เว่ยจางแสยะยิ้มเย็นชาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “เขากลายเป็นมดบนกระทะร้อนเสียแล้ว หลายปีมานี้ตระกูลปั๋วต้องทำเรื่องกบฏ ต่อฟ้าดินไม่มากก็น้อยแน่นอน หลักฐานบางอย่างก็อยู่ในมือของพวกเราแล้ว เมื่อวานเซียวอี้ไปทำพิธีเซ่นไหว้มารดาที่สิ้นไปที่วัดยังไม่กลับมา วันรุ่งขึ้นข้าจะสั่งให้เขาไปที่จวน เรื่องนี้ข้าคงไม่สะดวกจะออกหน้าออกตาเอง คงต้องรบกวนพี่เหยาแล้ว”
เหยาเหยียนอี้พยักหน้า “เจ้าวางใจเถอะ ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”
เว่ยจางหรี่แววตาเยือกเย็นนั้นลงเล็กน้อยแล้วไม่ได้มากความอะไร พี่ชายคนรองของว่าที่ภรรยาเป็นคนพูดง่ายจริงๆ ทั้งวันก็ไม่เอาแต่ยิ้มไม่เคยใส่อารมณ์กับใครเลย ทว่าแท้จริงแล้วกลับไม่ได้เป็นคนที่ยอมถูกรังแกง่ายๆ
ทั้งสองเดินพลางพูดคุยเล่นกันไปด้วย หนึ่งเดือนกว่าที่กลับมานี้ เหยาเหยียนอี้ไม่มีเวลาว่างมาโดยตลอด ยาห้ามเลือดก็ปรุงไปบางส่วนแล้ว ประสิทธิภาพออกมาดีเหมือนที่คาด ส่วนสูตรลับยาชนิดที่สองก็ถูกสร้างออกมา เหยาเหยียนอี้ หันจวิ้นจง และหันจวิ้นเสี้ยวกำลังคิดหาวิธีว่าจะนำยาเหล่านี้ไปขายในร้านขายยาขนาดใหญ่อย่างไร ถึงจะเปลี่ยนยาเป็นเงินได้อย่างรวดเร็ว
คุณชายรองเหยาและเว่ยจางแยกย้ายกันขึ้นรถม้าตรงทางแยก ขณะที่เดินไปด้วยก็ครุ่นคิดไปด้วย เขาควรขายยาสูตรลับนี้ไปที่เจียงหนานและเจียงเป่ยอย่างรวดเร็วที่สุด ทำให้คนสนใจ จะได้ขึ้นราคาสินค้าให้สูงขึ้นอีกหน่อย?
พอนึกได้แบบนี้ คุณชายรองเหยาจึงอดมุ่งหวังที่จะทำอะไรบางอย่างกับร้านยาไม่ได้
หากพูดถึงร้านยาก็ถือว่าเป็นร้านขายของที่ดีจริงๆ! ก่อนหน้านี้ตระกูลเหยาไม่เคยเข้าสู่ธุรกิจเช่นนี้ นั่นก็เพราะว่าคนในตระกูลไม่มีใครที่เก่งกาจด้านวิชาการแพทย์ ตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิม มีคุณหนูรองอยู่ หรือว่าตระกูลเหยาควรมีร้านขายยาสิบกว่าร้านในเจียงหนานและเจียงเป่ยดี?
