ตอนที่ 18 งานที่สำคัญที่สุด

Perfect Superstar

ตอนที่ 18 งานที่สำคัญที่สุด

ขั้นตอนการลาออกเป็นไปอย่างราบรื่น

เมื่อวานลู่เฉินได้โทรศัพท์แจ้งความประสงค์ของตัวเองแก่หัวหน้าแล้ว รายได้ของเขาคิดตามชั่วโมงทำงาน ไม่ได้เซ็นสัญญาจ้างแต่อย่างใด การรับรองไม่มากจึงไม่มีข้อจำกัดเท่าไหร่ อยากลาออกเมื่อไหร่ก็ไปได้ทันที

หัวหน้าร้านรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ลู่เฉินทำงานที่ร้านเคเอฟซีบนถนนซิ่งฝูมาตลอดระยะเวลาครึ่งปีกว่า เขาตั้งใจทำงานขยันขันแข็ง ไม่เคยมาสายหรือกลับก่อน เป็นแบบอย่างพนักงานที่ดีของร้าน

น่าเสียดายที่คนสมัยใหม่ จะไม่ยอมทำงานเสิร์ฟอาหารทำความสะอาดในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นเวลานาน

ดังนั้นหัวหน้าร้านก็ไม่ได้ฝืนใจ เมื่อเห็นว่าการเกลี้ยกล่อมไม่เป็นผลจึงคิดเงินเดือนของเดือนนี้ให้อย่างไม่ลังเล

ในมือถือซองเงินปึกบางๆ ลู่เฉินจากมาอย่างไม่มีเยื่อใย

“ลู่เฉิน พี่ลู่!”

เขาเพิ่งเดินออกมาถึงทางเท้า เบื้องหลังก็มีเสียงเรียกกระหืดกระหอบดังตามมา

ลู่เฉินหันกลับไปมอง เห็นพนักงานสาวสวมชุดพนักงานเคเอฟซีวิ่งตรงมาหาเขา วิ่งไปเรียกไป

“เดี๋ยวก่อน!”

ลู่เฉินงุนงง

“เฉินซิน เธอเรียกฉันเหรอ?”

หญิงสาวที่ชื่อเฉินซินคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของลู่เฉิน ถึงเธออายุจะน้อยกว่าเขา แต่เธอก็ทำงานที่นี่จนเป็นพนักงานเก่าแก่แล้ว

ลู่เฉินกับเธอไม่ได้สนิทกันมาก รู้เพียงว่าเธอเป็นคนเมืองชวนสู่ มาอยู่ในปักกิ่งสองสามปีแล้ว ปกติทั้งสองไม่ได้คุยกันบ่อย อย่างมากทักทายเมื่อพบหน้ากันเท่านั้น

เฉินซินวิ่งมาอย่างรีบร้อน ใบหน้าขาวๆ กลมๆ ของเธอมีสีอมชมพูเรื่อขึ้นอย่างคนแข็งแรง ดูแล้วสวยน่ารัก

เธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน แต่กลับไม่กล้าสบตาเขา ถามว่า

“นาย นายลาออกแล้วหรือ?”

ลู่เฉินยิ้มตอบว่า

“ใช่ ฉันหางานใหม่ได้แล้ว ดังนั้นงานที่นี่เลยไม่ทำแล้ว”

ในที่สุดเฉินซินก็เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาปรากฏแววผิดหวัง เธอขบริมฝีปาก แล้วถามเสียงเบาว่า

“แล้วนายยังจะอยู่ในเมืองหลวงต่อไหม?”

ลู่เฉินงุนงง

เขาไม่ใช่คนโง่ปัญญาทึบ ท่าทางของเฉินซินชัดเจนขนาดนี้ จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

เพียงแต่ลู่เฉินไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฉินซินจะชอบตัวเอง!

ในความทรงจำของเขา มีเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้น้อยนิดจนน่าสงสาร มีเพียงการพูดคุยกันบ้างในระหว่างทำงานเท่านั้น

ลู่เฉินลังเลเล็กน้อยพยักหน้าตอบว่า

“ใช่ ถ้าไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย ฉันก็ยังอยู่ในเมืองหลวง งานของฉันตอนนี้ทำให้ฉันไปจากที่นี่ไม่ได้!”

