บทที่ 279: อะไรที่ต้องมาก็ต้องมา

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 279: อะไรที่ต้องมาก็ต้องมา

เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อฤดูกาลเคลื่อนเข้าสู่ฤดูร้อน

ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ของคฤหาสน์สีกรมท่า จู่ ๆ นาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มผมดำลืมตาขึ้น ด้วยการแกว่งมือเบา ๆ เขาก็ปิดเสียงของนาฬิกาที่ดังรบกวนลงด้วยพลังเวท

ต่างจากวันอื่น ๆ โรเอลไม่ได้ลุกขึ้นมานั่งในทันที เขายังคงนอนอยู่บนเตียงจ้องมองไปที่เพดานอันว่างเปล่า

วันนี้เป็นวันพักผ่อนของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แม้นาฬิกาปลุกจะปิดลงตามปกติ แต่สถาบันการศึกษานั้นกลับเงียบต่างจากวันอื่น ๆ

น่าเสียดายที่วันพักผ่อนไม่ได้หมายความว่าจะได้หยุดทำงาน โรเอลถือเป็นกรณีตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสิ่งนั้น เขาถึงกับทำงานในความฝันเสียด้วยซ้ำ!

โรเอลถอนหายใจเบา ๆ พลางยกมือขึ้นแล้วจ้องไปยังแหวนกุหลาบดำที่ส่องประกายอยู่บนนิ้วของตน ยิ้มออกมาอย่างอิ่มเอมใจ

เพิ่มขึ้นมาอีกแล้วสินะ ดีเลย… ให้ตายสิ นี่มันเหนื่อยมากจริง ๆ

เด็กหนุ่มนึกถึงการต่อสู้ที่เขาเพิ่งเผชิญมาภายในความฝัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขายุ่งมาตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา จนเขาได้สวมแหวนกุหลาบดำตอนนอนหลับทั้งหมดเพียงแปดครั้ง โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด เขาเลือกที่จะกำหนดเป้าหมายเฉพาะทหารเกราะดำที่อยู่เดี่ยว ๆ

หลังจากฝ่าฟันต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในความฝันหลายต่อหลายครั้ง โรเอลก็สังเกตเห็นว่ามีเพียงคนเดียวที่มีอำนาจบังคับบัญชาในที่แห่งนี้ ซึ่งก็คือร่างในชุดดำ นับตั้งแต่ที่พวกมันสังเกตเห็นการบุกรุกของโรเอล ร่างชุดดำก็จะเดินทางมาพร้อมกับทหารเกราะดำอย่างน้อยห้านายเสมอ ๆ จากนั้นทหารชุดเกราะดำก็จะค่อย ๆ กระจัดกระจายกันไป เมื่อไม่มีร่างชุดดำอยู่ด้วย

โรเอลได้สังหารทหารเกราะดำไปแล้วกว่าห้าสิบนาย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จำนวนสัตว์ประหลาดในโลกแห่งความฝันกลับดูเหมือนจะมีเพิ่มขึ้น เด็กหนุ่มไม่สามารถเข้าใจปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดนี้ได้ แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ และมีแนวโน้มที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้โรเอลปวดหัวจนต้องนวดขมับแล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือการเข้าถึงสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลระดับสองให้ได้โดยเร็วที่สุด และหวังว่าจะได้เบาะแสบางอย่างจากมาร์กาเร็ต

นอกเหนือจากปัญหาในโลกแห่งความฝันแล้ว โรเอลยังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการรับสมัครสมาชิกเข้ามาในฝ่ายกุหลาบน้ำเงินของเขา และการจัดตั้งชมรมรับจ้างสารพัด โชคดีที่ทั้งสองเรื่องนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ต้องขอบคุณความพยายามของพอล ที่ทำให้ฝ่ายกุหลาบน้ำเงินสามารถรับสมัครคนได้มากกว่าห้าสิบคนในช่วงเวลาหนึ่งเดือน แม้มันจะยังน้อยหากเทียบกับกลุ่มของนอร่าและชาร์ล็อต ซึ่งมีสมาชิกหลายร้อยคนที่แข็งแกร่ง และสมาชิกที่ได้รับคัดเลือกส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในระยะทดลอง แต่อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นความคืบหน้าที่ดีสำหรับฝ่ายที่เริ่มต้นจากศูนย์อย่างพวกเขา

