ตอนที่ 124-2 พัฒนาน้ำพุร้อน ญาติผู้พี่บอกความลับ

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

อวิ๋นหว่านชิ่นส่ายศีรษะ “ไม่ เขาเป็นคนไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น ภาระหน้าที่ของตัวเขาเอง ก็แค่จัดการเรื่องจิปาถะในสำนักพระราชวังเท่านั้น ไปหาเขาจะมีประโยชน์อันใดเล่า อาศัยฐานะของท่านอ๋องไม่ใช่ว่าจะแทรกแซงเกินขอบเขตหรือ จะให้คนพูดว่าอาศัยอิทธิพลเขาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไร” เดิมทีเขาก็เป็นคนที่กระแสลมปากแหลมคมอยู่แล้ว วันเด็กก็ออกจากวังหลบหนีผู้คน ปัจจุบันอยู่จวนอ๋องก็ซ่อนตัวอยู่ในป่าเขาที่อยู่ห่างไกลไม่ค่อยออกมา ก็เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอปากลิ้นคน เรื่องแค่นี้ไหนเลยจะต้องการความช่วยเหลือจากเขา 

 

 

ความสัมพันธ์ขนาดนี้ก็ไม่เอามาทำให้เกิดผลประโยชน์รึ หงเยียนสองจิตสองใจเล็กน้อย “เช่นนั้นคุณหนูใหญ่ตัดสินใจลงมืออย่างไร หากกิจการส่วนบุคคลไปเข้าเฝ้าที่ราชสำนักเพื่อขอขุดเจาะบ่อน้ำพุร้อน ส่วนมากเศรษฐีใหญ่ของเมืองหลวง ก็มุ่งหวังเพื่อที่จะได้เสวยสุข ถ้าเราใช้พ่อค้าเหล่านี้ขุดเจาะ ราชสำนักย่อมรู้ว่าพวกเราใช้ในเชิงพาณิชย์แน่ เงื่อนไขก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นครุ่นคิดเอ่ยต่อ “หลังจากขบวนล่าสัตว์วสันตฤดูกลับมาข้าก็ได้ยินมาว่าบรรดาบ่อน้ำพุร้อนที่ใกล้เมืองหลวงทั้งหมด มีหนึ่งในนั้นอยู่ใกล้ประตูเมือง เส้นทางบ่อน้ำพุร้อนก็สะดวกสบาย มีชื่อว่าบ่อน้ำพุร้อนตาแมว เนื่องจากหินข้างบ่อน้ำพุร้อนเต็มไปด้วยตะไคร่และเห็ดหูหนู เห็ดราเห็ดชนิดอื่นๆ สีเขียวสีน้ำตาลจึงรวมกัน คล้ายคลึงกับพลอยตาแมว จึงได้ชื่อนี้มา ซึ่งก็พ้องกัน หลังราชสำนักมาขุดเจาะ ก็ไม่เคยได้ใช้ ไม่มีคนไปร้องขอด้วยเช่นกัน กรมโยธากลับส่งคนไปดูแลและรักษาทุกๆ ปี” 

 

 

ดูท่าในสายตาของอวิ๋นหว่านชิ่นก็คงเป็นบ่อน้ำพุร้อนตาแมว หงเยียนพยักหน้า ลังเลอีกครั้ง “เช่นนั้นแล้ว ด้านการเงินนั่น…” นี่เป็นความจริงที่สุด คุณหนูใหญ่ปรับปรุงร้านเซียงหยิงซิ่วแห่งนี้ กลัวว่าจะเปลืองแรงพอตัว ถ้าไม่ได้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หนุนหลัง เกรงว่าแม้แต่การสนับสนุนก็ยากจะเกื้อหนุนกันเลย อีกทั้งร้านค้าตราบจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้กำไร ปล่อยวางบ่อน้ำพุร้อนเถิด ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ ด้วย พูดไปพูดมา หงเยียนก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่ “เรื่องความสัมพันธ์คุณหนูใหญ่ไม่ยอมไปหาท่านอ๋อง เช่นนั้น…ด้านการเงินเล่า ควรจะไปหาสักหน่อยนะเจ้าคะ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้มโดยพลัน “ไปหาเขาเรื่องการเงินรึ เกรงว่าเขาจะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนมากไปกว่าข้านะสิ!” 

 

 

องค์ชายส่วนหนึ่งที่ระดับขั้นไม่สูง อย่ามองแค่ว่ามีจวนอ๋องใหญ่โต ที่มีบ่าวข้ารับใช้มากมาย ยังมีทหารมากกว่าพันนาย สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่ราชสำนักให้การดูแลปรนนิบัติเหล่าองค์ชาย ความจริงแล้วเงินเดือนองค์ชายมีอยู่จำกัด หากได้รับความโปรดปรานกว่านี้หรือมีกิจการได้กำไรส่วนตัวขององค์ชาย์ ก็ยังไม่ได้บ่งชี้ว่าจะร่ำรวย หากไม่ได้รับความโปรดปราน ไม่มีอำนาจในมือ องค์ชายที่ไม่ค่อยถูกส่งตัวไปทำงาน ที่จริงแล้วไม่ได้มีเงินเท่าพ่อค้าในเมืองหลวงด้วยซ้ำ! 

