ตอนที่ 475 ต้นเงินต้นทองที่สองย่าหลานยื่นมาให้ตรงหน้า
สิ้นคำกล่าวที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของเจียงหรงหรง ผู้คนต่างก็รับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของมันกันอย่างถ้วนหน้า!
ไม่ใช่แค่คิดจะถอนสัญญากับจี้อี้ แต่ยังข่มขู่ว่าจะแบนเธอทุกหนทาง!
ความโหดร้ายทั้งหมดของประธานเจียง บัดนี้ได้ถูกเผยออกมาให้เห็นอีกครั้ง!
“ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับหลานอวิ้น ทั้งยังรักและสนับสนุนในตัวเฉินเชียนโหรว ฉันเชื่อว่าหลานอวิ้นจะพยายามให้ดียิ่งขึ้น เชียนโหรวเองก็จะต้องเจิดจรัสยิ่งขึ้น! ขอบคุณค่ะ!”
เจียงหรงหรงกล่าวด้วยท่วงท่าผึ่งผาย ทว่าสีหน้าของเฉินเชียนโหรวที่อยู่ข้างๆ กลับไม่ได้ดูชื่นบานขึ้นแม้แต่น้อย
แต่เห็นได้ชัดว่าในถ้อยคำของเจียงหรงหรงนั้นเรียกความคึกคักได้เป็นดิบดี เหล่าแฟนคลับต่างก็กู่ร้องตะโกนเสียงสูง พวกนักข่าวเองก็รัวบันทึกภาพที่น่าจะขายได้ราคาที่สุดของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
เฉินเชียนโหรวได้แต่ตีสีหน้าสุภาพอ่อนโยนให้แฟนคลับและนักข่าวเบื้องหน้า
เฉินฝานซิงที่กำลังฟังอยู่ก็เค้นขำเสียงเย็น
ที่พูดมาเนี่ย…ก็ไม่เลวนะ!
แม้แต่เธอเองที่ได้ฟังก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายกำลังพลุ่งพล่าน!
อยากจะเห็นจริงๆ ว่าในบทสรุปของเรื่องนี้เจียงหรงหรงจะทำหน้ายังไง!
ไม่เหนือความคาดหมายเลยสักนิด ระหว่างจี้อี้กับเฉินเชียนโหรว เจียงหรงหรงก็ยังคงเลือกเฉินเชียนโหรวอยู่ดี
เธอรู้ดีว่าตัวเลือกที่เธอเตรียมไว้เพื่อเจียงหรงหรงเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์ แต่เธอเพียงแค่อยากจะทรมานอีกฝ่ายเล่นเช่นนี้
ปล่อยให้เธอได้เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องเกลียดตัวเองเข้ากระดูกดำ!
หลานอวิ้นคือสิ่งสำคัญที่สุดของเธอ? เฉินเชียนโหรวคือความหวังทั้งหมดของเธอ?
อย่างนั้นคราวนี้ เฉินฝานซิงจะทำให้อีกฝ่ายได้ตาสว่างเองว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เธอทิ้งขว้างไปเพื่อเฉินเชียนโหรวนั่นคือสิ่งใดกันแน่!
จะว่าไป ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่สองย่าหลานนั่นยื่นต้นเงินต้นทองอย่างจี้อี้คนนี้มาให้เธอตรงหน้าด้วยมือตัวเอง!
เหอะ…
เธอจะไปว่าอะไรได้
อีกอย่างเจียงหรงหรงไม่รู้เลยสักนิดว่าบัดนี้ศึกหนักที่เฉินฝานซิงได้เตรียมไว้รอเธออยู่เบื้องหน้านั้นกำลังใกล้เข้ามาทุกชั่วขณะ!
เมื่อกล่าวจบ เธอก็สลัดจดหมายขอยกเลิกสัญญาฉบับนั้นใส่ฉีน่า ก่อนจะจ้องมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็นหนึ่งครั้งแล้วหมุนตัวเดินจากไป
ฉีน่าหยิบจดหมายยกเลิกสัญญาฉบับนั้นขึ้นมาอย่างนิ่งเฉย เธอก้มหน้าลงตรวจสอบเพื่อความแน่นใจอีกครั้งก่อนจะกรีดยิ้มเย็นขึ้นแล้วพูดว่า
“ดูเหมือนว่าประธานเจียงจะเลือกหลานสาวสุดที่รักของตัวเองอีกตามเคยสินะ!”
เจียงหรงหรงชะงักนิ่ง หันกลับมาจ้องเธอด้วยสีหน้าดุดัน เสียงเข้มเอ่ยขึ้น
“ฉีน่า ให้มันน้อยๆ หน่อย หัดดูกาลเทศะเสียบ้าง! การเป็นเอเจนซี่ตลอดหลายปีมานี้ของเธอนับวันยิ่งเสื่อมลงรึไง!”
