แท้ที่จริงแล้ว นี่มิใช่การซื้อยาฟื้นฟู ทว่าซื้อชีวิตตนเองเอาไว้ต่างหาก

ไม่จำเป็นต้องรอให้มู่เฉียนซีกล่าวอะไรมากมาย พวกเขารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร พวกเขานำเอาสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดออกมาแต่โดยดี

สมุนไพรวิญญาณของสำนักตานจี้มีจำนวนมากกว่าสำนักอื่น ๆ หลายเท่า ด้วยเพราะพวกเขาเป็นสำนักนิกายปรุงยา ส่วนสมุนไพรวิญญาณของสำนักซวนเหลยกับของราชวงศ์ซวนหยวน มีน้อยมากจนน่าสมเพชเวทนา

“พวกเรามีสมุนไพรวิญญาณเพียงเท่านี้ จะพอใจหรือไม่พอใจ เราก็มีเพียงเท่านี้”

มู่เฉียนซี “สมุนไพรวิญญาณน้อยนิดเช่นนี้มันเพียงพอที่ไหนกันเล่า ?! เอาของมีค่าที่ติดตัวพวกเจ้าออกมาด้วย”

พวกเขาได้ยินคำเรียกร้องจากนาง ต่างกัดฟันด้วยความโกรธสุมแน่นในใจ มันจะมากเกินไปแล้ว ทำเช่นนี้มันเกินไปจริง ๆ!

มู่เฉียนซีกล่าวถามอย่างยั่วยุ “เป็นอะไรไป ? ตกลงพวกเจ้าจะไม่ซื้อแล้วเช่นนั้นรึ ?”

“ซื้อ! พวกเราซื้อ!”

สุดท้ายพวกเขาก็ไม่กล้าเก็บไว้กับตัว ยอมนำเอาของมีค่าที่มีอยู่ออกมาทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มู่เฉียนซีเกิดความไม่พอใจ  มิเช่นนั้นแล้วนางต้องสังหารหมู่อย่างแน่นอน

เป็นดั่งคำสุภาษิตกล่าวเอาไว้จริงแท้ เสือเมื่อถึงคราวอับโชคย่อมถูกสุนัขรังแกได้ หากมิใช่พวกเขาโดนหม้อเทพนั่นเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บแล้วละก็… พวกเขาคงไม่ถูกมู่เฉียนซีบีบบังคับให้จนตรอก

มู่เฉียนซีเก็บของมีค่าทั้งหมดไว้พลางกล่าว “เฮ้อ ออกมาตั้งนานแล้ว ป่านนี้ท่านอาข้าคงจะเป็นห่วงแย่ เช่นนั้นข้ากลับก่อน ส่วนพวกเจ้าค่อย ๆ รักษาบาดแผลอยู่ที่นี่กันไปเถอะ”

“อ้อ ส่วนพวกเจ้าทั้งสามก็อย่าลืมของที่พนันไว้ล่ะ เอาไปส่งให้ถึงจวนตระกูลมู่ด้วย”

ขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะกลับ ทันใดนั้นตานคุนตะโกนเสียงดัง “มู่เฉียนซี เจ้าเอาของของพวกข้าไปแต่เจ้ายังไม่ได้ให้ยาลูกกลอนกับพวกข้า”

มู่เฉียนซีหันมา นางกล่าวอย่างเมินเฉย “สิ่งของที่พวกเจ้าให้มายังไม่มีค่าพอที่จะได้ยาของข้าไป เหตุใดข้าต้องให้ยาเจ้าด้วย ? พวกเจ้าค่อย ๆ ฟื้นฟูอยู่ ณ ที่นี้กันเองเถอะ”

“พรวด!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าสำนักทั้งสองโกรธจนกระอักเลือดกบปาก

เวลานี้ผู้อาวุโสแห่งราชวงศ์ชิงได้รับความเมตตาเล็กน้อยจากมู่เฉียนซี ที่แท้แล้ว นางโหดร้ายกับคนแคว้นเดียวกันเช่นนี้นี่เอง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนแคว้นเดียวกันกับนาง มันช่างน่าปวดใจนัก!

การเดินทางไปหน้าผาในครั้งนี้ของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยรางวัลมากมาย อีกทั้งยังได้ท่านผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิกลับมาด้วยอีกถึงเก้าคน

มู่อวู่ซวงมองนางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ซีเอ๋อร์กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว”

“ท่านอาเล็ก ข้าบอกท่านแล้วว่าไม่เป็นไร ท่านอาวางใจเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม

การที่นำยอดฝีมือระดับจักรพรรดิทั้งเก้ากลับมาด้วยเช่นนี้ มู่เฉียนซีรู้สึกเป็นกังวล  ท่านผู้อาวุโสสำนักเฟินเทียนไม่น่ากังวลเท่าไหร่นัก หากแต่อีกสองกองกำลังนั่น ดูเหมือนพวกเขาจะไม่พอใจอย่างมาก นางฉีดยาสองเข็มเพื่อให้พวกเขายอมเชื่อฟังนางแต่โดยดี

พวกเขากล่าวขึ้น สีหน้าและน้ำเสียงแสดงความโกรธเกรี้ยวไม่ปกปิด “ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าจะทำอะไรกับพวกเรา ?!”