คนที่รับเข้ามาส่วนใหญ่เป็นนักเรียนในท้องถิ่นภายในอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล และขุนนางจากอาณาจักรเล็ก ๆ จากการสังเกตเบื้องต้นแล้ว พวกเขาเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์

ยิ่งไปกว่านั้นพอลยังสามารถนำสมาชิกดั้งเดิมของชมรมสารพัดจ้างในเกมมาเข้าร่วมได้อีกด้วย

หนึ่งในนั้นคือเกอรัล สตีเฟนสัน เขาเป็นคนที่มีรูปร่างเล็ก แต่หน้าตาของเขานั้นโดดเด่นเป็นพิเศษเนื่องจากผมสีเทาขี้เถ้า และดวงตาสีฟ้า เกอรัลนั้นเป็นบุตรชายของตระกูลขุนนางในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ และเป็นเพื่อนร่วมห้องของพอล

เกอรัลเป็นเหมือนพี่น้องที่สนิทสนมกับพอลในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล คอยช่วยเหลือเขาตลอดเนื้อเรื่อง

ตระกูลสตีเฟนสันเป็นตระกูลชนชั้นสูงในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษ บรรพบุรุษของพวกเขาหลายคนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงในกองทัพและต่อสู้อย่างกล้าหาญกับพวกกลายพันธุ์ เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นขุมพลังทางการทหารที่คล้าย ๆ กันกับตระกูลแอสคาร์ด

อย่างไรก็ตามความสามารถและอิทธิพลทางการทหารโดยรวมของจักรวรรดิเซนต์เมซิทนั้นเหนือกว่าของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์มาก ด้วยเหตุนี้ตระกูลแอสคาร์ดจึงถูกมองว่าเหนือกว่าตระกูลสตีเฟนสัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้จุดยืนของเกอรัลต่ำกว่าโรเอลแม้ว่าจะเป็นบุตรชายของมาร์ควิสเหมือน ๆ กัน

แล้วลูกหลานของตระกูลขุนนางชั้นสูงที่ปกติแล้วจะอาศัยอยู่เพียงคนเดียวในห้องเดี่ยว กลายมาเป็นเพื่อนร่วมห้องของพอลได้อย่างไร?

ปรากฎว่าตระกูลสตีเฟนสันไม่เห็นด้วยกับการที่เกอรัลจะเข้าเรียนที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ดังนั้นเขาจึงแอบหนีออกมาโดยที่ไม่ให้ตระกูลของตัวเองรู้

อันที่จริงเกอรัลได้ใช้บริการนักปลอมแปลงเอกสาร ให้ช่วยปลอมแปลงข้อมูลประจำตัวของเขา เพื่อสร้างร่องรอยปลอมขึ้นมา นอกจากนี้ประวัตินักศึกษาของเขาที่บันทึกเอาไว้ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ายังระบุว่าเขาเป็นลูกชายของพ่อค้า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์เลยแม้แต่น้อย

พอลตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเพื่อนร่วมห้องที่ตนออกไปเที่ยวด้วยกันทุกวันจะเป็นลูกชายของตระกูลมาร์ควิส ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกงุนงงว่าทำไมพวกตระกูลสตีเฟนสันถึงห้ามไม่ให้เกอรัล เข้ามาเรียนที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เพราะมันถือเป็นความฝันของคนส่วนใหญ่ที่จะได้ลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม โรเอลเข้าใจแนวคิดเบื้องหลังจุดยืนของตระกูลสตีเฟนสันดี

ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับตระกูลสตีเฟนสันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตระกูลอื่น ๆ ในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ด้วย พวกเขาเป็นอาณาจักรที่ค่อนข้างแปลก โดยขุนนางดั้งเดิมส่วนใหญ่ของพวกเขามีแนวความคิดดังนี้ :

คาถาเวท? ไร้สาระ นั่นเป็นสิ่งที่พวกผู้หญิงใช้กัน ลูกผู้ชายตัวจริงจะพุ่งเข้าโจมตีและสังหารศัตรูด้วยดาบ! มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นที่จะหันไปใช้กลอุบายอันไร้ความหมายแบบนั้น!

