บทที่ 144 การโต้กลับ (3)
ในคืนนั้นกลุ่มอันธพาลฉางชิงได้เข้าโจมตีอย่างรุนแรงและได้ทำลายกลุ่มอินทรีแดงลง หัวหน้ากลุ่มกงเค่อหนานถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุ แล้วถนนละอองสีชาดก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเขตของกลุ่มอันธพาลฉางชิง
เมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป ทั่วทั้งเมืองธารน้ำใสก็ตกตะลึง
กลุ่มอันธพาลฉางชิงนั้นมักจะเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลสายเลือดชั้นสูง ถึงแม้จะมีบาดหมางเล็ก ๆ น้อย ๆ กับกลุ่มอื่นบ้างเป็นบางครา แต่ก็ไม่ค่อยมีความขัดแย้งครั้งใหญ่เกิดขึ้น กลุ่มอินทรีแดงเป็นคนของตระกูลเซิน ส่วนกลุ่มอันธพาลฉางชิงนั้นเป็นคนของตระกูลไหล การเคลื่อนไหวของกลุ่มอันธพาลฉางชิงในคราวนี้ย่อมมีเบื้องหลังซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน ข่าวลือบางอย่างก็ได้เริ่มแพร่สะพัดกระจายออกไปทั่ว
เซินอวิ๋นหงเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าในระหว่างการเดินทางไปนอกเมืองของเขา
เมืองธารน้ำใสตกลงสู่ความโกลาหล ราวกับเนื้อที่ถูกโยนลงกระทะน้ำมันเดือด
เซินอวิ๋นหงเป็นผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดาร หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงของเมืองธารน้ำใส และยังเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของของตระกูลเซิน
ข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะถ้ามันเป็นเพียงข่าวลือตระกูลเซินก็สามารถออกมาปฏิเสธได้ ทว่าการเข้าโจมตีอย่างกะทันหันของกลุ่มอันธพาลฉางชิง ที่มาพร้อมกับการเงียบลงอย่างไร้สาเหตุของตระกูลเซิน ทำให้ผู้คนเริ่มคาดเดากันไปต่าง ๆ นา ๆ อย่างดุเดือดทันที
การเคลื่อนไหวของกลุ่มอันธพาลฉางชิง ทำให้หลายคนปักใจเชื่อว่าเซินอวิ๋นหงกำลังประสบปัญหาอยู่อย่างแน่นอน และไหลหวูอี่คงจะเผอิญได้ข่าวเรื่องนี้มา ถึงได้สั่งให้กลุ่มอันธพาลฉางชิงลงมือเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้ไหลหวูอี่จึงถูกโจมตีจากทุกด้านในทันที หลายคนคิดว่าเขากำลังจงใจที่จะเหยียบซ้ำคนล้ม
“บัดซบ ! หวังเหวินซิ่นเป็นบ้าอะไรของแก ? ใครเป็นคนบอกให้ทำอะไรแบบนี้กัน !?”
ณ ลานหลัก ตระกูลไหล ไหลหวูอี่ตะโกนขึ้นและตบโต๊ะด้วยความโกรธ
หวังเหวินซิ่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตอบอย่างภาคภูมิใจ “ท่านหัวหน้าตระกูลไหล ท่านพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกนะ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย เหตุใดท่านถึงได้โกรธข้าขนาดนั้นกัน ?”
ไหลหวูอี่ชี้อีกฝ่ายและถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงไปกวาดล้างกลุ่มอินทรีแดง ?”
“เพราะเหตุใด ?” หวังเหวินซิ่นหัวเราะอย่างเย็นชา “คำถามนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ เราต่อสู้เพื่อแย่งชิงเขตแดนกันมาโดยตลอดมิใช่หรือ ? ในตอนนี้กลุ่มอินทรีแดงที่ไร้คนคุ้มครองกำลังถือครองเขตพื้นที่มั่งคั่งเช่นนั้นอยู่ในมือ แล้วโอกาสดี ๆ เช่นนี้ ข้าจะหยุดตัวเองไม่ให้ลงมือแย่งชิงได้อย่างไร ?”