 

 

หงเยียนก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ข้าว่าทำไมคุณหนูใหญ่ยิ่งพูดถึงฉินอ๋องยิ่งดูไร้ประโยชน์นะเจ้าคะ! จะใช้อำนาจอย่างซี้ซั้วก็มิได้ เงินก็ไม่ได้มีเยอะเท่าท่าน คนอื่นละเจ้าคะ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นถึงโอรสขององค์ฮ่องเต้” 

 

 

“ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีประโยชน์หรอกนา” อวิ๋นหว่านชิ่นหัวเราะ แล้วชี้นิ้วที่ตนเองอย่างมั่นใจ “ก็แค่ข้าก็เป็นคนไม่มีประโยชน์เช่นกัน! เจ้าวางใจเถิด เมื่อวานข้าไปหาญาติผู้พี่ สอบถามมาว่ามีบ่อน้ำพุร้อนของพ่อค้ากี่เจ้าที่เกี่ยวข้องกับราคาบ่อน้ำพุร้อนที่ชานเมือง สภาพการเงินตอนนี้ข้ายังสามารถคุมไม่ให้เกินขอบเขตเงินทุนหมุนเวียนได้อยู่ น่าจะเหลือเฟืออยู่บ้าง” 

 

 

แม้สภาพการเงินของอวิ๋นหว่านชิ่นจะมีผลึกจินเฝ่ยอันงดงามอยู่ชุดหนึ่ง ดูจะรุ่มรวยยิ่ง แท้จริงแล้วก็ยังมิได้ย้ายให้ดี ส่วนหนึ่งของสินเดิมเป็นสิ่งของที่มีช่วงเวลากำหนดของมันเอง ก็จึงไม่คิดจะขนย้ายซี้ซั้ว เพื่อป้องกันการอยากได้ในภายหลัง 

 

 

เป็นเช่นนี้แล้ว กลับเป็นโชคดีของเหลียนเหนียง ที่ยังต้องขอบคุณมิตรภาพเกื้อหนุนของมู่หรงไท่ สุดท้ายนี้ ก็ต้องขอบคุณสองคนนั้นที่เคยรวมหัวกันทำชั่ว ใจอำมหิตที่ยากแท้หยั่งถึง เงินสี่พันตำลึงที่ต้องช่วยมา ยังย้ายเงินที่หละหลวมในสินเดิมบางส่วนอีก เพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน แม้จะสามารถหยุดยั้งได้แล้วก็ตาม 

 

 

หงเยียนที่ได้ฟังมาถึงจุดนี้ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก คุณหนูใหญ่ไม่เคยกระทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ ตอนนี้กระทั่งจุดมุ่งหมายที่เลือกมาก็เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจเก้าในสิบอย่างเช่นเคย ก็เผยรอยยิ้มที่ผลิบานออก “หากคุณหนูใหญ่วางแผนดีแล้ว เช่นนั้นข้าจะรอจนกว่าคุณหนูจะแจ้งให้ทราบ ข้าก็จะไปช่วยด้วย” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าวอย่างมั่นใจ “หงเยียน ไม่ต้องหรอก ครั้งนี้เจ้าเฝ้าร้าน วันนี้ข้าจะไปด้วยตัวเอง เจ้าคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่สรรพากรจากกรมพระคลังที่รับผิดชอบร้านพวกเรานี่ เจ้าบอกชื่อเขามา ข้าจะไปขอให้เขารับรองเสียหน่อย” 

 

 

แม้หงเยียนจะประหลาดใจอยู่บ้าง กลับทำเป็นไม่มีอะไร แล้วบอกชื่อให้อวิ๋นหว่านชิ่น ในห้องเซียงฝางหลังร้านมีชุดบุรุษอยู่สองสามชุด เพื่อความสะดวกในยามที่ต้องการจะใช้ อวิ๋นหว่านชิ่นเปลี่ยนเป็นชุดบุรุษ รวบผมเผ้าใหม่อีกครั้ง แล้วนำแชไต่และแป้งร่ำที่ทำเองภายในร้านมาแปลงโฉมเป็นบุรุษเพศ สุดท้ายก็สวมใส่รองเท้าเสริมส้นด้วยท่อนไม้ที่อยู่ใต้โต๊ะสี่ขา แหวกผ้าม่านออกไป 

 

 