ใช่แล้ว อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ เต็มไปด้วยพวกสมองกล้ามเนื้อ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีนักเรียนมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์น้อยมาก ๆ ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นหนึ่งในอาณาจักรมหาอำนาจในทวีปเซียก็ตาม นั่นก็เพราะพวกเขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งสูงสุดสามารถทำลายสิ่งกีดขวางที่ขวางทางทั้งหมดได้

ในฐานะที่เป็นตระกูลอัศวินแบบดั้งเดิม ตระกูลสตีเฟนสันเองก็มีความเชื่อแบบเดียวกันด้วยเช่นกัน

แม้ว่าพรสวรรค์ของเกอรัลจะแสดงแนวโน้มที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้คาถาเวท หากเปรียบเทียบกับความสามารถทางกายภาพและทักษะการใช้ดาบแล้ว แต่ตระกูลสตีเฟนสันก็ยังคงยืนกรานให้เขาลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์มากกว่า

ชะตากรรมของเกอรัลไม่ใช่เรื่องแปลก

มีขุนนางรุ่นเยาว์หลายคนในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ที่พบว่าตัวเองต้องเผชิญกับความลังเลใจแบบเดียวกับเกอรัล แต่ส่วนใหญ่เลือกที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของครอบครัว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่อยากให้พรสวรรค์ของตนสูญเปล่า โดยพยายามปกปิดตัวตนของพวกเขาและลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า

ในกรณีของเกอรัล เขาไม่มีเงินมากเท่าไหร่นักเพราะหนีออกมาจากบ้าน เมื่อเขามาอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล เขาก็ตระหนักว่าตนเองไม่เหลืออะไรมากนักหลังจากชำระค่าเล่าเรียนไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเลือกที่พักสำหรับสองคนที่มีค่าเช่าถูกกว่า

“นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้บุตรชายจากตระกูลมาร์ควิสอย่างนายต้องมาพักในที่พักสำหรับสองคนงั้นเหรอ ฮ่าฮ่า นายตกอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดมากจริง ๆ”

พอลพูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

โรเอลและเกอรัล ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น

พอล นายลืมไปแล้วเหรอว่านายเองก็เป็นองค์ชาย?

โรเอลสลัดความคิดเหล่านั้นและไตร่ตรองอย่างรอบคอบเกี่ยวกับสถานการณ์รอบ ๆ สมาชิกใหม่ล่าสุดของพวกเขา อันที่จริงจากความรู้ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล โรเอลรู้ดีว่าเกอรัลได้เปิดเผยความจริงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เกี่ยวกับเหตุผลเบื้องหลังว่าทำไมเขาถึงมาที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า

เหตุผลที่แท้จริงที่เกอรัลยืนกรานปฏิเสธที่จะเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ เป็นเพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงคู่หมั้นของตัวเอง บุตรีจากตระกูลดยุกที่มีชื่อว่า บริตตานี่

เขาคงจะตกใจมากแน่ ๆ ถ้าได้รู้ว่าบริตตานี่เองก็เป็นหนึ่งในพันธมิตรของพอลในเกม และถ้าโรเอลจำไม่ผิด อีกไม่นานเธอก็น่าจะมาถึงที่นี่แล้ว

ในเกม บริตตานี่ ได้สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อมาถึงสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่ในที่สุดเธอก็ยอมเข้ามาในฐานะนักเรียน และเข้าร่วมชมรมสารพัดจ้าง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือโรเอลกำลังจะได้พันธมิตรที่ทรงพลังมาถึงสองคนในคราวเดียว และทั้งคู่ก็เป็นลูกหลานของขุนนางชั้นสูงในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์

หลังจากยืนยันว่าฝ่ายกุหลาบน้ำเงินจะจัดหาที่พักฟรีในคฤหาสน์สีกรมท่าและเงินช่วยเหลือรายวันให้กับสมาชิก เกอรัลก็ยอมเขียนใบสมัครอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมในทันทีและส่งไปให้ ซึ่งโรเอลก็อนุมัติใบสมัครของเขาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามเมื่อรู้ว่า เกอรัล ไม่ใช่คนที่จะก้มหัวให้คนอื่นได้ง่าย ๆ โรเอลจึงตัดสินใจท้าดวลกับเขา

