เด็กสาวถาม “พี่ใหญ่อวี๋ จากนี้พี่จะดีกับหนูแบบนี้ไหม? ช่วยนวดหัวเข่า ช่วยหนูจับปลาตัวใหญ่มากินไหม?”
“แน่นอนสิ! น้องฟางฟางอยากกินอะไร พี่จะช่วยเธอเอง!” เด็กชายยืดอกรับ
“ถ้าอย่างนั้น…ถ้ามีคนมารังแกฟางฟางล่ะ?” เด็กหญิงถาม
“มีพี่อยู่ ไม่มีใครรังแกฟางฟางได้หรอก” เด็กชายยังคงยืดอกรับ พูดด้วยความมั่นใจ
วินาทีนั้นเด็กหญิงยิ้มร่า ดวงตายิ้มเป็นจันทร์เสี้ยว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสลักอักษรกัน ห้ามใครโกง!” เด็กหญิงพูด
เด็กชายตอบตกลง สองคนสลักอักษรบนต้นเบิรช์ว่าจะปกป้องหลิวฟางฟางไปตลอดชีวิต จากนั้นสลักอักษรแบบเดียวกันบนต้นไม้อีกสองต้น สุดท้ายเด็กชายใช้มีดเล็กปลอกผิวต้นเบิรช์ ทำเป็นแผ่นๆ คนละแผ่น
ภาพเปลี่ยนไป บนดินเหลืองในชนบท เด็กหญิงโตขึ้นไม่น้อย ทว่าสถานการณ์ไม่ดีนัก เธอถูกหนุ่มอ้วนผลักล้ม แย่งแป้งหมี่ห่อหนึ่งในมือไปจึงร้องไห้เสียงดัง
ตอนนี้เองเด็กชายปรากฏตัว คว้าดินก้อนใหญ่พลางปรี่เข้าไปซัดกับคนอ้วนจนกลมเป็นก้อนเดียวกัน คนอ้วนสูงใหญ่ เด็กชายจะชนะได้อย่างไร? แต่เด็กชายกลับแสดงความไม่เกรงกลัวผู้ใด ไม่ว่าจะถูกต่อยกี่ครั้งก็ยังลุกขึ้นมาสู้ต่อ
สุดท้ายคนอ้วนตกใจกลัวเด็กชาย หมุนตัววิ่งหนีไป แป้งหมี่กระจายเต็มพื้น
เด็กหญิงเห็นแป้งหมี่กระจายจึงร้องไห้หนัก “แย่แล้ว แป้งหมี่เละหมดเลย แม่ตีแน่ ฮือๆ…”
เด็กชายเห็นดังนั้นจึงกัดฟัน “ฟางฟาง รอเดี๋ยวนะ”
“ไม่ต้องสู้แล้ว พี่เลือดไหลแล้ว” เด็กหญิงพูดด้วยความเป็นห่วง
แต่เด็กชายก็ยังไป กลับบ้านไปเอามีดหั่นผักมาบุกบ้านคนอ้วน ไม่นานก็เอาแป้งหมี่ห่อหนึ่งออกมาจากบ้านคนอ้วนส่งให้เด็กหญิง
ภาพเปลี่ยนไป เด็กหญิงเติบใหญ่แล้ว สวยสูงโปร่ง ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านแล้ว แต่เข้าไปในเมือง
ส่วนเด็กชายคนนั้นสูงกว่าเดิม กำยำกว่าเดิม ยิ้มมีความเหนียมอายเล็กน้อย สองคนเดินบนถนน บนกำแพงมีโปสเตอร์แปะไว้แผ่นหนึ่ง ด้านบนเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งสวมกี่เพ้าสีขาว เสริมให้รูปร่างเธอดูสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง สวยสง่างาม
เด็กหญิงมองโปสเตอร์นั้น อดชมไม่ได้ว่า “ชุดสวยมาก ต้องหาเงินซื้อมาใส่สักตัว”
เด็กชายอึ้งไป ไม่ได้พูดอะไร
ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เด็กชายพลันพุ่งเข้าไปในโรงงานที่เด็กหญิงอยู่ ส่งห่อของหนึ่งใส่มือเด็กหญิง หน้าแดงก่ำก่อนหมุนตัววิ่งไป ไม่ว่าเด็กหญิงจะตะโกนเรียกอย่างไรเด็กชายก็ไม่หันกลับมา
เด็กหญิงเปิดดูถึงกับปิดปากเล็กๆ ทำสีหน้าเหลือเชื่อ ในนั้นคือกี่เพ้าสีขาว! สวยมาก! แต่เขาเอาเงินมาจากไหนถึงซื้อกี่เพ้าสวยๆ แบบนี้ได้?