มู่เฉียนซี “ข้าเพียงฉีดยาให้พวกเจ้าสองเข็ม หนึ่งปีต่อจากนี้หากพวกเจ้าทำงานให้กับตระกูลมู่อย่างเชื่อฟัง พวกเจ้าก็จะไม่เป็นอะไร แต่หากพวกเจ้าทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตระกูลมู่ ชะตากรรมของพวกเจ้าจะต้องอนาถกว่าพวกเหยียนหลัวเหมิงเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”

“อ๊ากกกก!”

ทันใดนั้นพวกเขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดฝืนทน

มู่เฉียนซีกล่าว “มู่อี เจ้าไปสอนกฎของจวนตระกูลมู่ให้พวกเขารู้ซะ!”

ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งสำนักเฟินเทียน พวกเขาค่อนข้างที่จะโชคดีเพราะเจ้าสำนักของพวกเขายังพอมีความเกรงใจต่อตระกูลมู่อยู่บ้าง มู่เฉียนซีจึงไม่โหดร้ายกับพวกเขานัก

หนึ่งในผู้อาวุโสทั้งสามกล่าวถาม “ท่านผู้นำตระกูลมู่ แล้วพวกเราล่ะ ?”

มู่เฉียนซีเผยรอยยิ้ม กล่าวขึ้น “ท่านทั้งสามรู้ดีว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร ดังนั้นข้าจะไม่ปฏิบัติต่อพวกท่านอย่างเลวร้ายแน่นอน”

หนึ่งในผู้อาวุโสทั้งสาม “นั่นเป็นเรื่องที่พวกข้าควรทำอยู่แล้ว พวกข้าจะทำตามคำมั่นสัญญาที่ตกลงกันไว้อย่างแน่นอน ท่านผู้นำตระกูลมู่วางใจได้เลย”

เวลานี้ตระกูลมู่มียอดฝีมือระดับจักรพรรดิระดับเก้าอยู่ในมือ ต่อให้เป็นสำนักนิกายใหญ่ที่สุดแห่งแคว้นชิงอย่างสำนักซวนเหลยก็มิอาจเทียบกับตระกูลมู่ได้  ด้วยเหตุนี้ ตระกูลมู่จึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแห่งแคว้นจื่อเยี่ย ไม่มีใครกล้าลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นแน่

เรื่องการค้าก็มีคนคอยดูแลแล้ว ในจวนตระกูลมู่ก็มีคนคอยปกป้องดูแลความปลอดภัย แน่นอนว่านี่เป็นโอกาสดีที่มู่เฉียนซีจะทุ่มเทกับการฝึกฝนความสามารถในการปรุงยา

หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ที่ได้มาเมื่อไม่นานนี้ นางยังไม่ได้ใช้มันจริง ๆ จัง ๆ เลย  มู่เฉียนซีนำเอาหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมาเริ่มทำการปรุงยา จากนั้นไม่นาน นางก็เริ่มคุ้นมือ

หม้อยาที่ท่านอาวุโสฮั่วหลอมขึ้นมานั้นเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง มิอาจนำมาเทียบกับหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ได้  นางได้รับสูตรยาจำนวนมากจากหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ เมื่อปรุงได้ที่ นางก็ได้ลองชิมยาระดับต่ำเหล่านั้นทั้งหมดด้วยตัวเอง

ระดับพลังของนางและสมุนไพรวิญญาณของนางในตอนนี้ สามารถปรุงได้เพียงยาวิญญาณระดับต่ำเท่านั้น มู่เฉียนซีใช้เวลาครึ่งเดือนสำหรับการปรุงยา และหลังจากที่นางได้ปรุงยาทุกตัวเสร็จ นางนำเอายาทั้งหมดนั้นมาปรุงรวมกันในหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ จวบจนในที่สุด นางก็ได้ยาพิษตัวใหม่

การปรุงสำเร็จอีกครั้ง ฝีมือการปรุงยาของนางนั้นก้าวกระโดดขึ้นเป็นอย่างมาก ช่างน่ายินดีโดยแท้

ขณะที่นางกำลังปรุงยาอยู่ ทันใดนั้นหม้อเทพปรากฏลำแสงเป็นประกายสีเขียวขึ้น พลันเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “ผนึกแรกถูกปลดแล้ว นายท่านสามารถเอาของในผนึกนั้นออกมาได้…”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว กล่าวเบา ๆ “มีรางวัลให้ข้าด้วยรึ ?”

