ภาคที่ 3 บทที่ 148.7 การโต้กลับ (7)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 148 การโต้กลับ (7)

ตระกูลเหอ

ตระกูลเหอเป็นหนึ่งในตระกูลระดับล่างในบรรดา 10 ตระกูลสายเลือดชั้นสูง พวกเขาไม่มีผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดาร มีแค่ผู้อาวุโสด่านทะลวงลมปราณคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากด่านสู่พิสดารอยู่เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น อย่างไรก็ตามความยากในการทะลวงเข้าสู่ด่านสู่พิสดารนั้น เรียกได้ว่าอยู่กันคนละระดับกันเลยเมื่อเทียบกับ 3 ระดับก่อนหน้านี้ แม้แต่สมาชิกตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถผ่านไปได้กันทุกคน ดังนั้นผู้อาวุโสคนนี้จึงยังคงเฝ้ารอเวลาและโอกาสที่ดีกว่าตอนนี้

หัวหน้าตระกูลเหอเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบ นอกจากนี้เขายังเป็นคนหัวใสที่หาตัวได้ยากคนหนึ่งในหมู่ตระกูลสายเลือดชั้นสูง เรื่องแผนการทั้ง 3 ที่ถูกนำมาใช้ในการจัดการซูเฉินก็เป็นเขาที่เอ่ยปาก แม้ว่า 2 แผนแรกจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่แผนตัดความสัมพันธ์ระหว่างซูเฉินกับหลู่ชิงกวงถือว่าประสบความสำเร็จดี และสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายได้พอสมควรเลย

ท่ามกลางความขัดแย้งที่สับสนวุ่นวายของเหล่าตระกูลชนชั้นสูง ที่หลายตระกูลยังคงล้อมโจมตีตระกูลเซินและเว่ยอย่างต่อเนื่อง ก็มีตระกูลเหอเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ตระกูลที่ยังคงไม่เคลื่อนไหวอะไร

น่าเสียดายที่การต่อต้านที่จะสู้กันเองของพวกเขา มันเป็นเพียงการเปิดโอกาสให้กลุ่มอื่น ๆ ได้ลงมือมากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่เฝ้าดูเงียบ ๆ มาสักพักเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลเหอก็ไม่อาจนั่งดูนิ่ง ๆ ได้อีก และกระโจนเข้าไปมีส่วนร่วมในแบ่งโชคลาภจาก 2 ตระกูล แม้นเหอหวูเชียนจะโกรธและพยายามที่จะหยุดยั้งมันมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้ผู้คนใช้อำนาจของตัวเอง ทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการโดยไม่บอกเขาได้

นี่คือปัญหาที่ไร้ทางแก้ของเหล่าตระกูลใหญ่ ๆ แม้พวกเขาจะมีผู้ที่มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่หากคนอื่นทำตัวงี่เง่ากันไปหมด คนที่มีเหตุผลก็ไม่อาจจะชนะอยู่เหนือคนไร้เหตุผลเหล่านั้นได้อยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ นอกจากคำสั่งห้ามของเหอหวูเชียนจะไร้ผลแล้ว มันยังได้กระตุ้นความไม่พอใจจากสมาชิกระดับล่างขึ้นมาอีกด้วย จนท้ายที่สุดเขาจึงทำได้เพียงยอมแพ้ไป

สุดท้ายแล้ว ธุรกิจของตระกูลเซินและเว่ยก็ถูกช่วงชิงไปเกือบ 300 แห่ง และก็เป็นตระกูลเหอเข้ามาร่วมการแย่งชิงนี้ช้าที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับประโยชน์อะไรไปมากนัก ทำให้คนในตระกูลที่เหลือพากันบ่นระงม

แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็จะเลิกบ่นเอง

ตกดึก

สายฝนเทตัวลงมาจากฝากฟ้า

เม็ดฝนที่กระหน่ำตกลงมาจากท้องฟ้า ดูราวกับแม่น้ำที่ไหลตกลงจากสวรรค์ พายุลมกรรโชกได้พัดมาปกคลุมเมืองธารน้ำใสเอาไว้