ฉีน่าสูดหายใจเข้าลึกๆ ไปเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“ก็คงจะอย่างงั้น เมื่อก่อนฉันมักจะคิดเสมอว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ให้นึกถึงผลประโยชน์เป็นสำคัญ เพื่อผลประโยชน์แล้วจะยอมทำทุกอย่างโดยไม่ต้องสนเรื่องจิตสำนึก วงการบันเทิงเป็นสถานที่แบบไหนฉันย่อมรู้ดีที่สุด ใครดีใครอยู่ และฉันเองก็ต้องคอยเอาตัวรอดท่ามกลางความกดดันในหลานอวิ้น...”
เฉินเชียนโหรวขมวดคิ้วแน่น เธอหรี่ตาลงมองฉีน่าด้วยสีหน้าเกลียดชัง
เจียงหรงหรงเองก็ยกคิ้วสูง เธอรู้สึกมาตลอดว่าวันนี้ฉีน่าดูไม่ค่อยชอบมาพากล
“เธอคิดจะทำอะไร” เจียงหรงหรงถามเสียงเข้ม
หว่างคิ้วของฉีน่าขยับเล็กน้อย เธอเดินไปหยุดลงตรงหน้าไมโครโฟนแล้วเผชิญหน้ากับสื่อมวลชนและแฟนคลับที่รายล้อมกันอยู่มากมาย
เธอเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉยด้วยน้ำเสียงไพเราะและน่าเชื่อถือ
“จี้อี้อยู่ในการดูแลของฉันมาตลอดนับตั้งแต่วันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในบริษัท! เธอไม่ใช่คนพูดเก่งและไม่เคยปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปกับเสื้อผ้าหน้าผม จิตใจของเธอจดจ่ออยู่แต่กับการสร้างสรรค์บทเพลง ฉันจะไม่ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการสร้างสรรค์บทเพลง แต่สำหรับฉัน จี้อี้ก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดื้อรั้นไม่ฟังใครและคลั่งไคล้ในเสียงดนตรี!
เธอมั่นคงแน่วแน่และมีความพยายาม เธอถูกจำกัดความสามารถไว้เพียงเพราะแรงกดดันที่ผู้เป็นแม่มอบให้และแรงกดดันที่เธอมีต่อตัวเอง แต่เธอเชื่อมั่นและยึดมั่นในเสียงดนตรี! เพราะฉะนั้นฉันจึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเธอไม่มีวันก่อเรื่องที่ทำให้ดนตรีต้องมัวหมองได้ลงคอ…”
ตอนที่ 476 ถ้าจะให้เชื่อเธอ ฉันยอมเชื่อจี้อี้เสียยังดีกว่า
แต่เธอเชื่อมั่นและยึดมั่นในเสียงดนตรี! เพราะฉะนั้นฉันจึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเธอไม่มีวันก่อเรื่องที่ทำให้ดนตรีต้องมัวหมองได้ลงคอ…”
หลังจากได้ฟังเช่นนั้น เฉินเชียนโหรวก็หันไปมองฉีน่าด้วยสีหน้าสลด
“นี่พี่ฉีกำลังจะบอกว่า ฉันทำเรื่องแบบนั้นได้ลงคอเหรอคะ”
ทันทีที่เห็นท่าทีบอบบางน่าเห็นใจของเฉินเชียนโหรว เหล่าแฟนคลับก็ได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง!
“เชียนโหรวอย่าเสียใจไปเลยนะ ที่เอเจนซี่คนนั้นพูดมาไร้สาระทั้งเพ!”
“ใช่! แม่นี่แค่หูหนวกตาบอด อย่าไปให้ค่านางเลย!”
ฉีน่ากลอกตามองเฉินเชียนโหรวที่ออกอาการน้อยเนื้อต่ำใจวูบหนึ่ง หว่างคิ้วของเธอกระตุกขึ้นทันที ความสะอิดสะเอียนก่อตัวขึ้นในจิตใจ สีหน้าของเธอเองก็เก็บซ่อนความรังเกียจเอาไว้ไม่มิด!
ก่อนเธอจะพูดขึ้นว่า
“ว่ากันตามตรง บทสรุปของวันนี้ การตัดสินใจของหลานอวิ้นไม่ได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเลยสักนิด!