สีหน้าของเฉินซินดูดีใจ รีบถามว่า

“ถ้าอย่างนั้นนายให้เบอร์ติดต่อกับฉันได้ไหม?”

แม้ลู่เฉินจะไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเธอ เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานทั่วไปคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามผิดหวัง จึงตอบตกลง

“ได้ เธอเพิ่มเพื่อนฉันในเฟยซวิ่นก็แล้วกัน ไว้เราค่อยติดต่อกันวันหลัง”

ลู่เฉินบอกเบอร์เฟยซวิ่นของตัวเองให้แก่เฉินซินไป

เฉินซินบันทึกลงในโทรศัพท์แล้วโบกมือลาลู่เฉิน

แต่เมื่อลู่เฉินเดินจากไปไกลแล้ว เขาหันหลังไปมองอย่างไม่ตั้งใจ กลับเห็นเงาของเธอคนนั้นยืนอยู่ตรงที่เดิม

ในเมืองหลวงที่มีประชากรสามสิบล้านคน การพบปะและลาจาก มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสมอ!

กลับมาถึงห้องพักรูหนูของตัวเองแล้ว ลู่เฉินล้างหน้าก่อน

น้ำที่ใช้ล้างเป็นน้ำเย็น ความเย็นเสียดถึงกระดูก เขาต้องทำให้ตัวเองสงบลงแล้วค่อยทบทวนถึงหนทางในอนาคต

การลาออกจากเคเอฟซีไม่ได้ทำด้วยความวู่วามเพียงชั่วครู่ เงินเดือนจากงานนี้ไม่ได้สูง ทั้งยังต้องเสียเวลาไปกับงานทั้งวัน เขาไม่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป

ลู่เฉินคิดว่า งานที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ น่าจะเป็นการจัดการขุมทรัพย์ในความทรงจำ ทั้งบทเพลงเป็นพันเป็นหมื่นเพลง ยังมีเรื่องราวที่น่าประทับใจอีกนับไม่ถ้วน

การมาเยือนของความทรงจำเหล่านี้ได้มาอย่างกะทันหัน แม้จะสลักอยู่ในสมองของเขา แต่ลู่เฉินไม่แน่ใจว่า วันหนึ่งพวกมันจะเลือนหายไปในทันใด เหลือเพียงแต่ความฝันว่างเปล่าที่แสนหวานเท่านั้น?

ด้วยเหตุนี้สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขาจะต้องเก็บรักษาเอาไว้ก่อน เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!

ล้างหน้าเสร็จแล้ว สมองลู่เฉินก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้น เขาเข้าไปนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์หยิบกระดาษกับปากกาออกมา

เขาวาดตะหวัดลงบนกระดาษ เขียนเป็นตารางอย่างหยาบขึ้นมา

ลู่เฉินจัดการจำแนกประเภทเพลงในความทรงจำของตัวเอง แบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ได้แก่เพลงรัก เพลงร็อค เพลงบัลลาด เพลงประกอบภาพยนตร์หรือละคร เพลงสไตล์จีน เพลงเร็ว…

ในหัวข้อใหญ่แบ่งรายละเอียดหัวข้อย่อย ตัวอย่างเช่น หมวดเพลงรัก แบ่งตามอารมณ์เพลงได้เป็น เพลงอบอุ่น เพลงคิดถึง เพลงลังเล เพลงเศร้า เพลงสมหวัง ยังมีเพลงร้องคู่

อีกตัวอย่างคือเพลงบัลลาด แบ่งเป็นเพลงบัลลาดในมหาวิทยาลัย เพลงบัลลาดในเมือง เพลงบัลลาดพื้นบ้าน และเพลงบัลลาดเดี่ยว เป็นต้น