เมื่อนางมองดูก็ได้เห็นยาลูกกลอนนับร้อยเม็ดอยู่ภายในเตาหลอมนี้ นั่นมันเป็นยาวิญญาณระดับเก้า…ยาฟ้าดินซวนหวง

สรรพคุณของยานี้คือสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ ทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งได้โดยที่ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใดด้วย  ยาวิญญาณอันล้ำค่าหลากหลายชนิดทั่วทั้งเซี่ยโจว เกรงว่าจะไม่วิเศษเทียบกับยานี้ รางวัลนี้เป็นยาวิญญาณที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

“ยาฟ้าดินซวนหวง นอกจากนายท่านแล้วคนอื่นก็สามารถใช้ได้เช่นกัน หากอยู่ในระดับจักรพรรดิ การฝึกฝนจะเร็วขึ้นกว่าเดิม” หม้อเทพปาฮวางชิงมู่กล่าว

มู่เฉียนซีรู้ดีว่าหม้อเทพปาฮวางชิงมู่หมายความว่าอย่างไร ในฐานะที่นางเป็นนายท่านของมัน ยาวิญญาณการเพิ่มพลังนี้จำเป็นต้องเป็นของตัวนางเอง ทว่าพลังความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้นั้นอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ต่อให้สรรพคุณของยาฟ้าดินซวนหวงวิเศษมากเพียงใด หากนางข้ามขั้นไป เกรงว่าจะไม่ส่งผลดีต่อตนเอง

มู่เฉียนซี “ยาฟ้าดินซวนหวงนี้ ข้าจะจัดสรรอย่างดี”

หลังจากที่นางได้เก็บยาวิญญาณที่ปรุงออกมาเสร็จสิ้นแล้ว นางก็เดินออกจากห้องปรุงยา

“พี่ใหญ่ ที่หอหมอปีศาจ…”

“ท่านผู้นำตระกูล ตอนนี้ในจวนเรา…”

มู่เฉียนซีขลุกตัวอยู่ในห้องปรุงยาเป็นเวลานานพอควร ทันทีที่ออกมา ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเจอกับปัญหาที่เกิดขึ้น ปัญหาที่รอนางมาแก้ไข

มุมปากมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย “เรื่องเหล่านี้พวกเจ้าจัดการกันเองไม่ได้หรือไร ?”

“พี่ใหญ่ เรื่องที่จัดการได้ ข้าก็ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนต้องได้รับการตรวจสอบจากพี่ใหญ่เสียก่อนขอรับ”

“ใช่แล้วท่านผู้นำ! ถึงอย่างไรเรื่องเหล่านี้ก็ต้องให้ท่านผู้นำตรวจสอบก่อน ถึงแม้ว่านายท่านสามจะจัดการแทนได้ แต่ท่านผู้นำก็เป็นคนบอกเองว่าตราบใดที่นายท่านสามยังไม่หายดี ห้ามไปรบกวนนายท่านสามเป็นอันขาด”

การเป็นผู้นำตระกูลมู่ มันช่างน่าเหนื่อยหน่าย มีหลายปัญหาให้ต้องจัดการ  มู่เฉียนซีตัดสินใจที่จะรักษาท่านอาให้หายดีให้เร็วที่สุดและมอบตำแหน่งท่านผู้นำตระกูลให้กับท่านอา หลังจากนั้นนางจะได้ตั้งใจอยู่กับการปรุงยาจริง ๆ จัง ๆ เสียที

มู่เฉียนซีถอนหายใจ ตั้งใจแก้ไขปัญหาที่ค้างคาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนเสร็จสิ้น มือบางนวดขมับไปพลางบ่นไปว่า “เฮ้อ! ในที่สุดก็เสร็จเสียที” จากนั้นกล่าวถามขึ้น “สำนักเฟินเทียน สำนักซวนเหลย และราชวงศ์ซวนหยวนเอาของที่พนันมาส่งให้แล้วรึ หรือว่ายังไม่ได้ส่งมา ?”

มู่อี “สำนักเฟินเทียนนำสมุนไพรวิญญาณมาให้บ้างแล้วขอรับ แต่อีกสามยังไม่มีวี่แววเลย”

มู่เฉียนซีลุกยืนขึ้น กล่าวอย่างมีอารมณ์ “เหอะ! คิดจะเบี้ยวข้ารึ ? ฝันไปเถอะ!”

“มู่อี เรียกองครักษ์เงาทั้งหมดมาพร้อมเพรียงกัน เราจะไปเยี่ยมสำนักซวนเหลยกันสักหน่อย  กล้าคิดเบี้ยวพนันข้า! บัญชีของตระกูลมู่ใช่ว่าจะเบี้ยวกันได้ง่าย ๆ รอก่อนเถอะ!”

มู่อี “ท่านผู้นำขอรับ ถึงอย่างไรสำนักซวนเหลยก็เป็นสำนักนิกายใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะบุกเข้าไปได้นะขอรับ”

“เจ้าไปเรียกองครักษ์เงามาตามคำสั่งของข้า ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับพวกเจ้าด้วย”

มู่อีพยักหน้ารับคำ “ขอรับ”

.