ตอนที่ 287

เสน่ห์คมดาบ

“หลังจากการทดสอบนี้ เราอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกันอีกต่อไปแล้ว” เวนส์พูดความแข็งแกร่งของชีอ้าวชวางนั้นเหนือกว่าเขามาก เขารู้ตั้งแต่ที่ได้รับการช่วยเหลือจากชีอ้าวชวางให้รอดจากเงื้อมมือของแอชลินในวันนั้นแล้ว

“ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ นางรู้อยู่ในใจแล้วว่าชายร่างผอมบางเป็นคนไม่มั่นใจตัวเองมากๆ

“อืม” เวนส์พูดเบาๆ

“อยากอยู่กับเบธฟินนีย์หรือไม่ ”จู่ๆ ชีอ้าวชวางก็ถามขึ้นมา

“หากข้าบอกว่าไม่ มันก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่ว่า…” เสียงของเวนส์ดูสั่นเครือ

“แต่เจ้าคิดว่าเจ้าไม่เหมาะสมกับนางใช่หรือไม่” ชีอ้าวชวางช่วยเวนส์พูดในส่วนที่เหลือ

“อืม” เวนส์ถอนหายใจ

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องเปลี่ยนตัวเองให้เหมาะสมกับนางและปกป้องนางได้” ชีอ้าวชวางนั่งลง “ข้าทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้”

“อะไรนะ” เวนส์มองไปที่ชีอ้าวชวาง

วิชาสายลมเทียนกัง ท่านลมเทียนกังไม่ได้ห้ามข้าไม่ให้สอนเรื่องนี้กับคนอื่นนี่? เหอะๆ วันนี้ข้าจะรับศิษย์อีกคนแทนท่านเองเวนส์เองก็ใช้ธาตุลมเช่นกัน แล้วเขาก็ไว้ใจได้การสอนเขามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอก

เวนส์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่เขาไม่ยอมให้ร้ายชีอ้าวชวางในครั้งนั้นจะทำให้เขาได้รับมิตรภาพจากชีอ้าวชวาง แล้วสุดท้ายยังจะได้รับการตอบแทนที่เกินกว่าความช่วยเหลือของเขาเองอีก

การทดสอบของหอคอยดวงดาวใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว นักเรียนทุกคนของสถาบันดวงดาวเข้าร่วมการทดสอบนี้ได้ หากไม่ต้องการเข้าร่วมการทดสอบ ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ก็ยกเลิกได้ทุกเมื่อ ในอีกหนึ่งเดือนให้หลังจะมีการแข่งขันอีกครั้งในหมู่นักเรียนที่ผ่านแต่ละระดับเพื่อตัดสินหาผู้ชนะสามอันดับแรก ผู้ที่ได้สามอันดับแรกจะได้รับรางวัลมากมายเลยทีเดียว

ในวันนี้มีผู้คนพลุกพล่านอยู่ที่จัตุรัสหน้าหอคอยดวงดาว นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ บางคนมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ บางคนก็มาดูความตื่นเต้น ความโหดร้ายของการทดสอบของหอคอยดวงดาวนั้นมากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้ ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งน่ากลัว นักเรียนทุกคนที่เข้าร่วมจะได้รับอนุญาตให้เข้าได้หลังจากลงนามในข้อตกลงชีวิตและความตายเท่านั้น จะเห็นได้เลยว่าข้างในนั้นอันตรายแค่ไหน

แม้ว่าหลายคนจะเสียชีวิตในการทดสอบนี้ทุกครั้งที่มีการเปิดทดสอบ แต่ผู้คนก็ยังคงหลั่งไหลมาเข้าร่วมเนื่องจากการทดสอบครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของใครหลายคน

ผู้คนที่อยู่ในกองกำลังของเมืองต่างๆ ได้ผ่านการทดสอบระดับสูงที่นี่เป็นจำนวนมากและเป็นผลดีกับความแข็งแกร่งของกองกำลังพวกเขา

นักเรียนบางคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอิทธิพลใดๆ ก็รอคอยที่จะผ่านระดับสูงในการทดสอบครั้งนี้เพื่อรับดาวสีทองที่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและสถานะ จากนั้นในไม่ช้าพวกเขาจะได้รับการคัดเลือกจากเจ้าเมืองเหล่านั้นและพวกเขาจะร่ำรวยมั่งคั่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองเพื่อความแข็งแกร่ง ผู้ที่แข็งแกร่งมักเป็นที่เคารพนับถือ

ชีอ้าวชวางมองนักเรียนที่กำลังตื่นเต้น แต่นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย มิติสูญสลายเข้าไปง่ายขนาดนั้นเลยหรือ หากจะผ่านขั้นที่สูงที่สุดของโลกแห่งนี้จะต้องผ่านการทดสอบระดับที่เก้าของหอคอยนี้ให้ได้

“ชีอ้าวชวาง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” ทันใดนั้นเวนส์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ชีอ้าวชวางก็ถามขึ้น

ชีอ้าวชวางมองขึ้นไปที่หอคอยที่สูงตระหง่าน ครึ่งหนึ่งของหอคอยสูงเต็มไปด้วยเมฆหมอกและถูกพันด้วยโซ่เหล็กหนาสองสามเส้นดูแปลกตาชีอ้าวชวางไม่ตอบคำถามของเวนส์แต่ถามกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ “ข้าสอนเจ้าถึงขั้นไหนแล้ว”

“ขั้นเก้า” เวนส์พูดแล้วก็ตื่นเต้น หน้าของเขาแดงเล็กน้อย จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร การทดสอบคราวนี้เขามั่นใจว่าจะต้องไปถึงระดับห้าขึ้นไป เขาจะต้องสร้างความประทับใจและประหลาดใจได้แน่นอน

“เช่นนั้นก็ดี พยายามเข้าล่ะ” ชีอ้าวชวางพยักหน้า “ตอนที่ทดสอบต้องระวังตัวให้มากๆ ด้วย”

“เจ้าจะไม่ไปกับข้าหรือ”เวนส์ตกใจเล็กน้อยเมื่อชีอ้าวชวางพูดแบบนั้น

“ไม่” ชีอ้าวชวางส่ายหัวช้าๆ แต่หางตาเหลือบไปที่กลุ่มของแอชลินที่อยู่ไม่ไกล คนเหล่านั้นมองมาที่นางอย่างดุเดือดตั้งแต่เริ่ม คิดว่าคงจะพยายามสร้างปัญหาให้กับนางหลังจากเข้าสู่การทดสอบแล้วแน่ๆ คนพวกนี้คิดวางแผนดีจริงๆ การตายในหอคอยจะไม่สามารถระบุได้เลยว่าตายจากการทดสอบหรือจากฝีมือของคนอื่น

แต่ถึงเวลานั้นใครจะตายก็ไม่รู้นะ

เมื่อมองสายตาที่น่ากลัวของแอชลินมุมปากของชีอ้าวชวางก็มีความเย็นชาปรากฏขึ้น

“เฮ้ศิษย์น้อง พวกเจ้าอยู่ที่นี่เองหรือ” ทันใดนั้นเสียงหวานก็ดังขึ้นคนรอบข้างหันไปมองพาริน่าด้วยความสงสัยในใจว่าเจ้าหญิงน้อยแสนหวานกำลังคุยกับใครอยู่

ไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าใคร ชีอ้าวชวางไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ จากนั้นก็พูดกับเวนส์ “ข้าจะไปก่อนนะ เจ้าก็ต้องระวังด้วย หากเบธฟินนีย์รู้ว่าเจ้าตายคงจะเสียใจมาก”

ชีอ้าวชวางเดินหน้าไปโดยไม่รอให้เวนส์พูดอะไรเลย ผู้คนที่พลุกพล่านหยุดการก้าวไปข้างหน้าของชีอ้าวชวางไม่ได้เลย นางก้าวออกมาและเดินผ่านผู้คนไปอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ตรงไปที่ด้านหน้าเพื่อลงนามในข้อตกลงชีวิตและความตาย ตอนเวนส์ได้ยินคำพูดสุดท้ายของชีอ้าวชวาง เขาก็ตกใจและตัวแข็งแล้วยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

