หรอก เจ้าก็ได้ยินแล้วว่าเบธฟินนีย์สั่งอาหารจานนี้ทุกครั้งที่นางมาที่นี่” ชีอ้าวชวางพูดช้าๆ นางเชื่อมโยงสิ่งที่เวนส์พูดเข้ากับสิ่งเหล่านั้นและนึกถึงบางสิ่ง แต่พอยิ่งพูดแบบนี้สีหน้าของเวนส์ก็ยิ่งซีดลง
ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไรอีก นางทำเพียงแค่รออย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นานเวนส์ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ และพูดด้วยความเศร้า “แล้วอย่างไรล่ะ นางเป็นลูกสาวคนสำคัญของเจ้าเมืองปี้ยวี่ที่มีสถานะสูงส่ง ตราบใดที่ข้ามองนางจากมุมหนึ่งได้ว่านางสบายดีมีช่วงเวลาที่ดี เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะต้องไม่แบ่งให้อาหารแก่ผู้ชายคนอื่น ให้ผู้ชายคนอื่นไปเอาใจนางสิ” ชีอ้าวชวางพูดออกมาอย่างเย็นชา
“ข้า…” เวนส์อ้าปากค้างสักพักอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้หากเจ้าไม่ต่อสู้เพื่อมัน ตอนนี้นางหมกมุ่นอยู่กับอาหารจานนี้ มันก็แสดงว่านางลืมเจ้าไม่ได้เช่นกันไม่ใช่หรือ” ชีอ้าวชวางนึกถึงผู้หญิงที่เซ็กซี่และหยิ่งยโสเมื่อครู่ด้วยความสงสัยบางอย่างในตัวนาง เป็นไปได้ไหมว่านางจะแกล้งทำท่าทางแบบนั้น
“แล้วอย่างไรล่ะ ตอนนี้นางจำข้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ข้าก็แค่อยากเจอนางเลยพยายามมาเข้าสถาบันดวงดาวให้ได้” เวนส์ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดอย่างต่ำต้อย
เข้าสถาบันดวงดาวมาเพียงเพื่อจะมาเจอผู้หญิงคนนั้น? ชีอ้าวชวางจินตนาการถึงความยากลำบากได้เลย ลูกนอกสมรสผู้ต่ำต้อยที่ต้องเข้าสำนัก แล้วจากนั้นจึงจะได้รับการแนะนำให้เข้ารับการประเมินของสถาบันดวงดาว เขาจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จะมีความหลงใหลมากขนาดนี้
“ชีอ้าวชวาง…” ทันใดนั้นเวนส์ก็พูดเบาๆ
“หืม?” ชีอ้าวชวางหันไปมองเวนส์แล้วหยิบไวน์หวานขึ้นมาจิบเบาๆ
“เจ้ามีผู้หญิงในใจหรือไม่”เวนส์มองชีอ้าวชวางและถามประโยคนั้นอย่างจริงจัง
พรวด…
ชีอ้าวชวางพ่นไวน์หวานจากปากไปที่หน้าของเวนส์
“เฮ้ย ข้าขอโทษๆ” ชีอ้าวชวางขอโทษอย่างรวดเร็วและยื่นผ้าเช็ดปากสีขาวให้เวนส์
เวนส์รับมันและเช็ดใบหน้าของเขาอย่างเงียบๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมชีอ้าวชวางถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้กับแค่การถามประโยคเดียว
“ไม่” ชีอ้าวชวางเพิ่งตอบคำถามของเวนส์ แต่แล้วเฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง ตอนนี้พวกเขาสบายดีหรือไม่นะ
คามิลล์ล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน ยังแอบมองนางอยู่เงียบๆ จากที่ที่นางไม่รู้เหมือนเดิมหรือไม่นะ
จินเหยียน วัลโด ซัมเมอร์ เบน เฉียวฉู่ซิน ตงเฟิงโฮ่วตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีกันหรือไม่
“ชีอ้าวชวาง” เวนส์มองชีอ้าวชวางแล้วเรียกด้วยความมึนงง
“อ้อ ไม่มีอะไร” ชีอ้าวชวางเรียกสติกลับมาแล้วส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม
หลังจากรับประทานอาหารชีอ้าวชวางและเวนส์กำลังจะไป แต่เมื่อผ่านห้องที่เบธฟินนีย์อยู่เวนส์ก็เหลือบมองไปที่ประตูพร้อมกับความเศร้าที่แวบเข้ามาในแววตาของเขา จากนั้นก็ออกไปกับชีอ้าวชวาง
กลับมาที่หอพักทั้งสองคนต่างก็ครุ่นคิดเรื่องของตัวเองอยู่นานจนนอนไม่หลับ
“ชีอ้าวชวาง ใกล้จะถึงเวลาของการทดสอบหอคอยดวงดาวแล้ว เจ้าจะเข้าร่วมหรือไม่” เวนส์ถาม
“อืม เข้าสิ” ชีอ้าวชวางตอบโดยไม่ลังเลเลย