บทที่ 284: ผู้พิทักษ์
เมลตี้ ซานิเป็นนักเรียนชั้นปีที่ 3 ที่มีความสูงปานกลางและมีรูปร่างที่เพรียวบาง เธอมีผมสีดำและตาสีฟ้า ซึ่งเป็นรูปลักษณ์มาตรฐานของชาวออสทีน
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เป็นสถานที่รวบรวมลูกหลานของตระกูลผู้มั่งคั่งและชนชั้นสูงเอาไว้ ตระกูลซานิมีทรัพย์สมบัติอยู่บ้าง แต่การเป็นลูกสาวของไวเคานต์ก็ไม่ได้มีอะไรให้อวดเท่าไหร่นัก และผลการเรียนของเมลตี้ในชั้นเรียนการต่อสู้จริงก็อยู่เพียงแค่ในระดับปานกลางเท่านั้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เธอจึงไม่สามารถเข้าร่วมฝ่ายกุหลาบม่วงได้แม้ว่าจะเป็นนักเรียนปีที่ 3 จากจักรวรรดิออสทีน
เมลตี้ได้พบกับเชอริลในชมรมดนตรี และทั้งสองคนก็เคยได้เล่นดนตรีด้วยกันในงานวันสถาปนาสถาบันการศึกษาเมื่อปีที่แล้ว เรียกได้ว่าพวกเขารู้จักกันอย่างใกล้ชิด
หลังจากอ่านรายงานด้วยตัวเองแล้ว โรเอลก็กอดอกและตกอยู่ในห้วงความคิดลึก ๆ
พอลและเกอรัล ยืนเคียงข้างกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะที่พวกเขารอคำสั่งต่อไปของโรเอล ขอบเขตของเรื่องนี้เกินกว่าความคาดหมายของทั้งสองคนไปไกลแล้ว
ความตั้งใจเริ่มแรกของพอลคือการจัดตั้งชมรมรับจ้างสารพัด ให้เป็นองค์กรช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับที่โรเอลเคยช่วยเขาเอาไว้ เขาคิดว่าสิ่งที่แย่ที่สุดที่เขาจะต้องรับมือก็คือพวกอันธพาล แต่สุดท้ายแล้วเขากลับต้องเข้ามาพัวพันกับสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นมาก
‘เหตุการณ์จดหมายสีเลือด’ เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่มีเหยื่อมากกว่าสิบราย คดีนี้มีระดับเทียบเท่ากับคดีสำคัญในอาณาจักรมหาอำนาจของทวีปเซียได้เลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ กรณีส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับลัทธิที่ชั่วร้ายนั้นยากที่จะไว้ใจใครได้
หน่วยงานต่าง ๆ ก็ไว้ใจไม่ได้ อาจารย์ก็ไว้ใจไม่ได้ แม้แต่นักเรียนทั่ว ๆ ไปก็ไว้ใจไม่ได้เช่นกัน คนเดียวที่พวกเขาวางใจได้คือสมาชิกในฝ่ายกุหลาบน้ำเงินและกุหลาบม่วง สำหรับนักเรียนชั้นปีที่ 3 ที่ได้ฝึกฝนตัวเองผ่านภารกิจต่าง ๆ มาแล้ว มันก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอจัดการได้ แต่สำหรับนักเรียนชั้นปีที่ 1 ที่เพิ่งลงทะเบียนใหม่แล้ว คดีนี้ถือว่ารุนแรงเกินขอบเขตความสามารถของพวกเขาไปมาก
ภายในห้องประชุมอันเงียบสงัด พอลสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาไม่สามารถหยุดเหงื่อออกมาที่ฝ่ามือได้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ต้องเผชิญกับอาชญากรรมที่ร้ายแรงเช่นนี้
เกอรัลนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาด้วยใบหน้าที่ดูแย่มาก
ทั้งสองคนสามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้ เนื่องจากท่าทีของโรเอลที่ยังสุขุมอยู่ เมื่อสังเกตเห็นสภาพที่ไม่ปกติของทั้งคู่ โรเอลก็ถอนหายใจเบา ๆ พร้อมแนะนำ
“จำเอาไว้ด้วยว่าพวกนายจะต้องไม่สูญเสียความสุขุมในยามที่ยากลำบาก ความตื่นตระหนกรั้งแต่จะถ่วงพวกนายเอาไว้”