“หึ หนีได้ก็หนีไป!” พาริน่าไล่ตามไปแต่ก็ทำได้เพียงมองชีอ้าวชวางหายไปท่ามกลามผูงชน ความคิดของพาริน่าติดอยู่ที่ชีอ้าวชวาง นางเหลือบมองเวนส์ที่อยู่ในความงุนงงข้างๆ แล้วส่งเสียงเย็นชาจากนั้นก็เดินออกไป

คนรอบข้างรู้แล้วว่าว่าเจ้าหญิงแสนหวานในความคิดของพวกเขากำลังตามหาผู้ชายผมแดงคนเมื่อครู่ เหอะๆ เจ้านั่นหนีไปโดยไม่รู้เลยว่ากำลังทำอะไร มีสาวสวยตามแบบนี้มันเป็นเรื่องดีขนาดไหนไม่รู้หรือ

ในอีกด้านหนึ่ง ทารีน่าก็มองไปที่ที่ชีอ้าวชวางยืนอยู่ ผู้หญิงที่น่ารักคนเมื่อครู่รู้จักชีอ้าวชวางด้วยหรือ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของทารีน่าถึงเต็มไปด้วยความรำคาญที่อธิบายไม่ได้เลย

ในเวลานี้ ชีอ้าวชวางได้ลงนามในข้อตกลงแล้ว และนางก็เดินตรงไปที่ประตูของหอคอยดวงดาว แอชลินและพวกของเขาก็เข้าร่วมด้วย พวกนั้นรีบลงนามในข้อตกลงและไล่ตามไปท่าทางใจร้อนนั้นเหมือนหมาป่าที่จะไล่ล่าลูกแกะ

แต่ในความเป็นจริงใครจะเป็นหมาป่าใครจะเป็นแกะกันแน่

ชีอ้าวชวางเดินไปข้างหน้าช้าๆ กลิ่นจางๆ พัดมาตามสายลม สิ่งหนึ่งที่แน่ใจก็คือนี่ไม่ใช่กลิ่นเลือด นางขมวดคิ้วเล็กน้อย สถานที่แห่งนี้บินไม่ได้ มันมีข้อจำกัดอย่างมากในอากาศ ป้องกันไม่ให้คนบินเข้ามาข้างใน ลองคิดดูว่าถ้าบินได้ขึ้นมา ความยากในการทดสอบก็จะลดลงอย่างมากทีเดียว

พวกของแอชลินตามหลังชีอ้าวชวางมาติดๆ

“หมอนั่นไปได้ไม่ไกลหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่เขาย่อมไม่คุ้นเคยกับที่นี่ เราจะไปทางลัดแล้วดักเขาไว้”แอชลินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด มีเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาในเวลานี้มันทำให้แอชลินโล่งใจมาก เพราะจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ ถ้ามีนักเรียนคนอื่นรู้เข้า สถานบันจะต้องเข้ามาจัดการแน่นอน

“ได้” คนอื่นๆ ก็เชื่อฟังเขาอย่างดี

“ลีดส์นี่ก็จริงๆ เลยนะ น่าขายหน้าจริงๆ พูดมาได้ว่าทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับหมอนั่น หมอนั่นมันมีอะไรเก่งนักหนากัน จะเก่งมากอย่างที่เขาพูดได้อย่างไรวั นนี้จะให้หมอนั่นตายให้สิ้นซากไปเลย” แววตาของแอชลินมีแต่ความดูถูก ตอนนี้เขากำลังนึกถึงคำพูดที่ลีดส์เตือนเขาเมื่อสองสามวันก่อน

ลีดส์เตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าชีอ้าวชวางไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เห็น ความแข็งแกร่งของเขาถูกซ่อนอยู่ ทางที่ดีก็อย่าไปยุ่งกับเขาและอยู่ห่างๆ เขาเข้าไว้

“ใช่ เราไปรอเขาที่เถาวัลย์กินคนกันเถอะ เขาไม่รู้จักที่นั่นหรอก คราวนี้ได้ตายสิ้นซากจริงๆ แน่” คนอื่นๆ ก็พากันแสยะยิ้ม