ส่วนเพลงร็อค เพลงเร็วก็ยังแบ่งได้หลายหมวดหลายหมู่เหมือนกัน

เขาเขียนลงบนกระดาษ ยิ่งเขียนยิ่งเยอะ แนวคิดยิ่งชัดเจนมากขึ้น

สิ่งที่ลู่เฉินทำอยู่ตอนนี้คือการวาดเค้าโครงร่างในความทรงจำ ภายในโครงร่างนั้นแบ่งเป็นช่องว่างอีกหลายชนิดนับไม่ถ้วน จากนั้นเขาค่อยๆ เติมเต็มช่องว่างเหล่านั้น ไม่ใช่คิดอะไรได้ก็เขียนไปตามใจชอบ

แบบนี้แล้วจะช่วยให้ข้อมูลส่วนใหญ่ในความทรงจำไม่ตกหล่นขาดหาย

ทั้งยังควบคุมเค้าโครงร่าง ถ้าได้ทำขั้นแรกสำเร็จ งานขั้นตอนหลังถึงจะเรียกว่ายากลำบากของจริง

บทเพลงๆ หนึ่งจำเป็นต้องมีทำนองและเนื้อร้อง หากเป็นเพลงที่ร้องและเล่นเองอย่างคุ้นเคยนั้นก็ค่อยยังชั่ว จะเขียนขึ้นใหม่ก็ง่ายดาย แต่หลายๆ เพลงเป็นเพลงที่เคยฟังแค่หนึ่งหรือสองครั้ง ต้องใช้กำลังมากมายแค่ไหนถึงจะเรียกความทรงจำนั้นกลับคืนมาครบถ้วน

ยังมีเรื่องการเรียบเรียงเพลง

เคยมีคนบอกว่า หากรู้เพียงการเขียนทำนองเพลง แต่เรียบเรียงเพลงไม่เป็น ยังไม่ถือว่าทำเพลงเป็นจริงๆ

ประโยคนี้อาจจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็สมเหตุสมผล การเรียบเรียงเพลงเป็นข้อด้อยที่สุดของลู่เฉินในขั้นตอนทำเพลง…ความรู้ความเข้าใจของเขาในเรื่องนี้มีจำกัด

ประสบการณ์ที่มีจำกัดมาจากความทรงจำของสวีป๋อในความฝัน สวีป๋อมีความสามารถด้านดนตรี แต่ความสามารถของเขานอกจากการร้องเพลง ก็มีเล่นดนตรี เขียนเพลงบ้าง แต่เรียบเรียงเพลงไม่เป็น

เพลงคลาสสิคเหล่านั้นในความทรงจำของลู่เฉิน มักจะถูกเรียบเรียงมาอย่างสมบูรณ์ บางเพลงเข้าขั้นสวยงาม การเรียบเรียงเพลงขั้นสูงทำให้ทำนองเพลงไพเราะจับใจ เป็นเหตุผลสำคัญของเพลงคลาสสิคที่ประสบความสำเร็จ

ทำนองตัวโน้ตขึ้นลงพลิ้วไหวเต็มเปี่ยม ต้องการเครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นมาประกอบเข้าด้วยกัน หากจะให้ลู่เฉินสามารถเขียนขึ้นมาอีกครั้งคงเป็นภารกิจที่ไม่มีวันสำเร็จ

ลู่เฉินสามารถยกหน้าที่เรียบเรียงเพลงให้คนอื่นทำให้ได้ เพลงสมัยใหม่ในประเทศจีนมีล้นเหลือ นักดนตรีที่ถนัดด้านการเรียบเรียงก็มากมายเช่นกัน ผู้ชำนาญการณ์นั้นไม่เคยขาด

แต่นักดนตรีเหล่านั้นอาจไม่สามารถเรียบเรียงเพลงให้เพราะถูกใจลู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงคิดอยากจะเรียนเทคนิคการเรียบเรียงเพลงด้วย สุดท้ายจะได้ทำเพลงเหล่านั้นด้วยมือของตัวเอง

ลู่เฉินไม่เคยคิดถึงมาก่อน ว่าต่อไปในอนาคตจะได้ขายเพลงในความทรงจำของตัวเองโดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย

เขายังหนุ่มแน่น มีอุดมการณ์และความต้องการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้ดังใจ ด้วยความพยายามของตัวเอง!

