บทที่ 282: เพื่อนมากมาย
หนึ่งชั่วโมงต่อมาที่พิพิธภัณฑ์ผีเสื้อเริงระบำ
ที่นี่มีผีเสื้อมากมายอยู่ท่ามกลางดอกไม้อันบานสะพรั่ง ในขณะที่ดอกกุหลาบสีแดงที่โดดเด่นแสดงความงามของพวกมัน
โรเอลเดินตรงไปท่ามกลางทิวทัศน์อันน่าพิศวงนี้พร้อมกับไม้เท้าในมือ พูดตามตรงเขาประทับใจกับสุนทรียศาสตร์อันน่าทึ่งของชาร์ล็อตจริง ๆ
พิพิธภัณฑ์ผีเสื้อเริงระบำเป็นสถานอันงดงามที่มีชื่อเสียงในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ซึ่งอยู่ห่างจากย่านใจกลางเมืองโดยใช้เวลาเดินเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น มันเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักเรียนหญิงมาโดยตลอด แต่ผู้ถือแหวนมักไม่ค่อยคิดที่จะเลือกมันเป็นฐานปฏิบัติการ
ต่างจากคฤหาสน์สีกรมท่าของโรเอล ค่าบำรุงรักษาพิพิธภัณฑ์ผีเสื้อเริงระบำนั้นแพงมาก
ความสมบูรณ์ของผีเสื้อเป็นผลมาจากมาตรฐานการครองชีพที่สูงของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านผีเสื้อขนาดเล็กที่สร้างขึ้นรอบ ๆ หรือเกราะเวทมหัศจรรย์ขนาดใหญ่ที่คอยดูแลสวนตลอดเวลาและควบคุมอุณหภูมิ
ค่าบำรุงรักษาสำหรับโครงสร้างพื้นฐานนั้นสูงมากจนแม้แต่เงินทุนที่ผู้ถือแหวนได้รับจากสถาบันการศึกษาก็ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายไหว ทำให้ผู้ถือแหวนต้องควักเงินจำนวนมากจากกระเป๋าของตัวเองหากคิดที่จะเลือกมัน!
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีทางทำได้
แต่ชาร์ล็อตนั้นเป็นข้อยกเว้น
ทันทีที่เด็กสาวได้ยินว่าพิพิธภัณฑ์ผีเสื้อเริงระบำมีผีเสื้อประกายแสงราตรี เธอตัดสินใจเลือกมันเป็นฐานปฏิบัติการในทันที แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า จริง ๆ แล้วมันไม่อยู่ในรายชื่ออาคารที่เหล่าผู้ถือแหวนสามารถเลือกได้ แต่ก็ไม่มีใครหยุดชาร์ล็อตจากการทำตามใจของเธอได้เช่นกัน
สถานศึกษาจะขัดใจผู้บริจาคหมายเลขหนึ่งของพวกเขาได้อย่างไร?
ในที่สุดชาร์ล็อตก็ได้รับสิทธิ์เหนือพิพิธภัณฑ์ผีเสื้อเริงระบำ ตอนนี้เธอต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการปรับปรุงมันใหม่ ทำให้ยังไม่มีสมาชิกของฝ่ายกุหลาบแดงคนใดย้ายเข้ามา ดังนั้นสภาพแวดล้อมที่นี่จึงค่อนข้างสงบ
โรเอลสูดกลิ่นหอมของดอกไม้และเชยชมผีเสื้อที่เกาะอยู่บนไหล่ ข้างหลังเขา เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงกำลังตรวจดูซองจดหมายสีเลือดอย่างระมัดระวัง
“ที่รัก ซองจดหมายนี้เป็นเบาะแสเพียงอย่างเดียวงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว นี่เป็นเบาะแสเพียงอย่างเดียวที่ฉันมี พอจะทำอะไรได้ไหม?”