“ขอโทษด้วย ลูกพี่โรเอล ผมยังรู้สึกตกใจกับคดีร้ายแรงนี้อยู่”
โรเอลเข้าใจความรู้สึกของพอลดี แต่นี่เป็นอุปสรรคที่เขาจะต้องเอาชนะให้ได้ ความแข็งแกร่งทางจิตใจไม่ได้มาจากการปราศจากความกลัว แต่มาจากการมีชัยเหนือความกลัว ความชอบธรรมไม่ได้มาจากการไม่รู้เรื่องอาชญากรรม แต่เป็นการต่อต้าน
พอลมีศักยภาพที่จะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต เขาเพียงแค่ต้องการเวลาและกำลังใจนิดหน่อย
“ปฏิบัติการจู่โจมจะเป็นความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย แม้ว่าฝ่ายกุหลาบน้ำเงินของเราจะยังอ่อนแออยู่ในขณะนี้ แต่เราก็ยังต้องส่งคนไปอยู่ ฉันตั้งใจจะส่งพวกนายสองคนและสมาชิกกลุ่มที่มีระดับแก่นแท้ 5 ไป”
“คำขอเดียวของฉันก็คือ พวกนายทุกคนต้องปลอดภัย ฉันไม่ต้องการให้มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียวในหมู่พวกเรา ไม่จำเป็นต้องพยายามแข่งขันกับฝ่ายกุหลาบม่วง พวกเราทำทุกอย่างโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความยุติธรรม ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่านั้น”
“ความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ของพวกเราน่าจะเหนือกว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยทั่ว ๆ ไปในอาณาจักรอื่น ๆ สิ่งเดียวที่เราขาดก็คือประสบการณ์ พวกเราไม่มีทางที่จะเติมเต็มช่องว่างนั้นได้ในขณะนี้ ดังนั้นฉันทำได้แค่ให้คำแนะนำกับพวกนายเท่านั้น”
โรเอล มองดูพอลและเกอรัลอย่างตั้งใจพร้อมออกคำสั่งที่ชัดเจน
“อย่าแสดงความเมตตา ฆ่าพวกเขาซะ”
“หัวหน้า?”
“จำไว้! ไม่ว่าจะมีข้อได้เปรียบเหนือพวกเขามากแค่ไหน อย่าลังเลใจที่จะฆ่าพวกลัทธิชั่วร้าย ฉันไม่ต้องการให้พวกนายจับพวกมันเป็นตัวประกัน ทั้งหมดที่ฉันขอคือนำทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับพวกนายคือความรับผิดชอบที่ฉันต้องแบกรับ”
“ลูกพี่โรเอล…”
พอลและเกอรัล รู้สึกซาบซึ้งใจกับคำพูดเหล่านั้น พวกเขายึดถือคำพูดของโรเอลและพยักหน้าอย่างจริงจัง
“หลังจากนี้ไม่มีอะไรมากที่ฉันจะสามารถช่วยพวกนายได้อีกแล้ว ฉันเองก็มีภารกิจของตัวเองที่ต้องทำเช่นกัน”
โรเอลกล่าวก่อนจะหยิบรายงานบนโต๊ะไปอย่างเงียบ ๆ
…
“ขออภัยด้วย เราไม่ได้เห็นเชอริลมานานแล้ว เธอไม่ได้มาที่นี่เลยตั้งแต่เรียนจบ”
“อ…อย่างนั้นเหรอ? ขอโทษทีนะที่มารบกวน”
ภายในร้านขายเครื่องดนตรีบนถนนสายการค้า เด็กสาวคนหนึ่งขอโทษเจ้าของร้านอย่างสุภาพก่อนจะเดินจากไปอย่างคอตกด้วยความผิดหวัง
มันเป็นวันหยุดสำหรับนักเรียนของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ดังนั้นจึงมีฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ถนนการค้าในช่วงเช้าตรู่ เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว เมื่อเพื่อนพ้องและคู่รักใช้เวลาว่างนี้เพื่อพบปะพูดคุยกัน
ทว่ามีคนหนึ่งที่ดูแปลกไปในบรรยากาศอันสนุกสนานนี้ เมลตี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมลตี้ได้พบกับพ่อแม่ของเพื่อนเก่าที่เคยดูแลเธอเป็นอย่างดีในชมรมดนตรี พวกเขาบอกข้อสงสัยของตนว่า เชอริล ลูกสาวของพวกเขาได้หายตัวไปในสถานศึกษา