ไม่มีใครเต็มใจที่จะออกไปข้างนอกในวันที่มีพายุหนักเช่นนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด

ตรอกลูกข่าง

กลุ่มคนสวมเสื้อคลุมสีดำและแดงถือดาบเหล็กยืนอยู่ภายใต้ม่านน้ำฝน ฝนที่เทกระหน่ำไม่หยุดลงมาทำให้พวกเขาเปียกโชกไปหมด แต่พวกเขาก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ขณะจับจ้องไปที่ประตูหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่สุดตรอกด้วยสายตาเย็นชา

คฤหาสน์ตระกูลเหอ !

เจียงซีสุ่ยยืนอยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มคน สายฝนที่โปรยปรายลงมาบนร่างกายของเขาไม่หยุด ทว่ากลับไม่ทิ้งรอยเปียกเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่ง “ฝนช่างตกหนักดีจริง ๆ ดูเหมือนว่าแม้แต่สวรรค์ก็อยากจะทำลายพวกมันเช่นกัน”

หวังเหวินซิ่นที่อยู่ด้านหลัง หัวเราะและพูดว่า “คุณชายเจียงกล่าวได้ถูกต้องที่สุด สวรรค์ต้องการที่จะทำลายล้างตระกูลเหอ และเรา … ก็เพียงแค่เคลื่อนไหวตามเจตจำนงของสวรรค์เท่านั้น”

ที่ด้านข้างของหัวหน้าหวัง มีชายร่างใหญ่ไว้เคราอีกคนยืนอยู่ นามของเขาคือกั่วหลง เป็นหัวหน้ากลุ่มพยัคฆ์ร้ายคนปัจจุบัน

“เจตจำนงของสวรรค์… ” เจียงซีสุ่ยรำพึงถึงคำพูดเหล่านั้น ก่อนจะหัวเราะขึ้น “ถูกต้องแล้ว ความประสงค์ของจักรพรรดิคือเจตจำนงของสวรรค์ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็ควรจะปฏิบัติตามความประสงค์นั้น”

“โอ้ !” ทุกคนตะโกนตอบรับขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน ภายใต้คำสั่งของหวังเหวินซิ่น กลุ่มคนเสื้อคลุมดำและแดงมุ่งเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลเหอในทันที

เนื่องจากฝนที่ตกหนัก ประตูหน้าของคฤหาสน์ตระกูลเหอจึงปราศจากคนเฝ้าระวัง ผลคือกลุ่มอันธพาลฉางชิงและกลุ่มพยัคฆ์ร้ายบุกเข้าตัวคฤหาสน์ไปได้อย่างง่ายดาย

ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา หลังจากที่ลอบเข้ามาได้สำเร็จแล้ว

ชายคนหนึ่งส่งตะโกนเอะใจขึ้น “นั่นใคร ?”

คำตอบกลับที่เขาได้รับคือคลื่นพลังต้นกำเนิดที่รุนแรง พัดกลืนกินตัวเขาไปจนหมด

กลุ่มผู้บุกรุกเคลื่อนผ่านไป เหลือทิ้งไว้เพียงศพอีกฝ่ายที่นอนจมกองเลือด

แต่เสียงตะโกนของเขา ก็ได้เตือนให้คนอื่น ๆ ตื่นตัวเรียบร้อยแล้ว

“ศัตรู ! ศัตรูบุกเข้ามาแล้ว !” เสียงกรีดร้องโวยวายดังก้องขึ้น

ฝนที่สาดเทลงจากมาฟ้ากลบเสียงตะโกนทั้งหลาย จนไม่สามารถส่งไปได้ไกลเท่าที่ควร ถึงกระนั้นผู้คุมกันหลายคนของตระกูลก็ถูกมันปลุกให้ตื่นขึ้น และเรียกพวกเขาให้รีบออกมาจากที่พัก เพื่อเผชิญหน้ากับคมดาบในสายฝน

ฟุ่บ !

