ตอนที่ 89 ตบหน้า ด่าทอ ไม่เจ็บไม่คัน มารดาไม่สะทกสะท้าน
“มีเงินแค่สิบตำลึง แต่ริอ่านต่อรองอย่างนั้นรึ!” ผู้เฒ่าหยูกล่าว
หยุนเชวี่ยพลันนึกสงสัยว่าเหตุใดครั้งนี้เขาถึงไม่พูดคำว่า ‘กับผี’ อีก
แน่นอนว่าชายชราไม่รอช้า เขากล่าวคำว่า ‘ถุย’ ออกมาทันที “ฝันไปเถอะ!”
หญิงวัยกลางคนกลอกตาไปมาก่อนฉีกยิ้ม “สิบตำลึงหรือ ไม่เป็นไร… งั้นจ่ายมาก่อนเถิด”
หยุนลี่เต๋อมองหน้าของหญิงผู้นั้นก่อนเอ่ยถามอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “ท่านป้าหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?”
“ข้าก็หมายความเช่นนั้นแหละ” หญิงผู้นั้นไม่ได้ตอบคำว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ จากนั้นจึงกล่าวต่อ “เจ้าจะให้ข้าตรวจสอบเงินดูก่อนหรือไม่?”
หยุนลี่เต๋อตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“หึ” หยุนลี่จงที่ยืนอยู่ด้านข้างสะบัดแขนเสื้ออย่างหมดความอดทนพลางพึมพำ “พวกต่ำต้อยช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก! คิดจะเกาะตระกูลหยุนของข้าล่ะสิ เหอะ…”
“พี่ใหญ่” หยุนลี่เต๋อขมวดคิ้ว
ชายชรามอบหมายให้เขามาสร้างสันติภาพและเจรจาโดยใช้เหตุผล ทว่าสิ่งที่พี่ชายของเขาเพิ่งพูดออกไปนั้นช่างขัดกับคำว่าสันติภาพอย่างสิ้นเชิง!
สตรีตระกูลหยูผู้มวยผมขึ้นสูงหุบยิ้มทันที นางเอามือเท้าเอวก่อนมองไปทางหยุนลี่จง
“ข้าไม่รู้ว่าผู้มาเยือนสามารถพูดคำสุภาพเช่นคนอื่นเป็นหรือไม่ แต่ท่านกล่าวหาว่าใครเป็นผู้ต่ำต้อยและคนหากินรึ? การแต่งงานนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครกันแน่ที่กลับคำไปมา เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”
ดวงตาที่กลอกไปมาของนางช่างน่าเฉียบแหลมยิ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าชายตรงหน้าคือบัณฑิตที่มีความรู้อยู่ในระดับปานกลางถึงมาก
ผู้เฒ่าหยูเป็นคนหยาบคายที่มักพูดคำว่า ‘กับผี’ ขณะที่หญิงผู้นี้เป็นคนสุขุมและมีความผ่อนคลาย ดวงตาของนางหรี่เล็กลงพลางส่งสายตาดูถูกที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เพียงแค่กวาดสายตามองก็รู้ว่าคนผู้นี้คือคนที่มีอำนาจที่สุดในตระกูลหยู
หยุนลี่จงไม่ยอมแพ้ เขาคลี่พัดและขยับมันสองครั้งก่อนกล่าวว่า “นกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอน ข้าราชการที่มีฝีมือย่อมเลือกรับใช้เจ้านายที่ดี ตระกูลหยุนของข้าจึงไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนที่พฤติกรรมน่ารังเกียจเช่นพวกเจ้า!”
สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล สื่อถึงบุคคลที่ประพฤติตนน่ารังเกียจ
“ถุย!” สตรีจากตระกูลหยูถุยน้ำลายลงบนรองเท้าของหยุนลี่จง “รู้จักอักขระเพียงสองตัวก็นับว่าเป็นบัณฑิตรึ? เจ้าเป็นนกหรือ… ข้าคิดว่าเจ้าเป็นไก่พิการเสียอีก!”
ความทะเยอทะยานของหยุนลี่จงยิ่งใหญ่ราวกับปลาหลีฮื้อข้ามประตูมังกร* พญาเหยี่ยวสยายปีกลู่ลม และประโยคที่ว่า ‘ไก่พิการ’ ถือเป็นการดูถูกความสามารถของเขา
*ปลาหลีฮื้อข้ามประตูมังกร หมายถึง คนที่พยายามจนประสบความสำเร็จในชีวิต ยกระดับฐานะหน้าที่การงาน
ใบหน้าของหยุนลี่จงแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ เส้นเลือดตรงขมับปูดโปน “เจ้า!”