โรเอลถาม
ชาร์ล็อตครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย
“อืม เธอไม่ได้ใช้ชื่อของเธอหรือทิ้งข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ไว้ข้างหลัง แต่เธอได้ร่ายคาถาเวทลงบนซองจดหมาย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของคาถาเวททำนายดวงของข้า อย่างไรก็ตามเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่ายิ่งข้อจำกัดสำหรับคาถามีน้อยลงเท่าไร ผลลัพธ์ก็จะยิ่งคลุมเครือมากขึ้นเท่านั้น”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่ต้องการขอบเขตคร่าว ๆ สำหรับการตามหาตัวผู้ส่งน่ะ”
โรเอลตอบ
เด็กหนุ่มหยิบแผนที่ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าออกมาแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ชาร์ล็อตพยักหน้าให้เขาก่อนจะหยิบเหรียญทองเก่า ๆ จากจักรวรรดิออสทีนออกมาแล้วเดินไปที่โต๊ะ
“การใช้เหรียญทองที่ผลิตขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อนในจักรวรรดิออสทีน น่าจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำนายได้เล็กน้อย ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับร่องรอยพลังเวทที่เธอทิ้งไว้บนซองจดหมายแล้วล่ะ”
ชาร์ล็อตอธิบาย
ในไม่ช้าการไหลเวียนของพลังเวทอันรุนแรงก็เริ่มปะทุมาจากชาร์ล็อต พลังทางสายเลือดที่เธอได้รับสืบทอดมาจากเชื้อสายที่สืบย้อนไปถึงยุคโบราณได้ไหลผ่านร่างกายของเธอ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก่อตัวขึ้นข้างหลังของเด็กสาวพร้อมกับร่างจำแลงสีทองของเทพเจ้าโบราณที่ถือไม้เท้าไว้ในมือข้างหนึ่งและอีกมือหนึ่งมีตราชั่ง
อนุญาโตตุลาการแห่งโชคชะตา
กริ๊ง
แสงมารวมกันอยู่ในมือของชาร์ล็อต จากนั้นเธอก็โยนเหรียญทองคำขึ้นไปในอากาศ หมุนโค้งตกลงมาบนแผนที่ มันยังคงส่ายไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะล้มลง โดยสถานที่ที่เหรียญลงจอดนั้นคือผลลัพธ์ของการทำนาย
“สถานที่นั้นมัน…”
ชาร์ล็อตถอนพลังเวทของเธอออก สลายร่างจำแลงสีทองลง เธอเดินไปที่แผนที่และมองเข้าไปใกล้ ๆ เหรียญนั้นวางอยู่บนหอพักที่ตั้งอยู่ในเขตส่วนกลาง
“นี่คือเขตอยู่อาศัยที่สามที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีหอพักเดี่ยวอยู่ ความที่มันใกล้กับถนนการค้าทำให้ราคาแพงกว่าเขตที่อยู่อาศัยที่หนึ่งเล็กน้อย ดังนั้นมันจึงเป็นห้องพักสำหรับของขุนนางร่ำรวย โดยเฉพาะพวกผู้หญิง”
โรเอลกล่าวขณะที่เขานึกถึงข้อมูลที่ได้จากพิมพ์เขียวของสถาบัน
เด็กหนุ่มเดินไปที่โต๊ะแล้วค่อย ๆ ยกเหรียญขึ้น เผยให้เห็นหอพักทางตะวันตกเฉียงใต้ในเขตอยู่อาศัยที่สาม ทำให้หัวใจของเขาสงบลงในที่สุด
“ที่รัก นี่มันจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม? ถ้าเป็นหอพักละก็น่าจะมีคนอยู่ที่นั่นเยอะไม่ใช่เหรอ…”
“ไม่ต้องเป็นห่วง แค่นี้ก็พอแล้ว”
เขตอยู่อาศัยที่สามสร้างขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรองรับนักเรียนที่มีฐานะร่ำรวย ดังนั้นในแต่ละตึกจึงมีเพียงห้าชั้นและผู้อยู่อาศัยเพียงสองคนในแต่ละชั้นเท่านั้น โดยรวมแล้วจึงมีนักเรียนประมาณร้อยคนในหอพักทางตะวันตกเฉียงใต้
ในบรรดานักเรียนหลายร้อยคนเหล่านี้ คงไม่มีนักเรียนหญิงจากจักรวรรดิออสทีน ที่บังเอิญมีความชำนาญในคาถาประเภทการเปลี่ยนแปลง และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเชอริลหลายคนแน่
ตราบใดที่โรเอลสามารถยืนยันตัวตนของผู้ส่งซองจดหมายสีเลือดได้ การค้นหาตัวเธอก็ไม่ใช่ปัญหาเลย นอกจากนี้เขายังไม่ต้องลำบากหาตัวอีกฝ่ายด้วยตัวคนเดียวอีกด้วย เพราะได้รับการสนับสนุนจากชมรมสารพัดจ้าง และคนของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน
เราจะต้องจะช่วยผู้ส่งจดหมาย และจับพวกลัทธิชั่วร้ายพวกนั้นให้ได้เลย!
