บทที่ 499 ระบบให้รางวัล
หนิงเมิ่งเหยานิ่งคิดแล้วตอบ “ข้าอธิบายเช่นนี้แล้วกัน ถ้ามู่เฉินมาร่วมสาขาเพราะเซียวฉีเทียนเป็นคนแนะนำเข้ามา เมื่อร้านของมู่เฉินขายของได้ถึงหมื่นตำลึง มู่เฉินจะได้เงินสิบส่วนจากร้อย ซึ่งก็มีค่าหนึ่งพันตำลึง แล้วถ้าเจ้าเข้าร่วมสาขาภายใต้การดูแลของมู่เฉินแล้วขายสินค้าได้ถึงหมื่นตำลึง มู่เฉินก็จะได้เงินอีกพันตำลึง หลังจากนั้น เซียวฉีเทียนก็จะได้เงินอีกประมาณหนึ่งจากเจ้า แต่จะไม่มากนัก” หนิงเมิ่งเหยาอธิบายความคิดนางให้ฟัง
สีหน้าผู้คนที่ฟังเปลี่ยนไป มีวิธีการได้เงินเช่นนี้ด้วยหรือ ไม่ใช่ว่าแบบนี้ยิ่งเปิดร้านได้เยอะ ยิ่งได้รางวัลเพิ่มขึ้นหรือ
“นอกจากนั้นแล้ว ระดับการการจัดการจะทำให้พวกเจ้าได้รับเงินต่างกันไปในแต่ละปีที่ระดับเพิ่มขึ้น อย่างเช่น เราจะกำหนดให้เป็นขั้นหนึ่ง สอง สาม และสี่ โดยขั้นสี่คือขั้นสูงสุด เมื่อพวกเจ้าทุกคนไปถึงขั้นสี่ นอกจากได้เงินตามที่พวกเจ้าควรจะได้แล้ว เจ้ายังจะได้เพิ่มอีกหนึ่งแสนตำลึงหรือมากกว่านั้น” หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาพร้อมอธิบาย “พวกเจ้าเข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่”
เซียวฉีเทียนพยักหน้า ดวงตาเป็นประกาย “ข้าเข้าใจ แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเราจะสามารถหาเงินได้เช่นนี้”
“แน่นอนสิ” ยิ่งขายของได้มาก นางยิ่งส่งคลังออกไปได้มาก และทำให้ได้เงินมากขึ้นนั่นเอง
เซียวฉีเทียนไม่เคยได้ยินวิธีการให้รางวัลแบบนี้มาก่อน แต่มันน่าสนใจจริงๆ
“ดี ต้องมีอีกหลายคนที่ชอบวิธีนี้แน่” ขอเพียงพวกเขาได้เลื่อนขั้น แม้ว่าจะไม่ทำอะไรเลยอย่างไรก็จะมีเงินทุกปี
เพียงนึกตาม เขาก็กระตือรือร้นขึ้นมา วิธีนี้ไม่เลวเลย
“ข้าคิดว่าถ้าเราทำเช่นนี้ ไม่นานก็จะมีร้านเปิดในทุกเมือง” มู่เฉินหรี่ตาขณะพูด
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เราจะเพิ่มสินค้าอื่นด้วย เช่น เครื่องประดับของสตรี เราจะค่อยๆ เพิ่มของพวกนี้เข้าไป”
ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีเงื่อนไขจำกัด นางจะเพิ่มสินค้าจากชีวิตก่อนเข้าไปอีกหลายชิ้นเลย แต่ตอนนี้นางได้แต่คิดเท่านั้น
เฉียวเทียนช่างนั่งฟังหนิงเมิ่งเหยาพูดถึงสิ่งเหล่านี้อยู่ข้างๆ เขารู้สึกแปลกใหม่