เงาของกลุ่มคนวูบวาบไปตามกำแพง กระโดดข้ามจากหลังคาหลังนึ่งสู่อีกหลังคาหนึ่ง ทุกครั้งที่มีคนออกมาจากที่พักของพวกเขา หนึ่งในสมาชิกกลุ่มก็จะพุ่งไปหยุดยั้งอีกฝ่าย โดยการจับกุมเอาไว้หรือไม่ก็ฆ่าทิ้ง

“อย่าได้ฆ่าผู้หญิง เด็ก หรือคนแก่” หวังเหวินซิ่นเอื้อมมือไปหยุดคนของกลุ่มพยัคฆ์ร้าย ที่กำลังถูกครอบงำด้วยความกระหายเลือดผู้กำลังจะตัดหัวของหญิงนางหนึ่ง

คนจากกลุ่มพยัคฆ์ร้ายคนนั้น ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะพลิกเอาด้ามเคาะหลังคอให้หญิงนางนั้นหมดสติไปแทน

ในขณะที่กลุ่มของพวกเขากำลังแบ่งส่วนกันไปยังบ้านต่าง ๆ นั้นเอง

จู่ ๆ หวังเหวินซิ่นก็รู้สึกไม่ดีอย่างยิ่ง ราวกับว่าภัยคุกคามร้ายแรงกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา เขาหันไปรอบ ๆ และตะโกนขึ้นว่า “ระวัง !”

เสียงระเบิดลูกใหญ่ดังขึ้นในทันทีที่หัวหน้าหวังพูดจบประโยค กำแพงลานบ้านแตกกระจาย ส่งคนของกลุ่มอันธพาลกระเด็นลอยออกไปนับ 10 ในคราวเดียว

คนผู้หนึ่งก้าวออกมาหยุดยืนอยู่กลางลมและฝน “ใครกัน ที่กล้ามารุกรานตระกูลเหอของข้า ?”

คนผู้นี้มีนามว่าเหอหวูจิ่ว เป็นพี่ชายของเหอหวูเชียน และเป็นผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเหอ

เมื่อหวังเหวินซิ่นเห็นตัวอีกฝ่ายตาของเขาก็ทอประกาย เขากระโจนไปข้างหน้าพร้อมกับใช้ดาบในมือ ส่งการโจมตีตัดผ่านสายฝนออกไป

เหอหวูจิ่วโบกแขนเสื้อของเขา กรงเล็บสีฟ้าสว่างจ้าราวสายฟ้าปรากฏขึ้นกลางอากาศ วาดผ่านคมดาบพุ่งตรงเข้าหาหวังเหวินซิ่น หัวหน้าหวังส่งพลังของตนไปที่ดาบเพื่อต้านการโจมตีนั้น ทว่าเขาก็ไม่สามารถทนต่อกรงเล็บสีฟ้าสว่างนี้ได้และถูกดีดกระเด็นไป จนต้องพ่นเลือดออกมาหนึ่งคำขณะที่ถูกส่งลอยออกไปในอากาศ

การปะทะกันช่วงสั้น ๆ นี้ หวังเหวินซิ่นไม่อาจรับมือเหอหวูจิ่วได้เลยแม้แต่น้อย

เหอหวูจิ่วร้องเหอะอย่างดูแคลน “แค่พวกเลือดผสม แต่กล้าที่จะต่อต้านตระกูลที่มีสายเลือดบริสุทธิ์อย่างพวกข้างั้นรึ ? รนหาที่ตาย”

ในจังหวะเดียวกัน แขนของเหอหวูจิ่วก็ยืดออกราวกับงูคว้าจับคอของหัวหน้าหวังอย่างกะทันหัน พรรคพวก 7-8 คนรอบตัวเขาพยายามที่จะเข้ามาช่วย แต่ก็ไม่มีใครหยุดยั้งอีกฝ่ายได้ ขณะที่คอของหวังเหวินซิ่นกำลังจะถูกบดขยี้ ทันใดนั้นหยาดฝนที่กำลังตกลงสู่เบื้องล่างก็หยุดนิ่ง