สำหรับตอนนี้ การเรียบเรียงเพลงคงต้องวางไว้ก่อน ต่อให้อยากเรียนแค่ไหนก็เรียนในทันทีไม่ได้

เขาลากเม้าส์ไปเปิดโปรแกรม ‘ปรมาจารย์ดนตรี’ แล้วลู่เฉินก็เริ่มทำงานของวันนี้

เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องรูหนูที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงคลิกเม้าส์และเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดที่ดังอยู่เท่านั้น ภายในห้องเงียบจนเกือบจะได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนที่ถูกติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า

เพลงแล้วเพลงเล่าที่ลู่เฉินปรับปรุงขึ้นใหม่ จากนั้นก็บันทึกเก็บรักษาไว้ตามประเภทหมวดหมู่

มีหลายเพลงที่เขาส่งเข้า ‘เว็บไซต์ห้องสมุดดนตรีจีน’ โดยตรง ทำการตรวจสอบลิขสิทธิ์และจดทะเบียนลิขสิทธิ์ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาด้านกฎหมายตามมา

จุดนี้สำคัญมาก ในบรรดาเพลงสมัยใหม่เหตุผลทางลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกออกมาเป็นหัวข้อพิพาทบ่อยที่สุด ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน

ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและจดลิขสิทธิ์ใน ‘เว็บไซต์ห้องสมุดดนตรีจีน’ นั้นสูงมาก สูงจนทำให้นักดนตรีทั้งหลายเคยออกมาแสดงความไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครสงสัยถึงอำนาจและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

ความจริงแล้วหากลู่เฉินอยากประหยัดเงินหน่อยก็มีวิธีง่ายๆ คือ เขานำเพลงของตัวเองไปปล่อยในบอร์ดดนตรีใหญ่ๆ หรือในเว็บไซต์ฟังเพลง จ่ายเงินแค่ไม่กี่สิบหยวนเพื่อลงทะเบียนสิทธิ์ในเพลง ก็สามารถยืนยันสิทธิ์ของผู้แต่งได้เช่นกัน

แต่คุณค่าของเพลงเหล่านี้ สูงเกินไป!

ลู่เฉินมองการณ์ไกล เหมือนกับเรื่องที่เขาไม่ยอมเซ็นสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบต่อสิทธิในการเป็นผู้เขียนเพลงของตัวเอง เขาให้ความสำคัญกับการพัฒนาในระยะยาว แล้วตอนนี้เขาก็มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะทำการจดทะเบียนลิขสิทธิ์เพลง

เงินส่วนที่หาได้จากบาร์เดย์ลิลลี่ รวมทั้งเงินรางวัลที่ได้จากโลกออนไลน์ กลายเป็นต้นทุนให้กับเขา!

ความตั้งใจของเขาทั้งหมดมุ่งอยู่ที่งานตรงหน้าคอมพิวเตอร์ จนเสียงท้องร้องดังขึ้นมา

“จ๊อก จ๊อก”

ตอนนี้เองที่ลู่เฉินตื่นขึ้นจากความหมกมุ่น เอามือลูบท้องที่แบนแฟบของตัวเอง

เขามองเวลาบนหน้าจอ นี่เลยเวลาเที่ยงไปแล้ว!

ลู่เฉินตะลึง ประการแรก เขาไม่คิดว่าตัวเองนั่งทำงานมานานขนาดนี้แล้ว ประการที่สองท้องของเขาร้องหิวเร็วเกินไปหน่อย เร็วกว่าที่ควรจะเป็น

เพราะเขารับประทานอาหารเช้าไปตอน 8 โมงกว่า ไหนยังจะรับประทานมาเป็นสองเท่าของปกติ

งานใช้สมองเสียพลังงานมากจริง!

ลู่เฉินส่ายหัวลุกขึ้นยืน ยืดร่างกายที่นั่งขดตัวแข็งมานาน เตรียมออกไปรับประทานอาหารกลางวัน

ตอนนั้นเองที่อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

…………………………………………………..