เขารู้มาตลอดว่าหนิงเมิ่งเหยาช่ำชองด้านการค้า มิเช่นนั้นคงจะไม่มีทงเป่าไจ แต่เขาไม่เคยได้เห็นเองกับตามาก่อน ดูเหมือนว่าความสามารถด้านการค้าขายของนางช่างตื่นตะลึงจริงๆ ถ้าทำตามวิธีการของนางสำเร็จ ก็จะมีกลุ่มธุรกิจใหม่เกิดขึ้น เขาได้ยินคำนี้มาจากหนิงเมิ่งเหยาเอง
เฉียวเทียนช่างครุ่นคิด จากนั้นก็มองพวกเขาแล้วพูดขึ้น
“อย่าให้คนอื่นรู้เชียวว่านี่เกี่ยวกับทงเป่าไจ”
“ข้าจะใช้คนหน้าใหม่ไปจัดการ” เขาคิดไว้นานแล้ว ถ้าคนรู้ว่านี่เกี่ยวกับทงเป่าไจ หลายเมืองจะไม่ให้พวกเขาเข้าไป
กว่าพวกนั้นจะรู้ก็คงสายไปแล้ว เพราะทุกอย่างจะวางตัวเข้าที่เข้าทางแล้ว และตอนนั้นคงจะมีร้านจำนวนมากในแต่ละเมือง
เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้รู้ความจริงแล้ว คนพวกนั้นย่อมไม่กล้ารีบลงมือหรือทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเพราะไม่กล้ายั่วยุทงเป่าไจ
“ตอนนี้จัดการเช่นนี้ก่อนแล้วกัน ระบบให้รางวัลยังไม่ลงตัวดีนัก ยังเป็นเพียงขั้นเริ่มต้น ข้าจะแจ้งพวกเจ้าภายหลังเมื่อข้าทำให้สมบูรณ์แล้ว” หนิงเมิ่งเหยาไตร่ตรองแล้วบอกพวกเขา
“ตกลง อย่างไรเราก็มีเวลา” เซียวฉีเทียนยิ้มตื่นเต้น
เฉียวเทียนช่างพลันได้ยินเสียงแผ่วเบา เขาลุกขึ้นแล้วเข้าไปในห้อง เขาผลักประตูเปิดเข้าไป เห็นบุตรชายตื่นขึ้นมาแล้ว กำลังกำลังทำแก้มป่องอยู่ในแปล ดวงตาใสกระจ่าง
เมื่อเห็นบุตรชายมีท่าทีเช่นนี้ เขาก็รู้ว่าเจ้าเด็กน้อยคงปัสสาวะออกมา
เขาเปิดผ้าออกดู บุตรของเขาปัสสาวะออกมาแล้วจริงด้วย
เขาอุ้มลูกออกไปทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาด
อากาศตอนนี้เริ่มอุ่นแล้ว เด็กน้อยของเขาใส่เสื้อผ้าชิ้นบาง ดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก พาให้ผู้คนรอบด้านนึกอยากหยิกแก้ม
“เจ้าลิงน้อย ตื่นแล้วรึ”
“เหยาเหยา ลูกของเราไม่ใช่เจ้าลิงน้อยแล้ว” เฉียวเทียนช่างรู้สึกอับจนคำพูดที่หนิงเมิ่งเหยาเรียกบุตรชายเช่นนั้น ดูท่าลูกของเขาจะได้ชื่ออื่นเพิ่มเข้ามา
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้ว “เจ้าลิงน้อยเป็นชื่อเล่นเขาอย่างไรเล่า”
“ตามใจเจ้าแล้วกัน” เฉียวเทียนช่างหยิกแก้มบุตรชาย บอกเป็นนัยว่าตนอยากช่วยแต่ไม่อาจทำอะไรได้
เฉียวโม่ซางมองไปรอบๆ เขาจำทุกคนได้ เด็กน้อยทำตาโต ช่างน่ารักยิ่งนัก
บทที่ 500 ไม่ช่วยก็ไสหัวไป