“แต่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงล้วนเป็นพันธมิตรกัน การกระทำของเจ้ามันจะต่างอะไรกับเหยียบซ้ำคนล้ม แล้วหาประโยชน์จากสถานการณ์ย่ำแย่ของคนพวกนั้นกัน !”
หวังเหวินซิ่นโต้ถามกลับ “แล้วตอนที่กลุ่มอันธพาลฉางชิงถูกซูเฉินบุกมากวาดล้างถึงท่าเรือ กลุ่มอื่นล่ะทำอะไรกันอยู่ ? นั่นไม่นับว่าเป็นการเหยียบซ้ำขณะที่พวกข้าล้มงั้นหรือ ? นั่นไม่ใช่การหาประโยชน์จากสถานการณ์ย่ำแย่ของพวกข้าหรืออย่างไร ?”
ไหลหวูอี่พูดไม่ออก
ในปีนั้นเมื่อซูเฉินได้ทำการกวาดล้างท่าเรือด้วยเลือด กลุ่มอันธพาลฉางชิงได้ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก แม้ในตอนหลังหวังเหวินซิ่นจะปรากฏตัวขึ้นมาจัดการความวุ่นวายให้จบลงได้ แต่เพราะมีผู้เสียชีวิตไปมากมาย กำลังและความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
โลกแห่งความจริงย่อมยืดตามหลักความเป็นจริง หากพวกเขาอ่อนแอ พวกเขาก็ไม่คู่ควรที่จะครอบครองเขตแดนขนาดใหญ่
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลสายเลือดชั้นสูง แต่ตระกูลเหล่านั้นก็ไม่สามารถลบความขัดแย้งทั้งหมดระหว่างกลุ่มต่าง ๆ และทำได้แค่ลดความรุนแรงของการต่อสู้ลงเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ในตอนนั้นบางส่วนของเขตที่กลุ่มอันธพาลฉางชิงถือครองอยู่ จึงถูกกลุ่มอื่น ๆ แบ่งส่วนและแย่งชิงไป
ทว่าหลังจากนั้น ซูเฉินก็ได้ช่วยหวังเหวินซิ่นฝึกฝนกลุ่มคนผู้มีความสามารถอย่างลับ ๆ ทำให้เขาสามารถยึดคืนเขตแดนส่วนใหญ่กลับคืนมาได้อย่างง่ายดาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการแย่งชิงผลประโยชน์กันนี้ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของกลุ่มคนเหล่านี้ มันไม่ใช่ความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่พอใจกัน ในตอนนั้นกลุ่มอินทรีแดงเองก็ได้เข้ายึดพื้นที่และธุรกิจบางส่วนของกลุ่มอันธพาลฉางชิงไปเช่นกัน
เมื่อหวังเหวินซิ่นยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ไหลหวูอี่จึงไม่สามารถโต้แย้งกลับได้
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดได้เพียงว่า “แต่หากเจ้าทำเช่นนั้น แล้วสายตาที่มองมายังตระกูลไหลของข้าล่ะ ?”
หวังเหวินซิ่นเลิกคิ้ว “ตระกูลไหล ?”
“หวังเหวินซิ่น เจ้าคงไม่ได้คิดว่ากลุ่มอันธพาลฉางชิงนั้น กลับมายืนหยัดได้เพราะการสนับสนุนของเจ้าเพียงคนเดียวหรอกใช่ไหม ? หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลไหลของข้า เจ้าคิดว่ากลุ่มของเจ้าจะอยู่มาได้จนถึงตอนนี้จริง ๆ หรือ ?”
หวังเหวินซิ่นหัวเราะลั่น “การสนับสนุนจากตระกูลไหล ? ท่านหมายถึงการเป็นผู้รับผลประโยชน์จากกลุ่มอันธพาลฉางชิงของข้าไป 7 ใน 10 ส่วนทุกปี แต่หลังจากที่หัวหน้าคนก่อนตายไปกลับไม่ทำอะไรเลย แล้วยังยกเอาเขตพื้นที่ของเราไปขอแลกกับสันติของพวกท่าน แม้กระทั่งให้ความช่วยเหลือในการส่งสมาชิกกลุ่มพวกข้าไปยังมือของฆาตกรเหล่านั้น นี่คือการสนับสนุนแบบไหนกัน ?”