เถาวัลย์กินคน ก็ตามชื่อเลย มันเป็นพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารปกติแล้วพวกมันจะหลับใหลแต่เมื่อใดที่มีคนหรือสัตว์มาสัมผัสพวกมันก็จะตื่นทันทีจากนั้นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่จำนวนมากก็ถูกโจมตีด้วยหนามพิษ พวกมันจะแทงหนามแหลมคมลงในผิวหนังคนจนทำให้เป็นอัมพาตจากนั้นก็ค่อยๆ กินไปโดยจะไม่เหลือเนื้อและกระดูกไว้เลย แต่ตราบใดที่มนุษย์หรือสัตว์ไม่แตะต้องหรือโจมตี พวกมันก็จะไม่ทำอะไร

พวกของแอชลินเข้าใจแผนผังของชั้นหนึ่งอย่างชัดเจน คนกลุ่มนี้จึงรีบเดินลัดไปยังบริเวณเถาวัลย์กินคนเพื่อไปดักรอชีอ้าวชวาง

ช่องเขาแคบเป็นทางเดียวที่จะเข้าสู่หอคอยชั้นสอง ช่องเขานั้นเพียงพอให้คนผ่านไปพร้อมกันได้สามคนเท่านั้น ทั้งสองด้านเป็นภูเขาสูงตระหง่านและภูเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยเถาวัลย์กินคนสีเขียวและสีดำ หากคนที่ยืนอยู่ในหุบเขาบังเอิญไปสัมผัสกับเถาวัลย์ที่อยู่ด้านข้างเข้า เถาวัลย์ในภูเขาทั้งสองก็จะจัดการทันทีคนที่อ่อนแอย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้ว่าชีอ้าวชวางจะเป็นคนแรกที่เข้าไปในหอคอยดวงดาว แอชลินก็สั่งให้คนหนึ่งไปที่ด้านหน้าของหุบเขาและรออยู่แล้ว ในกรณีที่ถ้าคนอื่นมาก่อนก็ให้พยายามให้พวกเขาไปที่ด้านข้างก่อนแล้วรอจนกว่าเรื่องจะคลี่คลายแล้วค่อยจัดการ ปกติแล้วผู้แข็งแกร่งจะเข้ามาทีหลังพวกคนที่มาก่อนเป็นจะนักเรียนใหม่ แอชลินไม่กลัวว่าคนที่เขาส่งไปจะจัดการนักเรียนใหม่ไม่ได้หรอก

พวกแอชลินเป็นนักเวทธาตุดิน เขาสร้างหลุมดินแล้วซ่อนตัวอยู่ที่ขอบหุบเขา ทุกคนหลบอยู่ในนั้น ต่างมองไปที่ปากทางเข้าหุบเขา ทันทีที่ชีอ้าวชวางปรากฏตัวพวกเขาก็จะขว้างกริชเพื่อปลุกเถาวัลย์กินคนที่อยู่ใกล้ชีอ้าวชวางให้โจมตีทันที

แอชลินมองเถาวัลย์กินคนสีเขียวและสีดำที่พลิ้วไหวไปตามสายลมทั้งสองข้างของปากหุบเขาพร้อมกับรอยยิ้มโหดร้ายและมีชัยบนปาก ดูเหมือนว่าเขาจะอยากเห็นชีอ้าวชวางถูกพันอยู่ในเถาวัลย์กินคนขนาดใหญ่นั้น จากนั้นหมอนั่นก็จะตื่นตระหนกและร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง แล้วพวกเขาก็จะปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมและออกมาเยาะเย้ย ช่างเป็นอะไรที่ชื่นใจดีจริงๆ เลย

หลังจากนั้นไม่นานร่างของชีอ้าวชวางก็ยังไม่ปรากฏตัว แอชลินก็ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้านั่นไม่มาสักที ตามเหตุผลแล้วเขาควรจะมาที่นี่ในเวลานี้สิ” แอชลินจงใจลดเสียงลงเพราะกลัวว่าจะรบกวนสภาพแวดล้อมของพวกเขา แม้ว่าเถาวัลย์กินคนเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็จะเป็นเรื่องยากทันทีหากเถาวัลย์กินคนทั่วทั้งภูเขาจะมารวมกันอยู่ที่นี่