เหมยรั่วหลินมองทารกน้อยตรงหน้า นางทำตาโตมองหนิงเมิ่งเหยา “เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ข้าชอบลูกชายตัวน้อยของเจ้ายิ่งนัก”
“เช่นนั้นก็คลอดลูกของท่านเองสิ อย่ามาหมายตาลูกข้า” หนิงเมิ่งเหยาไม่ทันได้พูด เฉียวเทียนช่างก็ชิงพูดก่อน
หนิงเมิ่งเหยาได้แต่โบกมืออย่างทำอะไรไม่ได้เมื่อนางเห็นสีหน้าของเหมยรั่วหลินกับสามีตน
ในตอนนี้เฉียวเทียนช่างให้ความรักกับเด็กคนนี้เป็นที่สุด เขาไม่มีทางยอมให้ใครก็ตามมาอุ้มบุตรไป
แม้แต่ตอนที่ท่านตาของบุตรชายอยากจะอุ้มตัวเด็กน้อย สีหน้าเฉียวเทียนช่างยังไม่ดีนัก นับประสาอะไรกับการที่พวกเขาตรงนี้จะมาอุ้มบุตรไป
“เจ้านี่คิดเล็กคิดน้อยเหลือเกิน”
“แล้วจะทำไม” นี่คือบุตรของเขา เขาจะคิดเล็กคิดน้อยแล้วเป็นอะไร
อวี้เฟิงและคนอื่นต่างพูดไม่ออกขณะที่ได้ประจักษ์ว่าเฉียวเทียนช่างหวงแหนบุตรเพียงใด มุมปากพวกเขากระตุกเล็กน้อย ชายคนนี้ช่วยเพลาท่าทีลงหน่อยไม่ได้หรือ จะข่มกันกระทั่งเรื่องบุตรเลยหรือ
หยางเล่อเล่อหน้าแดงเล็กน้อยหลังจากกลับจากบ้านของหนิงเมิ่งเหยามาถึงบ้านตัวเอง สภาพนางตอนนี้ถ้าคนอื่นมาเห็นอาจคิดไปไกลได้
หยางเล่อเล่อพลันหยุดฝีเท้าเมื่อนางมาถึงทางเข้า นางได้ยินเสียงดังมาจากข้างในแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว
“ทำไมผู้หญิงดีๆ ถึงกลายเป็นเช่นนี้นะ” นางหยางกล่าวอย่างจนใจ
“วันหน้า อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่เชียว” หญิงนางนั้นมีเจตนาไม่ดี อย่าให้นางเข้ามาใกล้จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นตระกูลพวกนางจะโดนลากเข้าไปเกี่ยวกับปัญหาโดยใช่เหตุ
หยางเล่อเล่อฟังเสียงในบ้าน นางผลักประตูเข้าไป แล้วเห็นบิดามารดามีสีหน้าไม่พอใจ “ท่านแม่ ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของข้าทำอะไรลงไปอีกเล่า”
“เล่อเล่อ เจ้ากลับมาแล้ว” นางหยางมองบุตรสาวแล้วรู้สึกใจชื้น บุตรสาวของนางเรียกได้ว่าได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี พฤติกรรมนางต่างจากหญิงสาวในหมู่บ้าน นางมีความคิดอ่านมากกว่าแม่นางเหล่านั้น
“ท่านแม่ ท่านกับท่านพ่อกำลังคุยอะไรกันหรือ หยางซู่อวิ๋นทำอะไรอีกแล้วหรือ” หยางเล่อเล่อขมวดคิ้วแล้วถามอย่างขุ่นเคือง