ไหลหวูอี่ชะงัก
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่หวังเหวินซิ่นได้เข้ามาดูแลใหม่ ๆ ซูเฉินได้บังคับให้กลุ่มอันธพาลของพวกเขาส่งมอบผู้กระทำผิดในคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ของกรมพลังต้นกำเนิด ตระกูลไหลจำต้องยอมจำนนอย่างไร้ทางเลือก แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องก่อให้ความไม่พอใจในหมู่สมาชิกของกลุ่มอันธพาลฉางชิงเป็นแน่
ในที่สุดสิ่งที่คาดเอาไว้ในตอนนั้นก็ได้ส่งผลร้ายขึ้นมาแล้วในวันนี้ หวังเหวินซิ่นและคนของเขาไม่ได้เห็นตระกูลไหลอยู่ในสายตาของพวกเขาอีกต่อไป
เมื่อไหลหวูอี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็มองว่ามันเป็นเพราะเหตุนี้
ไม่อย่างนั้น อีกฝ่ายจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ?
หัวหน้าตระกูลไหลจ้องเขม็งไปที่หวังเหวินซิ่น “ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น เจ้าก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้มาอยู่ในจุดนี้หรอก”
หวังเหวินซิ่นตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านพูดไม่ผิด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะล้างแค้นหัวหน้าคนเก่าไม่ได้”
การแก้แค้นให้คนตายนับเป็นข้อแก้ตัวที่ดี แม้ว่าที่ผู้นำคนต่อไปแทบจะทนรอให้อดีตผู้นำตายลงไม่ไหวก็ตาม แต่การสวมบทบาทเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เห็นอกเห็นใจและภักดี ก็เป็นข้ออ้างที่มีประโยชน์เสมอ มันไม่ได้แค่ช่วยแสดงให้สมาชิกคนอื่น ๆ ได้เห็นถึงความชอบธรรมและชื่นชอบเขามากขึ้นเท่านั้น แต่มันยังสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการทำสงครามได้อีกด้วย
ในยุคสมัยนี้ที่สถานะและชื่อเสียงมีความสำคัญแบบนี้ การมีข้ออ้างที่เหมาะสมเพื่อทำสงครามถือว่าจำเป็นยิ่ง
ไม่อย่างนั้นตระกูลสายเลือดชั้นสูงกับอันซื่อหยวน ก็คงไม่ต้องระมัดระวังตัวกันขนาดนี้ อันที่จริงก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเวลาลงมือทำอะไร
โลกที่ปราศจากศีลธรรมคือโลกที่สถานะทางสังคมถูกกำหนดด้วยความแข็งแกร่งล้วน ๆ เท่านั้น เป็นโลกที่ไม่จำเป็นต้องใช้สมอง และเป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ
พวกเขาโชคดีมากที่ไม่ได้อยู่ในโลกแบบนั้น โลกนี้ยังคงมีระเบียบกฎเกณฑ์และข้อบังคับต่าง ๆ อยู่ ทำให้แทบทุกคนต้องทำอะไรอย่างระมัดระวังรอบคอบ
แม้ว่าจะมีความสับสนวุ่นวายมากมายอยู่ภายใต้ความเป็นระเบียบเหล่านี้ ทว่าข้อยกเว้นที่อยู่นอกเหนือกฎเหล่านั้น และผู้ที่ไม่เกรงกลัวในความผิดพลาดก็ยังคงมีอยู่ทั่วไป ดังนั้นชื่อเสียง สถานะ ศักดิ์ศรี จึงเป็นสิ่งที่มีคนต้องการอยู่เสมอ
ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ไหลหวูอี่ก็รู้ตัวทันทีว่าเขาได้สูญเสียการควบคุมไปจากกลุ่มอันธพาลฉางชิงเรียบร้อยแล้ว
ความจริงเขาอาจจะได้สูญเสียมันไปนานแล้ว เพียงแค่ว่ามันไม่ได้เผยออกมาชัดเจนจนกระทั่งตอนนี้
ไหลหวูอี่จ้องหวังเหวินซิ่นอย่างเย็นชา
เขารู้ว่าตอนนี้เขามีเพียง 2 ทางเลือก