“ท่านผู้มีคุณธรรม ท่านบัณฑิตผู้น่าสงสารที่มาจากบ้านนอกรู้หรือไม่ว่าบัลลังก์มังกรในวังหลวงหันหน้าไปทางใด? ถุย!”
หญิงผู้นั้นถ่มน้ำลายลงบนรองเท้าอีกข้างหนึ่งของหยุนลี่จงอย่างแม่นยำ
“เรียนหนังสือน้อย! หนึ่งทวารก็ไม่ทะลุ*!” หยุนลี่จงกล่าวเยาะเย้ยพร้อมรอยยิ้มขณะเขย่าพัดเบา ๆ “หึ ตระกูลของเจ้าก็หน้าด้าน หน้าทนเหมือนกันนั่นแหละ พวกเจ้าวางแผนที่จะแอบอ้างตำแหน่งของข้าหลังจากที่ได้เป็นขุนนางไม่ใช่หรือ? พวกหมาจนตรอกมักใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น ไร้ยางอาย!”
*หนึ่งทวารก็ไม่ทะลุ หมายความว่าไม่รับรู้อะไรเลย
หญิงผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าวว่า “โอ้ กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวว่าคนที่ได้ยินจะหัวเราะจนฟันร่วงหรือ เจ้าสอบขุนนางไม่ผ่านมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว นอนเฉย ๆ กินข้าวเปล่าที่บ้านไปเถิด จุ๊ ๆ”
“เจ้า!”
“หากเอาอายุของผู้เข้าสอบทั้งหมดในปีนี้มารวมกันจะเท่าอายุของเจ้าหรือไม่? อย่าอายไปเลย!”
“เจ้า! เจ้า! เจ้า!” ใบหน้าของหยุนลี่จงหมองคล้ำด้วยความโกรธ เขาก้าวไปด้านหน้าและสาปแช่งหญิงผู้นั้นโดยไม่สนใจคำว่า ‘ภาพลักษณ์’ อีกต่อไป “นังหญิงใจหยาบ! เจ้าก็แค่แม่บ้าน!”
นี่คือวิธีการด่าทอของสุภาพชนที่หมายถึงประโยค ‘เจ้าเป็นเพียงโสเภณี’ เพียงแต่เปลี่ยนคำเหล่านั้นเป็นภาษาถิ่น คำด่าหยาบคายเหล่านี้เป็นของมารดาของเขา ซึ่งมันให้ผลลัพธ์ที่เจ็บแสบเกินจินตนาการได้
หญิงผู้นั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง นางปรี่เข้าไปใช้มือข้างหนึ่งกระชากเสื้อของหยุนลี่จง ส่วนอีกข้างหนึ่งเอื้อมไปตบหน้าของเขา
“ไอ้โง่!”
“แม่ของเจ้าเลี้ยงให้เป็นสวะรึ! พ่อของเจ้าแต่งงานกับโสเภณีแล้วให้กำเนิดคนชาติชั่ว! ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ถุย!” หญิงผู้นั้นสบถคำหยาบคายก่อนถ่มน้ำลายใส่หัวของเขาอีกครั้ง
“นังหญิงเลว! นังหญิงเลว!”
หยุนลี่จงไม่อาจต่อสู้กับคนที่ด้อยกว่าได้ เนื่องจากเขาเป็นบัณฑิตผู้มีเกียรติ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถด่าทอและทำร้ายร่างกายหญิงผู้นี้ได้
“ไอ้สัตว์เดรัจฉานเกิดมากำพร้าพ่อ! ไอ้นรกส่งมาเกิด!”
“เจ้ารอง! เจ้ารอง! ยืนบื้อทำอะไรอยู่! ลากตัวนังผู้หญิงคนนี้ออกไปสิ!” หยุนลี่จงตะโกนเรียกน้องชายด้วยความอับอาย
“เอ่อ ท่านอา…” หยุนลี่เต๋อเพียงเอ่ยห้าม แต่ไม่ได้ลากตัวนางออกแต่อย่างใด
ดังคำกล่าวที่ว่าด่าทอคนโดยไม่ด่าทอแม่ ทว่าพี่ใหญ่ไปยั่วโมโหนางก่อน ดังนั้นจะโทษว่าผู้อื่นทำร้ายไม่ได้
“เจ้ารอง! เจ้าอยู่ฝั่งพวกมันรึ!” ดวงตาของหยุนลี่จงแดงก่ำ
“ท่านอา พวกเรามีเรื่องจะพูดคุยกันไม่ใช่หรือขอรับ ปล่อยพี่ใหญ่ก่อนเถิด…”
ทันทีที่หยุนลี่เต๋อเอื้อมมือออกไป หยูซื่อก็เข้ามาขวางทางไว้ ทำให้มือของหยุนลี่เต๋อไปโดนตัวของเขา “จะ จะ เจ้า กะ กะ กล้าแตะต้อง ตะ ตะ ตัว ขะ ขะข้ารึ…”
หยุนลี่เต๋อกลืนน้ำลายพลางเลิกคิ้วขึ้น
“ขะ ขะ ข้าจะ ตะ ตะ ตะ…” ใบหน้าและลำคอของหยูซื่อแดงก่ำ
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงร้องครวญครางของหยุนลี่จงก็ดังขึ้น “โอ้… โอ๊ย!”