ทุกคนคิดว่าทั้งคู่แค่พูดพล่อย ๆ จากความตกใจที่สูญเสียลูกหลานทั้งหมดของตนไป มีเพียงเมลตี้เท่านั้นที่สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ที่เมลตี้เชื่อคำพูดของทั้งคู่ไม่ใช่เพราะมีพลังพิเศษบางอย่าง แต่เธอมีข้อมูลสำคัญที่ไม่มีใครรู้ อุปกรณ์เวทมนตร์สื่อสาร
อุปกรณ์เวทมนตร์สื่อสารมักจะขายเป็นคู่ และบางชิ้นก็อยู่ในรูปของของเล่นตุ๊กตาน่ารัก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่นักเรียนหญิงจะส่งหนึ่งอันให้กับเพื่อน เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพ และเมลตี้ก็เคยได้รับมันมาจากเชอริล
มันเป็นตุ๊กตาแมวน่ารักที่มีดวงตาเป็นประกาย เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาอยู่ในระยะใกล้กันและกัน มันจะครางเมื่อมีการส่งหรือรับข้อความ เมลตี้จดจำดวงตาของตุ๊กตาแมวตัวนี้ได้อย่างชัดเจนในช่วงเวลาวันแรกของการเปิดภาคการศึกษาใหม่ ตรงกับวันที่เชอริลถูกพบเห็นเป็นครั้งสุดท้าย
เมลตี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอมั่นใจว่าเชอริลได้ไปที่สถาบันมาก่อนแน่ ๆ เพียงแต่เธอไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จับต้องได้ในการจะโน้มน้าวเพื่อน ๆ ของเธอ
มิตรภาพของเมลตี้กับเชอริลไม่ได้น้อยไปกว่าความรักของคู่สามีภรรยาลอวเรนซ์ ที่เพิ่งสูญเสียลูกไปทั้งหมด เด็กสาวจึงตัดสินใจที่จะตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ แต่ก็แทบจะไม่มีความคืบหน้าเลย
ไม่มีใครเคยพบเชอริล ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์คนก่อนของเธอหรือเพื่อนในชมรมดนตรี เธอตรวจสอบร้านขายเครื่องดนตรีต่าง ๆ ร้านกาแฟที่พวกเธอเคยไปบ่อย ๆ และทุกที่ที่เธอรู้ว่าเชอริลเคยไป แต่ก็ไม่มีประโยชน์
ในระหว่างการสืบสวน เมลตี้สังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกประหลาด มันเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งจนถึงปัจจุบัน แต่สัญชาตญาณของเธอบอกกับเธอว่ามีใครบางคนกำลังมองเธออยู่ ในฐานะนักเรียนที่เคยเรียนวิชาการทำนายมาสองสามหน่วยกิตในภาคเรียนที่แล้ว เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ลางดี
เป็นไปได้ไหมว่าการกระทำของเราทำให้เกิดปัญหาในสถาบันการศึกษา พวกเขาจึงจับตาดูเราอยู่
นี่คือขีดจำกัดของเหล่าลูกขุนนางธรรมดา ๆ ที่ไม่เคยเจอกับพวกคลั่งลัทธิชั่วร้ายหรือคดีฆาตกรรมมาก่อน แต่ด้วยเหตุนี้ ความคิดในการขอความช่วยเหลือจึงผุดขึ้นมาในหัวของเธอ ซึ่งบังเอิญตรงกับในช่วงที่ข่าวลือเกี่ยวกับชมรมรับจ้างสารพัดเริ่มแพร่กระจายออกไปในสถาบันการศึกษา
“ได้ยินเรื่องนี้รึยัง? ที่ผู้ถือแหวนกุหลาบน้ำเงินรับเอาลูกชายนอกสมรสคนนั้นเข้ามาในฝ่ายของเขา แล้วก่อตั้งชมรมรับจ้างสารพัดขึ้นมา!”
“โอ้ ช่างน่าหัวเราะเสียจริง! ก่อตั้งขึ้นชมรมเพื่อช่วยนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือเนี่ยนะ? เป็นเหมือนข้ออ้างเพื่อที่จะได้อู้งานล่ะสิไม่ว่า!”