ทางเลือกแรกคือฆ่าไอ้บัดซบที่แข็งขืนใส่เขานี่ทิ้งซะ ทว่ามันยังมีเหตุผลอีกนานาประการที่ทำให้เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ ประการแรกเพราะมันเท่ากับเป็นการยอมรับกับคนนอกว่า เขาสูญเสียการควบคุมของกลุ่มอันธพาลฉางชิงไปแล้ว
ประการที่ 2 คือมันจะยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ลงไปอีก ท้ายที่สุดกลุ่มอันธพาลฉางชิงก็ได้โค่นกลุ่มอีนทรีแดงลง จากนั้นก็ได้กลืนกินเขตแดนของอีกฝ่ายเข้ามาทำให้ผลกำไรของพวกเขาเพิ่มขึ้น และคนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือตระกูลไหล ดังนั้นการกระทำของหวังเหวินซิ่นจึงถือได้ว่าเป็นการขยายอาณาเขต หากไหลหวูอี่เลือกที่จะสังหารเขาทิ้งด้วยเหตุนี้ มันก็ดูจะมากเกินกว่าที่คนอื่นจะยอมรับได้เกินไป
ประการที่ 3 คือเขาอาจจะฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ ตระกูลไหลไม่มีผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารอยู่เลย ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณทั้งสิ้น และทางตระกูลก็ได้สูญเสียผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งไปในการไล่ล่าฆ่าซูเฉินก่อนหน้านี้แล้ว ในทางตรงกันข้ามช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้กลุ่มอันธพาลฉางชิงได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ยกระดับของพวกเขาเข้าสู่ด่านทะลวงลมปราณ แค่มองก็รู้ได้ว่ากลุ่มอันธพาลกลุ่มนี้ได้วิธีการลับบางอย่าง ที่ช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของพวกเขามาครอง
นั่นคือเหตุผลที่ตัวเลือกแรกนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
ทางเลือกที่ 2 คือการยอมรับในการกระทำของหวังเหวินซิ่นไปเสีย ด้วยวิธีนี้ อย่างน้อยที่สุดเบื้องหน้าก็จะยังคงดูเหมือนว่าพวกเขายังควบคุมกลุ่มอันธพาลฉางชิงนี้อยู่ และบางทีเขาอาจได้รับประโยชน์จากการผนวกรวมกลุ่มอินทรีแดงเข้ามา …เพราะหวังเหวินซิ่นไม่เคยบอกว่าจะไม่จ่ายส่วนแบ่งให้
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะทำให้ไหลหวูอี่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของตระกูลสายเลือดชั้นสูงตระกูลอื่นอย่างไม่ต้องสงสัย
ไหลหวูอี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าที่อยากจะแก้แค้นให้หัวหน้าคนก่อนดี … ”
ทั้งคู่สบถพร้อมกันในใจ ความรู้สึกที่อยากจะแก้แค้นบ้าบออะไรที่ไหนกัน ?
“แต่วิธีการของเจ้าก็ทำให้ข้าต้องลำบากใจ ในเมื่อเจ้าทำไปแล้วและพวกเจ้าเองก็เป็นคนของตระกูลไหล มันก็เป็นหน้าที่ของข้าที่จะปกป้องพวกเจ้า ตอนที่หลี่เยว่ทำงานให้ข้า ข้านั้นไม่สามารถปกป้องเขาไว้ได้ ครานี้ถือว่าเป็นคำขอโทษจากข้า ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ให้เอง”
ใบหน้าของหวังเหวินซิ่นเปี่ยมไปด้วยความยินดี “ขอบคุณท่านหัวหน้าตระกูลที่เข้าใจ ! กลุ่มอันธพาลฉางชิงจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตระกูลไหลอย่างแน่นอน”
“อืม ไปเถอะ แค่อย่าได้สร้างปัญหาให้ข้าอีกก็พอ” ไหลหวูอี่กล่าวขณะที่เขาโบกมืออย่างอ่อนแรง
แน่นอนว่า เขาไม่เคยนึกไม่ฝันเลยว่า ปัญหาของกลุ่มอันธพาลฉางชิงในคราวนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น