“ตึง!”
หญิงผู้นั้นยกเท้าขึ้นถีบหยุนลี่จงจนเซไปชนเข้ากับประตูร้านและกลิ้งหลุน ๆ ออกไปด้านนอกร้าน
ผู้คนสัญจรไปมาต่างหยุดดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก้นของหยุนลี่จงปวดระบม เขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยายามลุกยืนขึ้นพร้อมตะโกนเสียงดัง “เจ้ารอง! เจ้ารอง!”
“พี่ใหญ่ เจ็บตรงไหนหรือไม่?” หยุนลี่เต๋อก้มลงไปช่วยพี่ชาย
“เจ้ามัวแต่ทำอะไรอยู่ตั้งนาน!” หยุนลี่จงลุกยืนขึ้นก่อนผลักหยุนลี่เต๋อด้วยความไม่พอใจ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อก่อนตะโกนออกคำสั่ง “ไปจัดการนังผู้หญิงคนนั้นให้ข้า!”
หยุนลี่เต๋อ…
ช่างเป็นคำสั่งที่ไร้เหตุผลยิ่ง และแม้ว่ามันจะสมเหตุสมผล แต่ชายชรากำชับมาว่าอย่าทำให้ครอบครัวของหญิงผู้นี้ขุ่นเคือง
“เจ้ารอง!” เมื่อเห็นหยุนลี่เต๋อยืนนิ่ง หยุนลี่จงจึงกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
เขาเป็นถึงบัณฑิตผู้สง่างามและมากพรสวรรค์ที่ถูกหญิงปากร้ายถีบจนกลิ้งไปบนพื้นต่อหน้าสาธารณชน น่าอับอายยิ่งนัก!
“พี่ใหญ่ พวกเรามาที่นี่เพื่อสร้างสันติ…”
“เจ้ารอง! เกลือเป็นหนอน! เจ้าอยู่ฝั่งพวกตระกูลหยูสินะ! ดี! ดี!”
เสื้อผ้าของหยุนลี่จงฉีกขาด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง บนใบหน้าและลำคอมีบาดแผลหลายจุดส่งผลให้เขารู้สึกแสบร้อนยิ่ง
เขาปัดฝุ่นออกจากมือและปัดฝุ่นที่เกาะตามเสื้อผ้าออกก่อนหันไปกัดฟันพูดกับหยุนลี่เต๋อ “ดูซิว่าเจ้าจะกลับไปอธิบายกับท่านพ่อว่าอย่างไร!”
สตรีตระกูลหยูยืนจังก้าอยู่หน้าประตูร้านพลางเอามือเท้าเอวก่อนตะโกนอย่างฉุนเฉียว “เพื่อนบ้านทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ ครอบครัวของบัณฑิตผู้น่าสงสารคนนี้ยอมรับของขวัญมงคลจากครอบครัวข้าแล้ว ทว่าจู่ ๆ พวกเขากลับปฏิเสธการแต่งงาน นอกจากนี้ยังอ้างว่าตนเป็นนักปราชญ์ ข้าอับอายแทนเขาจริง ๆ”
ชาวบ้านผู้ชอบสอดรู้สอดเห็นมักตื่นเต้นกับเรื่องเช่นนี้เสมอ การแต่งงานของชายและหญิงนั้นถือว่าเป็นงานมงคลที่มีชีวิตชีวามาตั้งแต่สมัยโบราณ
“เฮ้ เจ้าบัณฑิต? ข้าเกรงว่าเจ้าจะได้ไปอ่านหนังสือเล่มนี้ในท้องสุนัขแล้วล่ะ…”
“หยูซื่อไร้เดียงสาเกินไป หากข้าไม่ตัดสินใจผิด เขาก็คงไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการแต่งงานครั้งนี้ตั้งแต่แรก ตอนนี้ข้าได้ของขวัญมงคลคืนมาครบแล้วและข้ายังคงเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้นทุกวัน น่าขยะแขยงเสียจริง…”
“พี่เขยของหยูซื่อเป็นถึงบัณฑิตผู้มากความสามารถเลยหรือ?”
“พรสวรรค์จะมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อเจ้าหันหลังให้กับผู้คน!”