โรเอลเคาะนิ้วของเขาลงบนโต๊ะพร้อมยืนยันความมุ่งมั่นของตน
…
เย็นวันนั้น โรเอลเดินอย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินอย่างโดดเดี่ยว
หลังจากได้รับคำทำนายจากชาร์ล็อตถึงตำแหน่งของผู้ส่งแล้ว โรเอลจึงส่งสมาชิกทั้งหมดของฝ่ายกุหลาบน้ำเงินไปดำเนินการสืบสวนอย่างลับ ๆ เกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ จนถึงตอนนี้สมาชิกได้ทำการตรวจสอบครอบคลุมครึ่งหนึ่งของกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว และน่าจะได้ผลลัพธ์ภายในวันพรุ่งนี้
ในโครงเรื่องของเกม ผู้ส่งได้ตายลง เพียงไม่กี่วันหลังจากส่งจดหมายออกไป ดังนั้นน่าจะมีเวลาเพียงพอสำหรับ ชมรมสารพัดจ้าง ในตามหาตัวเธอ ด้วยเหตุนี้ โรเอลจึงไม่กังวลกับเรื่องนี้มากนัก
โรเอลเลือกที่จะให้พอลรับผิดชอบการสืบสวนนี้ โดยไว้วางใจให้ตัวเอกดั้งเดิมเป็นคนทำมันให้สำเร็จ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทิ้งความรับผิดชอบให้คนอื่น เพื่อที่เขาจะได้พักผ่อน แต่เขาเองก็มีหน้าที่ที่ต้องเริ่มทำเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ทำหน้าที่คัดเลือกนักเรียนจบใหม่ที่อ่อนแอ หรือผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายที่ทดลองกับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นทำไม่สามารถให้อภัยได้ มีคนมากมายที่ต้องตกเป็นเหยื่อของอุบายร้ายกาจนี้ โรเอลจึงรู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ สิ่งที่พวกตนสามารถทำได้เพื่อชดเชยให้คนเหล่านั้นก็คือการแก้แค้นให้กับพวกเขา
เพียงแต่ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องทำ เพื่อสร้างตาข่ายที่แน่นพอเพื่อที่จะขัดขวางเหล่าผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย
ปัญหาแรกก็คือที่ตั้ง มีรายละเอียดน้อยมาก ๆ ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล เกี่ยวกับสถานที่ที่พวกลัทธิชั่วร้ายอาศัยอยู่นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นห้องเก็บไวน์บนภูเขา ซึ่งแทบจะเท่ากับไม่รู้อะไรเลย
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่านั้นกว้างใหญ่มาก พื้นที่นอกเขตส่วนกลางส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภูเขา นอกจากนี้ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าห้องเก็บไวน์นั้นเป็นทรัพย์สินสาธารณะหรือทรัพย์สินส่วนตัว หากเป็นห้องเก็บไวน์ส่วนตัว มันก็จะไม่มีอยู่ในบันทึก
หากเป็นแบบนี้ ไม่แน่ว่า โรเอลอาจจะต้องเคาะอาคารส่วนตัวทุกหลังที่อาศัยอยู่ในภูเขาของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เพื่อขอดูห้องเก็บไวน์ของพวกเขา
และนั่นก็จะทำให้เกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่ง พวกลัทธิชั่วร้ายเองก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน
ถ้าโรเอลเริ่มส่งกองกำลังไปตรวจสอบพื้นที่บนภูเขา พวกเขาคงจะเริ่มใช้มาตรการตอบโต้และเตรียมพร้อมสำหรับการหลบหนีอย่างแน่นอน ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล พวกลัทธิชั่วร้ายสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในทันทีที่พอลและกลุ่มของเขาตามหาเชอริลในป่า ทำให้พวกเขาสามารถหลบหนีล่วงหน้าได้แต่เนิ่น ๆ