อวิ๋นจิ่นจ้งที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะรับจ่ายเงินกับอาหลั่งและป้าสี่ เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่สาวปลอมตัวเป็นชาย ชายหนุ่มรูปงามที่ไหล่บางเอวคอด คิ้วโค้งเรียวดุจกระบี่ ปลายหางตาอันโสภณเชิดขึ้น ดูร้ายกาจสามส่วน ดูงามสง่าเจ็ดส่วน อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นเขาปากอ้าตาค้างราวกับมองลิงแสดงปา**่ จึงเดินสะบัดชายเสื้อเข้าไป เลิกคิ้วขึ้น มือข้างหนึ่งตบไหล่เขาหนึ่งครา “ยังไม่ไปอีกรึ!” 

 

 

หงเยียนเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นจะไปแล้ว ก็เขกศีรษะหนึ่งที กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราดูสิ คุณหนูใหญ่มาเพียงชั่วครู่ ก็ต้องรีบไปเสียแล้ว เรื่องกล่าวต้อนรับของร้าน พวกเรายังไม่ทันได้พูดแสดงความยินดีสักคำ งานแต่งงานวันนั้น ด้วยงานของพวกเราคงไม่สะดวกไปร่วมยินดีด้วย ก็ทำได้แค่อยู่ที่นี่อวยพรเป็นการส่วนตัว ขอให้คุณหนูใหญ่และฉินอ๋องอยู่ร่วมกันดั่งดอกบัวคู่ ดุจเป็ดยวนยางที่บินเคียงคู่ ประหนึ่งหงส์สวรรค์โบยบิน ขอให้รักกันชั่วนิรันดร!” กล่าวจบ ก็ใช้มือบิดที่ชายกระโปรงอวยพร แล้วเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ราวกับดอกสาลี่งามเพริศพริ้งพลันแดงก่ำ เป็นคำยินดีและคำอวยพรที่แสนจะจริงใจ นางเคยวุ่นวายอยู่ในงานรื่นเริงมาก่อน การพูดอวยพรไม่กี่ประโยคก็แสนเพราะพริ้งน่าฟัง ช่างลึกซึ้งกินใจ 

 

 

ป้าสี่ที่อายุมากแล้ว ก็พูดอย่างสัตย์ซื่อจริงใจ “ผู้ชราคนนี้ก็ขอให้คุณหนูใหญ่และท่านอ๋องมีลูกไวๆ!” 

 

 

“อืมๆ” อาหลั่งยื่นศีรษะเข้าไปใกล้ หัวเราะแหะๆ เอ่ยต่อ “มีเด็กน้อยก็จะสามารถมารับช่วงต่อกิจการร้านของคุณหนูใหญ่ได้เร็วขึ้นนะขอรับ!” 

 

 

“พูดอะไรไร้สาระ!” ป้าสี่เอ็ดไปหนึ่งที พร้อมกับทำท่าทางจะตีที่ปากเขา “ลูกของคุณหนูใหญ่น่ะ ก็เป็นท่านอ๋องน้อยซื่อจื่อแห่งจวนอ๋อง อย่างน้อยที่สุดในอนาคตก็ต้องได้เป็นจวิ้นอ๋อง! จะมารับช่วงต่อที่ร้านกับกิจการรึ เจ้าเคยเห็นซื่อจื่อกับจวิ้นอ๋องเป็นเถ้าแก่ไหมเล่า เจ้าลูกกระต่าย คอยดูข้าจะตีปากเจ้า มาเมืองหลวงนานขนาดนี้แล้ว ยังหัวขี้เลื่อยอยู่อีก พูดเช่นนี้มันเรียกว่ากระไร!” พูดจบก็ทำท่าจะตี แต่กลับมีเพียงเสียง พรึ่บ เบาๆ เฉียดหน้าอาหลั่งไป ป้าสี่ที่ไม่มีทั้งลูกชายลูกสาว จึงนำอาหลั่งมาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ในยามปกติรักยิ่ง ประหนึ่งย่าหลานแท้ 

 

 

วันแต่งงานเข้าใกล้มาทุกที คนภายในจวนก็อวยพรอยู่บ่อยครั้ง เดิมทีอวิ๋นหว่านชิ่นก็ไม่ได้อายอะไรแล้ว พอได้ฟังธารกำนัลเอ่ยเช่นนี้ กลับรู้สึกร้อนวูบที่คออย่างบอกไม่ถูก จึงรีบยืนขึ้นฉับพลัน “เอาละๆ! พวกเจ้าไปทำงานก่อนเถิด” รอจนกระทั่งป้าสี่กับอาหลั่งเดินจากไปไกลแล้ว ก็กวาดสายตามาที่ตัวหงเยียน “หงเยียน เจ้ากับญาติผู้พี่ของข้า…”