เหยาเหยียนอี้ครุ่นคิดตลอดทั้งทางกลับบ้าน หนิงฮูหยินน้อยเห็นจึงรีบเดินหน้าไปถอดเสื้อคลุมให้เขาแล้วเอ่ยถามด้วยความรื่นเริง “ท่านกั๋วกงได้สั่งอะไรหรือไม่”
“ก็เกี่ยวกับเรื่องงานสมรสของน้องสาว คงกลัวว่าพวกเราไม่กล้าเอ่ยขอ เขาเลยเอ่ยถาม จากนั้นก็บอกว่าจะเพิ่มสินเดิมเจ้าสาวให้น้องสาว” เหยาเหยียนอี้พูดขึ้นยิ้มๆ
“ท่านกั๋วกงดีต่อแม่ทัพเว่ยจริงๆ ไม่เคยเห็นเขาเป็นคนนอกเลย” หนิงฮูหยินน้อยดีใจมากแล้วสั่งการ “ไปชงชาสร่างเมาให้นายท่านรองดื่มที”
“ได้ยินมาว่าเสี่ยนจวินเคยช่วยขีวิตท่านกั๋วกงในสนามรบไว้ ทั้งเขายังเสียบิดาไปตั้งแต่เด็ก ในตระกูลก็จึงไม่มีผู้อาวุโสสักคน ท่านกั๋วกงจึงเห็นว่าเขาเหมือนหลานชายของตนเอง ความสัมพันธ์ที่เสริมสร้างผ่านการสู้รบในสนามรบของพวกเขาแค่ครุ่นคิดก็พอรู้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีแล้ว”
“เป็นเช่นนั้น” หนิงฮูหยินน้อยยื่นเสื้อคลุมของเหยาเหยียนอี้ให้จินหวนแล้วรับถ้วยชาในมือของเสวี่ยเหลียนมายื่นให้เหยาเหยียนอี้กับมือ “ท่านพี่ดื่มชาสร่างเมาหน่อยเถอะ”
เหยาเหยียนอี้หันไปพิงอยู่บนตั่งไม้แล้วรับน้ำชามาจิบหนึ่งคำพร้อมเอ่ยถาม “จัดเตรียมสินเดิมเจ้าสาวมายี่สิบหกวันแล้ว ยังมีอะไรที่ขาดเหลืออีกหรือไม่”
หนิงฮูหยินน้อยพลันพูด “ส่วนมากก็ครบครันแล้ว เหลือแค่ของเย็บปักชิ้นเล็กชิ้นน้อยบางส่วน แต่ท่านพี่วางใจเถอะ จะไม่ทำให้ทุกอย่างล่าช้าแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ดี” เหยาเหยียนอี้พยักหน้า จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “หลายวันมานี้ไม่เจอหน้าน้องรองเลย มัวแต่ยุ่งอะไรอยู่”
หนิงฮูหยินน้อยแย้มยิ้ม “ท่านพี่ขี้หลงขี้ลืมจริงๆ เมื่อวานข้ายังบอกท่านว่าน้องรองไปบ้านนา วันนี้ท่านก็บอกว่าไม่เจอหน้านางแล้ว”
เหยาเหยียนอี้ยกมือตบหน้าผากตนเองแล้วเปรยขึ้น “เดี๋ยวนี้ข้าขี้หลงขี้ลืมจริงๆ! ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวายใจ กลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องในจวนเลย”
หนิงฮูหยินน้อยยิ้มพูด “รอให้ยุ่งกับงานในช่วงนี้เสร็จ ท่านพี่ก็ควรมีเวลาพักบ้าง อย่ามัวแต่ยุ่งกับงานด้านนอกเลย”
“รู้แล้ว” เหยาเหยียนอี้ยื่นมือไปกุมมือหนิงฮูหยินน้อยแล้วจับอย่างเบามือ
ตอนนี้คุณหนูเหยาย้ายเข้าไปในบ้านนาน้อยวัวจวูแล้ว พอเห็นเรือนของตนเองก็เปลี่ยนเป็นกระจกหน้าต่างทั้งหมดจึงขนขวดมากกว่าหนึ่งร้อยขวดเข้าไปในเรือนขนาดใหญ่แล้วเริ่มทำในเรื่องที่อยากทำก่อนหน้านี้
“ชุ่ยเวย ใช้อันนี้มัดตรงตำแหน่งนี้ที” เหยาเยี่ยนอวี่เลิกแขนเสื้อตัวหลวมขึ้นทันที เผยให้เห็นแขนขาวผ่องของนาง
“นี่คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ” ชุ่ยเวยจับเชือกในมือไว้แต่ไม่กล้าลงไม้ลงมือ
“เร็วสิ!” เหยาเยี่ยนอวี่เร่งนางแล้วเอากระบอกฉีดยาที่แช่ในเหล้าที่มีความร้อนสูงออกมาสะบัดไปมา
“คุณหนูจะทำอะไรกันแน่” ชุ่ยผิงที่อยู่ข้างๆเห็นกระบอกเข็มฉีดยาทรงประหลาดในมือของเหยาเยี่ยนอวี่ ภายในใจก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
“สูบเลือดออกมาหน่อย” เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างไม่สนใจใดๆ
“สูบ…สูบเลือดอะไรเจ้าคะ” ชุ่ยเวยที่กำลังมัดแขนของเหยาเยี่ยนอวี่พอได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกตกใจจนตัวสั่นงันงก เลือดจะสูบออกมาอย่างเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร!