เห็นได้ชัดว่าอาชญากรเหล่านั้นไม่ใช่มือสมัครเล่น พวกเขาเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาและจะเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล โรเอลไม่สามารถฝากให้ใครมาสอดส่องอย่างไม่ระมัดระวังได้ เพราะมันอาจจะทำให้พวกลัทธิชั่วร้ายไหวตัวทัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่มองหาเบาะแสด้วยตัวเอง
โดยเบาะแสที่โรเอลมีอยู่ในมือขณะนี้ก็คือ อาจารย์
ขณะที่โรเอลเดินไปพร้อมกับรูปเหมือนของเชอริลในมือ เขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่หนักหน่วงในใจ บางทีเขาอาจจะสามารถหยุดโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเชอริลได้หากเขาจำเหตุการณ์นี้ได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่ความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเกมนั้นได้จางหายไปตามกาลเวลา แม้แต่ ‘เหตุการณ์จดหมายสีเลือด’ นี้ เขาก็จำมันได้แค่ตอนที่เห็นซองจดหมายสีเลือด อีกทั้งเขาต้องก้มหน้านึกอยู่นานกว่าจะระลึกถึงรายละเอียดสำคัญหลาย ๆ อย่างได้ ถึงกระนั้นสิ่งที่จำได้ส่วนใหญ่ก็ยังคงคลุมเครือและไม่แน่นอน
ภายใต้ปฏิบัติการลับของเกอรัล และเหล่านักเรียนที่เขาไว้ใจได้อีกสองสามคน ชมรมสารพัดจ้างได้จัดการหาอาจารย์ที่มีปฏิกิริยากับรูปของเชอริลในช่วงบ่าย ซึ่งหลังจากทราบข่าวโรเอลก็ตัดสินใจเรียกอาจารย์ทุกคนที่ถูกสอบสวนไปที่คฤหาสน์สีกรมท่า
“คฤหาสน์สีกรมท่า ปรารถนาที่จะสร้างสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ฉันขอรบกวนพวกคุณทุกคนให้ช่วยขนส่งหินและดินออกไป เราจะจ่ายเงินให้คุณสองเท่าของเงินเดือนปกติ”
โรเอลกล่าว
เด็กหนุ่มต้องการกักตัวพวกอาจารย์ไว้ที่นี่ เพื่อไม่ให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ชมรมสารพัดจ้าง กำลังตามหาตัวเชอริล แพร่กระจายออกไป หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่หอประชุมนานาชาติแห่งปัญญา เพื่อตามหามาร์กาเร็ต
ในฐานะที่เธอเป็นวิญญาณเทียมที่ทำงานในสถาบันการศึกษามานาน มาร์กาเร็ตน่าจะมีความรู้ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดภายในสถาบันการศึกษา โรเอลระบุเงื่อนไขของสถานที่ที่เขากำลังมองหาอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเขาก็ได้รับคำตอบ
มันเป็นพื้นที่บนภูเขาห่างจากจุดจอดพักรถม้าที่รู้จักกันในชื่อ จุดหยุดพักฟูลเต้ ซึ่งเป็นที่รู้จักเรื่องป่าผลไม้ และมีขุนนางจำนวนมากมาสร้างที่อยู่อาศัยไว้ในพื้นที่นี้ตั้งแต่ร้อยปีที่แล้ว ย้อนกลับไปในสมัยที่เหล่าขุนนางยังคลั่งไคล้ในการดื่มไวน์ของตัวเอง พวกเขาส่วนใหญ่จึงมีห้องเก็บไวน์ใต้ดินด้วย
มีสถานที่ต้องสงสัยทั้งหมดมากกว่าสามสิบที่ แต่หลังจากกรองห้องเก็บไวน์ขนาดเล็กและที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ใกล้ถนนสายหลักจนเกินไป รายการตัวเลือกก็ลดลงเหลือเพียงสามตัวเลือก