เด็กหญิงตามไปหาเด็กชาย ยัดเสื้อผ้าคืน พูดด้วยตามโมโห “พี่ใหญ่อวี๋ ถ้าพี่ไม่บอกว่าเอาเงินมาจากไหน ฉันไม่เอาชุดนี่นะ”
“หา?” เด็กชายตะลึงงัน เกาหัวไม่รู้จะอธิบายยังไง
ตอนนี้เองเพื่อนเด็กชายเข้ามาใกล้ “จะเอามาจากไหนได้ล่ะ? ก็หาเงินเอาสิ วันๆ เหล่าอวี๋ทำงานหลายอย่าง ทำทั้งวันทั้งคืน หาเงินมาได้ครึ่งปีกว่าแล้ว”
เด็กชายรีบไล่อีกฝ่ายไปก่อนส่งชุดไว้ในอ้อมอกเด็กหญิง “ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอก เธอเอาไปเถอะ…”
เด็กหญิงมองเด็กชายด้วยความปวดใจ “ทำไมต้องทำแบบนี้ล่ะ ชุดนี่ไม่จำเป็นหรอก…”
“แหะๆ…” เด็กชายหัวเราะซื่อๆ เขาไม่เก่งเรื่องการพูดจริงๆ
ภาพเปลี่ยนไป เด็กหญิงจะแต่งงาน ครอบครัวจะให้เธอแต่งกับคนที่ไม่รู้จัก ตอนนี้เองเธอพบว่าตนเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กหญิงน้อยในตอนแรก ขณะเดียวกันคนนั้นในใจเธอก็เติบใหญ่แล้วเหมือนกัน คืนนั้นเธออยากหนีไปกับเด็กชาย
แต่เด็กชายปฏิเสธ เพราะเขาให้ชีวิตที่เธอต้องการไม่ได้
เด็กหญิงร้องไห้ เด็กชายร้องไห้เช่นกัน วันที่สองเด็กชายออกจากเมืองเฮยซาน แต่เด็กหญิงอาศัยจังหวะที่คนในครอบครัวไม่เห็นหนีไป เธอไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน สุดท้ายกลับบ้านเกิด กลับมายังป่าต้นเบิรช์ เธอเจอเด็กชายที่นั่นจริงๆ! เด็กชายกำลังเหม่ออยู่ใต้ต้นเบิรช์ที่สลักคำสาบานไว้ในตอนแรก
“พี่เคยบอกว่าจะปกป้องฉันไปตลอดชีวิตนี่” เด็กหญิงพูดเบาๆ น้ำตาไหล
เด็กชายตบปากตัวเองสามครั้ง ก่อนเข้าไปกอดเด็กหญิงไว้ “พี่จะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต มีพี่อยู่ ใครอย่าคิดทำร้ายเธอ”
สองคนอยู่ด้วยกัน อยู่ง่ายๆ จับมือคือทุกอย่าง จากนั้นภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง ยังคงเป็นป่าเบิรช์ เด็กชายจับมือเด็กหญิง เด็กหญิงร้องไห้เป็นคนเจ้าน้ำตา “ฉันไม่ให้พี่ตาย…”
“เด็กโง่ พี่ไม่ได้ตาย พี่จะไปเป็นทหารปกป้องประเทศจากพวกผู้รุกรานอเมริกา!” เด็กชายเช็ดน้ำตาบนหน้าเด็กหญิง
“คนจีนเยอะจะตาย มีพี่เพิ่มไปคนเดียวไม่เยอะขึ้นหรอก ขาดพี่คนเดียวก็ไม่ลดลงหรอก พี่จะไปทำไม? ไหนบอกว่าไม่เต็มใจไปไง?” เด็กหญิงร้องไห้เสียใจกว่าเดิม
“พี่เต็มใจไป!” เด็กชายตอบด้วยความลึกซึ้ง
“พี่ไปแล้วจะปกป้องฉันได้ยังไง?” เด็กหญิงเริ่มปลิ้นปล้อน ชี้อักษรที่สลักใหม่บนต้นไม้ “พี่ไม่รักษาคำพูด!”