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในพันธมิตรของพอลในเกม เกอรัลมีทักษะที่โดดเด่นกว่านักเรียนคนอื่น ๆ พลังเวทของเขาไม่มั่นคงเป็นพิเศษและมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งอาจดูเหมือนปัญหาใหญ่สำหรับจอมเวท อย่างไรก็ตามธรรมชาติของพลังเวทดังกล่าวมีประโยชน์อย่างมากสำหรับคาถาเวทประเภทการเปลี่ยนแปลง

น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือโรเอล

กระสุนพลังเวทที่เกอรัลยิงใส่โรเอลระเบิดเป็นไฟนรกโชติช่วงกลางวิถีของมัน เกอรัลคิดว่าตนสามารถคว้าชัยชนะได้แล้ว ด้วยที่สามารถโจมตีโรเอลอได้โดยที่เขาไม่น่าจะได้ทันตั้งตัว จนกระทั่งโครงกระดูกยักษ์ขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขากลางสนามฝึก

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นประสบการณ์อันเจ็บปวดสำหรับเกอรัลอย่างไม่ต้องสงสัย มันทำให้เขาต้องยอมรับโรเอลจากก้นบึ้งของหัวใจ ซึ่งโรเอลก็เลือกที่จะมอบหมายให้เขาและพอลเป็นหัวหน้ากลุ่มของฝ่ายบลูโรส

นี่เป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นสำหรับโรเอล แต่ความตื่นเต้นนี้ได้สงบลงแล้วในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เพราะตอนนี้พวกเขานั้นเริ่มคุ้นเคยกันแล้ว

ในที่สุดโรเอลก็ลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำ และเปลี่ยนเป็นชุดทางการสำหรับสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่น จากนั้นเขาก็คว้าไม้เท้าอสรพิษเก้าหัวเดินออกจากห้องนอนไปที่ห้องอาหารที่ออกแบบอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย

เมื่อโรเอลมาถึง อาหารเช้าก็ถูกจัดวางบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย โดยมีใครบางคนนั่งอยู่บนโต๊ะรออยู่ก่อนแล้ว พอลรองหัวหน้าของฝ่ายกุหลาบน้ำเงินนั่นเอง

“อรุณสวัสดิ์ ลูกพี่โรเอล”

“อรุณสวัสดิ์ ”

โรเอลทักทายพอลก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะและเริ่มรับประทานอาหาร โดยระหว่างรับประทานอาหารพวกเขาก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับงานล่าสุดของชมรมสารพัดจ้าง ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของพอลและเกอรัล

แม้ว่ามันจะเป็นแผนกที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยไม่มีขอบเขตหน้าที่ที่ชัดเจน แต่ชมรมสารพัดจ้างก็ได้รับคำขอมาค่อนข้างมากในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่การก่อตั้ง โดยคำขอส่วนใหญ่มีเพียงการค้นหาสัตว์เลี้ยงที่หายไปและเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

ทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดการณ์ของโรเอล

ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้จากในเกม โรเอลคงคิดว่าการมีอยู่ของชมรมสารพัดจ้าง นั้นไม่ได้มีความสำคัญเท่าไหร่ไปแล้ว

ก่อนที่ทั้งสองจะรับประทานอาหารเช้าเสร็จ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ประตูโดยไม่คาดคิด จากนั้นเด็กหนุ่มผมสีเทาหม่นก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร

“เกอรัล? มีอะไรงั้นเหรอ?”

“อรุณสวัสดิ์ หัวหน้า ชมรมสารพัดจ้างได้รับคำขอใหม่ แต่เนื้อหาของมันค่อนข้างจะแปลก ๆ ดังนั้นผมจึงนำมันมาให้คุณดู”

“คำขอใหม่?”

เกอรัลเดินเข้าไปและยื่นซองสีแดงเลือดให้กับโรเอล ดวงตาของพอลหรี่ลงบนรูปลักษณ์ที่เป็นลางไม่ดีของซองจดหมาย เขารู้สึกถึงกลิ่นอายที่ไม่ดีจากซองจดหมายซองนี้ ในขณะเดียวกันดวงตาของโรเอลเองก็หรี่ลงด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ต้องมา ยังไงก็ต้องมาสินะ