ราวกับเวลาได้ถูกหยุดไว้ เม็ดฝนเริ่มมุ่งหน้ามารวมตัวกันก่อตัวเป็นกำแพงน้ำขนาดใหญ่ เหอหวูจิ่วจมเข้าไปในกำแพงน้ำ ซึ่งมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้เพียงความรู้สึกเบาราวกับขนนก และหยุดการโจมตีของเขาเอาไว้กลางทางเท่านั้น

หัวใจของเหอหวูจิ่วสั่นสะท้าน หลังรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี เขาที่เป็นคนเด็ดขาด ก็ตัดสินใจปล่อยมือและถอยกลับทันที พริบตาต่อมาเม็ดฝนในอากาศก็พุ่งเข้าหาเหอหวูจิ่วราวกับฝนลูกศรน้ำจากฟ้า !!

“ฮ่า !” เหอหวูจิ่วคำรามเสียงดัง พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมาจากร่างกาย ส่งกรงเล็บสีฟ้าสว่างปรากฏขึ้นกลางอากาศขวางกั้นเม็ดฝนเอาไว้ ทว่าฝนที่ยังคงตกอย่างต่อเนื่องก็หาได้ชะลอ ด้วยมันพุ่งเข้าจู่โจมผู้อาวุโสเหอระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ใต้ผาน้ำตกขนาดใหญ่

ไม่ ! ฝนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าน้ำตกเสียอีก !!!

เขาสามารถยืนอยู่ใต้น้ำตกได้นาน 3 วัน 3 คืนโดยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับหยดฝนเหล่านี้ เขากลับไม่อาจรับมือพวกมันแบบส่ง ๆ ได้

พลังอันยิ่งใหญ่กดดันจนเหอหวูจิ่วแทบจะล้มลง แต่เขารู้ว่าทันทีที่ล้มลงเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

“นั่นใคร ?” เขาตะโกน “แสดงตัวออกมาซะ !”

เจียงซีสุ่ยก้าวออกมาอย่างช้า ๆ

ด้านหลังเขามีภาพลวงตาของลั่วโหยวลอยอยู่ในอากาศ ปกคลุมทั่วท้องฟ้าราวกับฝนกำลังตกลงมาเพราะมัน อันที่จริง เมื่อความสามารถของสายเลือดลั่วโหยวถูกเปิดใช้งานในระดับสูงสุด มันสามารถย้ายเมฆย้ายฝนหรือสร้างพายุขึ้นได้ไม่ยาก แต่อย่างน้อยที่สุดเจียงซีสุ่ยจะต้องอยู่ด่านทะลวงลมปราณหรือปลุกสายเลือดระดับ 3 เสียก่อน

ถึงกระนั้นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนี้ ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมสภาพอากาศที่แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงแล้ว ซึ่งการปรากฏตัวของลั่วโหยว มันก็ทำให้ฝนเริ่มรวมตัวกัน ก่อนกลายเป็นมังกรน้ำขนาดใหญ่ …ที่แผดเสียงร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่ง !!!

เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า เหอหวูจิ่วก็ตกใจมาก “ลั่วโหยว … ตระกูลเจียง !?”

เจียงซีสุ่ยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ข้าเจียงซีสุ่ยยังไม่เคยได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่จุดสูงสุดของด่านทะลวงลมปราณมาก่อน และข้าก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารได้ ระดับของท่านในยามนี้นับว่าควรค่าให้ข้าได้ลองมือ”

ชายหนุ่มหันมาพูดกับหวังเหวินซิ่น “พวกเจ้าไปจัดการคนอื่น ชายผู้นี้ปล่อยให้ข้าเอง”

หัวหน้าหวังพยักหน้าก่อนจะหันหลังและจากไป

ขณะที่เหอหวูจิ่วเฝ้ามองผู้คนที่กำลังวิ่งกันวุ่นวายอยู่ท่ามกลางสายฝนนี้ หัวใจของเขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

ตระกูลเหอจบสิ้นแล้ว

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่า หลังจากเก็บตัวเงียบไปสักพัก เดี๋ยวตระกูลเหอก็กลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้งเองอยู่เลย

ว่าแล้วเขาก็จ้องมองไปที่เจียงซีสุ่ยจากนั้นก็ส่งเสียงคำราม ทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาส่องแสงเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน !!!