เฉินเชียนโหรว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอใช้วิธีไหนถึงทำให้ประธานเจียงโปรดปรานเธอได้ถึงขนาดนี้! แต่เธอรู้ไหมว่ามันขวางทางคนอื่นเขาแค่ไหน! บริษัทต้องตัดอนาคตของศิลปินไปมากแค่ไหนเพื่อเธอ ต่อให้เธอไม่ได้พูดว่าเธอจะทำให้ดนตรีมัวหมองได้ลงคอ แต่ว่า…
ถ้าจะให้ฉันเชื่อเธอ ฉันยอมเชื่อจี้อี้เสียยังดีกว่า!”
เฉินเชียนโหรวฝืนปั้นหน้าเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป สีหน้าของเธอขุ่นมัวลงในชั่วพริบตา!
“ฉีน่า! พูดจาระวังปากด้วย!” เจียงหรงหรงชักสีหน้าดุอีกฝ่าย
ฉีน่าส่ายศีรษะ “ประธานเจียง คุณดูแลบริษัทมาตั้งหลายปี คุณคงไม่ได้โง่จนไม่รู้หรอกนะว่ามีศิลปินกี่คนที่ต้องถูกบริษัทกดขี่เพื่อให้ได้ถือหางเฉินเชียนโหรว”
“นั่นเป็นเพราะพวกนั้นไม่เอาไหน พยายามไม่มากพอ แล้วก็ไม่น่าสนใจพอต่างหาก!”
“หึ…” ฉีน่าขำเสียงเย็น เธอส่ายหน้าอย่างระอาใจ “ฉันไม่เถียงกับคุณแล้ว ในเมื่อเฉินเชียนโหรวโดดเด่นขนาดนั้นล่ะก็ งั้นก็เชิญคุณประคบประหงมเธอให้เต็มที่เถอะ! ฉันเองก็จะถือโอกาสนี้ ขอประกาศว่า ฉัน ฉีน่า ทำงานให้กับหลานอวิ้นมาเป็นเวลาสิบสามปี วันนี้ขอลาออกจากหลานอวิ้นอย่างเป็นทางการ! เหตุผลที่ลาออกคือ…สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ทางโรงพยาบาลบอกให้พักผ่อนเยอะๆ แล้วฉันจะส่งใบรับรองแพทย์ตามมาให้ทีหลัง”
“เธอ…”
ใบหน้าโกรธจัดของเจียงหรงหรงซีดลงทันตา
ฉีน่าทำงานให้หลานอวิ้นมาสิบสามปี เป็นเอเจนซี่ที่มากประสบการณ์ที่สุดและมีความสามารถมากที่สุดในบริษัท เมื่อก่อนศิลปินหลายคนในบริษัทก็ล้วนผ่านมือเธอมาแล้วทั้งนั้น การประกาศขอลาออกในวันนี้เป็นความเสียหายมหาศาลของหลานอวิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าการขอลาออกเนื่องด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาเช่นนี้ เธอจะออกปากปฏิเสธได้เช่นไร
เฉินเชียนโหรวเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่ากริยาท่าทางและคำพูดคำจาที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้เธอคงมีแผนจะขอลาออกเป็นแน่
และตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นจริงเช่นนั้น
เธอเดินมาหยุดลงตรงหน้าเจียงหรงหรงแล้วประคองผู้เป็นย่าไว้พลางเอ่ยขึ้นเสียนุ่ม
“คุณย่าคะ ในเมื่อพี่ฉีเขาสุขภาพไม่ดีก็ช่วยไม่ได้ ปล่อยให้พี่เขาได้ไปพักผ่อนเถอะนะคะ”
ความคับแค้นในอกของเจียงหรงหรงไม่ได้จางหายไป!
ร่างกายไม่แข็งแรงอะไรกัน คนตาบอดยังมองออกเลยว่านี่มันข้ออ้าง!
สุดท้ายเธอก็เค้นขำออกมาหนึ่งครั้ง แล้วพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้น
“ในเมื่ออยากพักผ่อนนัก อย่างนั้นก็เชิญพักผ่อนให้เต็มที่!”
คิดเหรอว่าบริษัทขาดเอเจนซี่ไปคนหนึ่งจะไปต่อไม่ได้!
ในนาทีที่เธอพ่นลมหายใจฟู่นั้น ศิลปินอีกหลายคนของฉีน่าที่ล้อมดูอยู่ไม่ห่างก็กรูกันออกมา
“ฉันเป็นศิลปินรุ่นแรกที่พี่ดูแล ในเมื่อพี่ฉีจะไป ฉันก็ไม่ขออยู่เหมือนกัน!”
“ฉันก็ด้วย! ฉันเหลืออดกับการเลือกปฏิบัติของหลานอวิ้นเต็มทนแล้ว ฉันจะไปกับพี่ฉี!”
“อยู่บริษัทที่โดนเฉินเชียนโหรวกดหัวมาโดยตลอด ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก บริษัทแบบนี้ไม่ดูแลก็แค่ลาออก!”