นางหยางถอนหายใจเบาๆ “จะเป็นอะไรไปได้เล่า ตั้งแต่นางออกจากบ้านหนิงเมิ่งเหยามา นางดูจะต้องมนต์เสียแล้ว นางรู้ว่าวิธีของนางใช้กับเราไม่ได้ผล นางเลยไปหาลูกพี่ลูกน้องของเจ้า แล้วก็ขู่จะฆ่าตัวตายถ้าเขาไม่ช่วยนางน่ะสิ…” นางหยางรู้สึกหมดความอดทนเมื่อนึกถึงปัญหาที่หยางซู่อวิ๋นก่อ
หยางเล่อเล่อแสยะยิ้ม นางเอ่ย “ท่านแม่ ไปดูกันเถิด ข้าอยากเห็นว่าแม่ลูกพี่ลูกน้องตัวดีของข้าสร้างปัญหาไว้ขนาดไหน”
นางหยางมองบุตรสาวอย่างกังวล “เล่อเล่อ เจ้าจะทำอะไร”
“ข้าจะไม่ทำอะไร ข้าเพียงอยากเห็นว่านางอยากตายจริงหรือเพียงแค่แกล้งทำ” หยางเล่อเล่อกล่าวอย่างใจเย็นพลางจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย
หยางจู้มองบุตรสาว “เล่อเล่อ เจ้ามีความคิดอะไรหรือไม่”
หยางเล่อเล่อพยักหน้า “ก่อนที่หยางซู่อวิ๋นจะกลับมา ท่านลุงกับท่านป้าอยู่กันอย่างไร มีคนตั้งมากในตระกูล และทุกคนก็พร้อมจะทำงานหนัก ไหนจะเริ่มทำงานให้กับเหยาเหยาอีก ลูกพี่ลูกน้องของข้าสองถึงสามคนไปทำงานที่นั่นและได้รับคำชม ตอนนี้ความเป็นอยู่พวกเขาดีขึ้นตั้งเยอะ แต่หยางซู่อวิ๋นก็กลับมาสร้างปัญหามิใช่หรือ”
ก่อนหยางซู่อวิ๋นกลับมา ใครกล้าพูดบ้างว่าตระกูลฝั่งมารดาพวกเขาไม่ได้อยู่กันอย่างสงบสุขดี
หยางจู้พยักหน้า “จริงของเจ้า ท่านพ่อและท่านแม่ยายแก่มากแล้ว ไม่มีแรงจะไปห้ามหยางซู่อวิ๋นไม่ให้ก่อปัญหา ในเมื่อเล่อเล่อมีแผน ก็ลองดูแล้วกัน”
นางหยางแย้งไม่ออกจึงเห็นด้วย
ทั้งสามมุ่งหน้าไปหาหนิงเมิ่งเหยาเพื่อขอยืมรถม้าแล้วตรงไปยังบ้านของตระกูลหยาง
พวกนางก้าวเข้าไปไม่ทันไรก็ได้ยินหยางซู่อวิ๋นโหวกเหวก ขู่ว่าจะแขวนคอ
ท่านตาท่านยายของนางอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
หยางเล่อเล่อเดินเข้าไปแล้วช่วยประคองผู้อาวุโสตระกูลหยางทั้งสองนั่งลง จากนั้นจึงมองหยางซู่อวิ๋นที่ขู่จะฆ่าตัวตาย
“เจ้าเล่นละครเสร็จหรือยัง นั่นมันเงื่อนกระทก จะแขวนคอใครจนตายได้จริงรึ” หยางเล่อเล่อกอดอกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจพลางมองหยางซู่อวิ๋นที่ยืนดิ้นรนอยู่บนม้านั่ง
นางเฉิงมองใกล้ๆ ดูว่านางพูดจริงหรือไม่ เงื่อนนั้นเป็นเงื่อนกระทก เมื่อเจอแรงมากเข้าหน่อยก็จะคลาย และไม่ทำให้ใครตาย สีหน้านางบูดบึ้งทันใด
หยางเล่อเล่อมองนางเฉิง “ท่านป้า ท่านไปพักเถิด ข้าจะจัดการนางเอง”