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความรับผิดชอบสูงเหมือนนายหญิงลิเลียนซะหน่อย เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมีองค์กรที่ต้องการอู้งานของสถาบันการศึกษา”
“…”
คำพูดดังกล่าวมักถูกกล่าวโดยนักเรียนชาวออสทีนรอบ ๆ เมลตี้ แต่เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของพวกเขา เพราะเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างมากในตอนนี้
อาจเป็นเพราะความกลัว ความกังวล และความคับข้องใจที่สะสมมา ทำให้เมลตี้เขียนจดหมายด้วยความตั้งใจ เพื่อเชอริลที่หายไป เธอตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมแพ้ เพื่อดึงดูดความสนใจ เธอจึงจงใจย้อมซองจดหมายด้วยสีแดงเลือดและไม่ได้ทิ้งชื่อของตนเอาไว้
เมลตี้กังวลว่าชมรมสารพัดจ้าง อาจใช้จดหมายนี้รายงานว่าเธอกำลังพูดถึงข่าวลือที่ไม่มีมูล ซึ่งอาจเป็นปัญหาใหญ่ได้ เนื่องจากสถาบันการศึกษาได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่ต้องการจัดการอะไรกับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพอลเองก็อยู่ในชมรมด้วย การมีความสัมพันธ์กับเขาทำให้เธอกังวลว่ามันอาจจะทำให้เธอต้องโดดเดี่ยว
ทว่าไม่มีการตอบสนองใด ๆ กลับมาหาเมลตี้เลย หลังจากที่เธอส่งจดหมายออกไปแล้ว ดูเหมือนว่า ชมรมสารพัดจ้างจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย อันที่จริงเธอเพิ่งได้ยินข่าวที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับเพื่อน ๆ ชาวออสทีนมาเกี่ยวกับพวกเขา
“ดูเหมือนว่าชมรมสารพัดจ้างของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน จะขัดแย้งกับหน่วยรักษาความปลอดภัยในเรื่องการจัดสรรทรัพยากร”
“ฉันเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน เพื่อนของฉันที่อยู่ในฝ่ายกุหลาบม่วง บอกฉันว่าหัวหน้าของทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันครั้งใหญ่!”
“จะมีสงครามฝ่ายงั้นเหรอ? ไม่จริงใช่ไหม…”
มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อข่าวลือต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความโกรธหรือการวางอุบาย
สำหรับเมลตี้ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกจุ่มลงในน้ำเย็น ก่อให้เกิดความสิ้นหวัง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้จดหมายของเธอถูกละเลยโดยสิ้นเชิง
ด้วยความผิดหวังอย่างยิ่ง เมลตี้เดินทางกลับไปยังหอพักของเธอที่มุมตะวันตกเฉียงใต้ของเขตอยู่อาศัยที่สาม เปิดประตูด้วยการหายใจลึก ๆ ขณะที่ความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำ
ตอนนั้นเองที่เด็กสาวเห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นของเธอ กระแสไฟก็วิ่งผ่านร่างกายของเมลตี้ในทันที สัญชาตญาณแรกของเธอคือการกรีดร้อง ก่อนจะตระหนักได้ว่าเธอไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้
อย่างไรก็ตามเมลตี้ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย เพราะเธอจำแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ได้
เขาเป็นเด็กหนุ่มผมดำที่มักจะสวมชุดสูททางการ ยืนนิ่งโดยถือไม้เท้าโบราณวางอยู่ข้างหน้า แม้ว่าเขาจะหลับตา แต่การปรากฏตัวของเขาก็สง่างามและทรงพลัง ช่วงเวลาที่เขาเปิดเผยดวงตาสีทองออกมา ทรงพลังราวกับการตื่นของมังกร ทำให้เกิดบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ แต่ลึกลับรอบ ๆ ตัวเขา
ลักษณะและนิสัยของเขาทำให้เมลตี้ใจเต้นแรง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเธอจำใบหน้าของเขาได้
“อย่ากังวลไปเลย คุณเมลตี้”
โรเอลส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้เด็กสาวที่กำลังตกตะลึง เขาลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาเธอ
“ไม่เป็นไรแล้ว ผมมาที่นี่เพื่อปกป้องคุณ”