“รัดให้แน่นอีกหน่อย อย่าปล่อยให้หลวมเกินไป” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้สนใจนาง แค่มองแขนของตัวเองด้วยสีหน้าจริงจังแล้วกำลังครุ่นคิดว่า จะเจาะเลือดเส้นไหนดี
ชุ่ยเวยดึกเชือกให้แน่น ยังไม่ได้สติกลับมา พอเห็นคุณหนูของนางเอาเข็มแทงเข้าไปตรงผิวหนังบนแขนของตัวเอง จากนั้นก็มีของเหลวสีแดงสดไหลเข้าไปในกระบอกกระจกอย่างรวดเร็ว
“ว้าย…โอ้สวรรค์!” ชุ่ยเวยตะโกนด้วยความตกใจ
“คุณหนู!” ชุ่ยผิงก็ตกใจจนเสียงเปลี่ยนไป “นี่ท่านกำลังทำอะไรกันแน่”
“เอาสำลีแผ่นมา!” เหยาเยี่ยนอวี่เห็นว่าเลือดที่สูบมาในกระบอกเข็มฉีดยาพอประมาณแล้วจึงสั่งชุ่ยเวย “กดตรงนี่ไว้ ประเดี๋ยวหากข้าดึงเข็มออกแล้วเจ้าก็ใช้แรงกดไว้ให้ดี”
“อ๋า” ชุ่ยเวยตะลึงงันไป
เหยาเยี่ยนอวี่ดึงเข็มออกแล้วสั่งการ “กดไว้” นิ้วมือของชุ่ยเวยจึงใช้แรงกดจุดที่เข็มแทงเมื่อครู่นี้
“ชุ่ยผิงเอากระบอกกระจกอันนั้นมาให้ข้า” เหยาเยี่ยนอวี่สั่งการ
ชุ่ยผิงพลันทำตามคำสั่ง คุณหนูเหยาเอาเลือดในกระบอกเข็มแบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งส่วนใส่เข้าไปในหลอดทดลองอันนี้ จากนั้นก็แบ่งอีกส่วนเข้าไปในหลอดทดลองอีกอัน สุดท้ายก็เอากระบอกเข็มไปให้ชุ่ยผิง “เสร็จแล้ว เอาไปล้างให้สะอาด”
การตรวจกลุ่มเลือดเป็นเรื่องที่เหยาเยี่ยนอวี่คิดมานานแล้ว
การเสียเลือดมากเป็นปัญหาที่พบเห็นบ่อยมาก โดยเฉพาะสำหรับเหล่าทหารที่รบในสนามรบเหล่านั้น บาดแผลมากมายของคนพวกนั้นแท้จริงแล้วไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่กลับเป็นเพราะเสียเลือดมากจนทำให้ถึงกับสิ้นใจ
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะอาการตกเลือดเพราะแท้งบุตรของเฟิงฮูหยินน้อยถึงได้ทำให้นางคิดถึงวิธีนี้ หลังๆ มาพอนึกถึงเว่ยจางที่อาจจะต้องสวมชุดรบพาเหล่าทหารมากมายไปออกรบที่ไปเขตชายแดน การต่อสู้สังหารกันอาจจะทำให้เสียเลือดมากจนเสียชีวิต เหยาเยี่ยนอวี่คงจะทนดูไม่ไหวแน่นอน
นางต้องคิดหาวิธีที่ดีในการจัดการปัญหานี้ให้ได้ ไม่ว่าต้องเจอกับความยากลำบากมากเพียงใดก็ตาม
“พอเถอะ พวกเจ้าออกไปเถอ ะอย่ามารบกวนข้า” เหยาเยี่ยนอวี่กดแขนของตนเองไว้สักพักแล้วยกมือโยนสำลีแผ่นเข้าไปในกระโถนพร้อมกับผายมือให้สาวใช้สองคนนั้นออกไป
“คุณหนู ท่านไม่เป็นเช่นไรใช่หรือไม่” คนยุคโบราณทนดูการหลั่งเลือดเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ น้ำเสียงของชุ่ยเวยราวกับว่าคุณหนูของนางกำลังจะเป็นลมหมดสติไป
เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มแล้วพูด “ไม่เป็นไรแล้ว คืนนี้ต้มข้าวต้มพุทราถั่วลิสงให้ข้ากินก็พอแล้ว”
ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงจึงถอยออกไปด้านนอกด้วยความลังเล จากนั้นก็รีบสั่งให้คนต้มข้าวต้ม แล้วยังครุ่นคิดว่าควรต้มน้ำแกงบำรุงเลือดให้คุณหนูกินดีหรือไม่