ในสามตัวเลือกนั้น ตัวเลือกแรกสามารถกำจัดไปได้เลย เนื่องจากมันเป็นบ้านผีสิงที่มีชื่อเสียงในหมู่นักเรียนจากคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน ในขณะที่สถานศึกษาห้ามไม่ให้นักเรียนเข้าไปในที่พัก แต่ก็ยังมีบางคนที่จะแอบไปที่นั่นในตอนกลางคืนเพื่อความตื่นเต้น
คงจะน่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขามากกว่านี้ ถ้าพวกเขารู้ว่าความสยองขวัญที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเท่าไหร่นัก ในแง่หนึ่งไม่ผิดเลยที่จะบอกว่าพวกเขากำลังอยู่ในสถานที่ที่ใกล้ชิดกับความตายมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยรู้เรื่องนั้นเลยก็ตาม
ในที่สุดโรเอลก็สามารถจำกัดที่ซ่อนที่เป็นไปได้ของลัทธิชั่วร้ายจนเหลือเพียงสองแห่ง คฤหาสน์ของหลุยส์ และ โรงงานน้ำเชื่อมแอปเปิลของวิล
หลังจากสรุปที่ซ่อนของศัตรูได้แล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องหันความสนใจไปที่ปัญหาต่อไป กำลังคนที่เขาจะใช้สำหรับการโจมตี
ก่อนอื่นโรเอลได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใช้กองกำลังภายนอกในแผนการนี้
เลนสเตอร์ได้สะสมความสกปรกโสมมมาเป็นเวลานานจนพวกลัทธิชั่วร้ายสามารถมาตั้งหลักในเมืองได้ พวกเขาเหล่านั้นอาจจะดูอ่อนแอถ่อมตนบนพื้นผิว แต่เครือข่ายข่าวกรองของพวกเขาไม่ใช่อะไรที่สามารถประมาทได้เลย หากโรเอลต้องร่วมมือกับบุคคลภายนอกในการจู่โจม ลัทธิชั่วร้ายจะต้องสามารถจับกระแสข่าวผ่านแหล่งข่าวและหลบหนีไปได้ก่อนแน่ ๆ
ปัญหาเดียวกันนี้มีผลกับทีมกู้ภัยฉุกเฉินของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าด้วยเช่นกัน
ความจริงที่ว่าหนึ่งในผู้กระทำผิดหลักคืออาจารย์ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ย่อมหมายความว่าเขาไม่สามารถเข้าหาองค์กรภายใน เพื่อขอความช่วยเหลือได้
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ ในที่สุดโรเอลก็ตัดสินใจได้
หลังจากเดินไปตามโคมไฟถนน เด็กหนุ่มผมดำก็มาถึงวังอันวิจิตรงดงาม แม้ว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่คนจำนวนมากก็ยังมุ่งหน้าเดินไปมาทางประตูวังที่เปิดอยู่ สถานที่นี้ได้รับการปกป้องโดยสมาชิกของหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี
แน่นอน พวกเขาทั้งหมดต่างตกใจเมื่อได้เห็นโรเอล
“นั่นมันเด็กปีหนึ่งนี่นา…”
“เขามาทำอะไรที่นี่? แถมยังมาคนเดียวด้วย!”
สายตาที่ไม่เป็นมิตรเพ่งมาจากทุกทิศทุกทาง แต่โรเอลก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ผ่านไปครู่หนึ่ง นักเรียนหญิงจากหน่วยรักษาความปลอดภัยก็เดินเข้ามาหาเขา พร้อมถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่เข้มงวด
“ฉันเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย แคโรลีน ขอทราบได้ไหมว่าผู้ถือแหวนกุหลาบน้ำเงินมีธุระอะไรกับพวกเรากันแน่?”
“คุณไม่จำเป็นต้องระแวงผมขนาดนั้นก็ได้ รุ่นพี่แคโรลีน ผมไม่มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูของพวกคุณ”
โรเอลตอบด้วยรอยยิ้มอันเจิดจรัส ให้กับเด็กสาวรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ฉันมาที่นี่เพื่อดื่มชากับรุ่นพี่”