เด็กชายมองเด็กหญิงด้วยความรัก “เด็กโง่ พี่ต้องไปเพื่อปกป้องเธอ! ตอนนั้นประเทศรัสเซียบุกมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ มาพร้อมกับภัยพิบัติ พี่จะไม่ยอมให้เกิดเป็นครั้งที่สองแน่ ครั้งนี้อเมริกามาแล้ว พี่ต้องไป มีแต่ขวางพวกมันไว้ข้างนอกเท่านั้นถึงจะปกป้องความปลอดภัยของเธอได้ พี่ต้องไปเพื่อเธอ เพื่อประเทศ!”
“แต่ว่า…แต่ว่า…ก็ยังมีคนอื่นอีกนี่…” เด็กหญิงไม่ยอม
“นั่นคือคนอื่น ไม่ใช่พี่ พี่เคยสาบานว่าจะปกป้องเธอ เชื่อพี่ พี่จะกลับมา!” เด็กชายพูด
ภาพเปลี่ยนไป เสียงปลอบขวัญดังขึ้น เด็กชายเข้าร่วมกองทัพ สวมเครื่องแบบทหาร ตอนนั้น เด็กหญิงรู้สึกว่าเขาหล่อมาก!
ภาพแตกกระจาย ริมแม่น้ำ ท่าเรือเก่า เด็กหญิงยัดรูปภาพที่ถ่ายใหม่ใส่มือเด็กชาย ข้างหลังภาพยังเขียนชื่อของตนไปด้วย ‘ภรรยาของอวี๋กว่างหวา หลิวฟางฟาง!’
แต่ตอนนี้สองคนไม่มีใบจดทะเบียนสมรส ไม่ได้แต่งงานกัน ทว่าอักษรบนภาพสื่อไว้ชัดเจนทุกอย่าง เธอ! หลิวฟางฟางเป็นภรรยาของอวี๋กว่างหวา
“ฉันจะรอพี่กลับมานะ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะอยู่ที่นี่ รอที่ท่าเรือนี่ ไม่ว่าพี่จะกลับมาเมื่อไรจะเห็นฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะเฝ้าดูเรือทุกลำที่กลับมา หวังว่าพี่จะอยู่บนนั้น” หลิวฟางฟางพูดเบาๆ
เมื่อได้ยินเสียงคำสั่งการ เด็กชายตามกลุ่มคนขึ้นเรือไป พวกเขาจะไปอีกที่ ไปรวมพลกับกองกำลังใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นข้ามแม่น้ำยาลู่ ไปรบเพื่อปกป้องประเทศ! ไม่มีใครรู้ว่าตนจะได้กลับมาอีกหรือไม่ แต่ว่าพวกเขาปรารถนาจะกลับมา แต่ไม่กลัวถ้าไม่ได้กลับมา! เพราะพวกเขารู้ว่าขอแค่ศัตรูยังถูกขวางอยู่อีกด้าน คนในครอบครัว คนรักจะปลอดภัย…