บทที่ 291
บทที่ 291

การตายของจางเฟิงทำให้พวกหนิงตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก พวกเขายืนนิ่งจนกระทั่งหยวนยู่หยิบดาบใหญ่ขึ้นมาลองเหวี่ยงตรวจน้ำหนักดู

เขาลองโบกมันแล้วชี้ไปยังพวกทหารรอบ ๆ “ใครที่ไม่กลัวตายก็เข้ามา !”

พวกหนิงที่หายจากอาการตะลึงก็เข้าสู่สภาวะวุ่นวายทันที พวกเขาถอยหนีกันไปหมดแล้วตะโกนร้องลั่น “ท่านแม่ทัพตายแล้ว ! ท่านแม่ทัพถูกชาวบ้านฆ่าไปแล้ว !”

เมื่อเรื่องนี้กระจายออกไป ทั้งค่ายก็วุ่นวายมากกว่าเดิม พวกทหารหนิงวิ่งออกมาล้อมหยวนยู่เอาไว้ทั้งหมด

“ฆ่าพวกมันให้หมด ล้างแค้นให้ท่านแม่ทัพ !”

มีคนตะโกนขึ้นมา แล้วจากนั้นพวกทหารหนิงก็เข้าโจมตีหยวนยู่พร้อมกัน ด้วยคิดว่าแม้ชายเลือดร้อนจะมีฝีมือ แต่พวกของเขาในตอนนี้มีน้อยเกินไป และไม่น่าจะต้านทานทหารหนิงมืออาชีพแบบพวกตนที่มีมากมายแบบนี้ไหว

หยวนยู่ไม่ประมาท เรียกเกราะปราณออกมา ก่อนจะยกชูดาบปราณในมือ เข้าฟาดฟันพวกหนิงที่วิ่งเข้ามาในทันที

เพียงพริบตาเสียงอาวุธกับเกราะแตกก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเนื้อถูกเฉือน ทหารบางคนก็ถูกดาบตัดร่างขาดครึ่งไป ดาบของจางเฟิงไม่ใช่ดาบที่ดูดีมากนัก แต่เมื่อมันอยู่ในมือของยอดนักรบคนนี้ มันก็ได้กลายเป็นสุดยอดอาวุธไปแล้ว !!!

เมื่อพวกทหารแนวหน้าล้มตายลง พวกทหารรอบข้างก็โถมเข้ามาอีกครั้ง หยวนยู่ตะโกนออกมาแล้วกางแขนออกเพื่อหลบหอกจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาให้อยู่ข้างใต้แขนเขา “เจ้าพวกสวะ !”

หยวนยู่หุบแขนตัวเองบีบหอกทั้งหมดเข้ามา ทำให้พวกทหารที่ถือหอกอยู่กระเด็นไปคนละทิศทาง แล้วพวกทหารที่เหลือก็พากันเหยียบย่ำพวกเขาที่ล้มตัวลงไปผ่านเข้ามา

ชายเลือดร้อนสะบัดข้อมือ ออกแรงต่อยออกไปข้างหน้าจนทหารหนิงล้มไป 3 นาย แล้วจากนั้นเขาก็ใช้ดาบเรียกวิชาปราณแหลมคม ส่งมันพุ่งกระจายไปรอบตัวจนทหารรอบ ๆ เป็นรูพรุน

เพียงพริบตาหยวนยู่ก็จัดการพวกทหารลงไปมากมาย มีศพทหารหนิงกว่า 2 ร้อยนายกองอยู่บนพื้น แต่ถึงกระนั้นพวกทหารหนิงก็ยังไม่ย่อท้อ ยังคงกรูกันเข้ามาอีกเรื่อย ๆ

ทหารอีก 50 นายที่มาด้วยกันกับเขาถูกแยกจากกันไปนานแล้ว จนตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

หยวนยู่ไม่สนใจคนอื่นแล้ว เขาเร่งพลังของตัวเองออกมาด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ปะทะกับศัตรู

ระหว่างที่กำลังจะเข้าตะลุมบอนกัน เขาก็พลันได้ยินเสียงลมจากด้านหลังจนต้องก้มตัวหลบไป ก่อนจะพบว่ามีลูกศรพุ่งผ่านหัวแล้วปักเข้าที่พวกทหารหนิงแทน

นายทหารผู้โชคร้ายกรีดร้องก่อนจะล้มลงไป หยวนยู่หันไปดูก็พบว่ามีทหารหนิงเล็งธนูมายังเขาจากด้านบนหอคอย …คนเหล่านี้เป็นปัญหาสำหรับเขามากที่สุดในการต่อสู้นี้ !

หยวนยู่กู่ร้องออกมาแล้วพยายามฝ่าฟันไปยังหอคอย แต่มันก็มีศัตรูมากเกินไปจนชายหนุ่มต้องรวบรวมพลังทั้งหมดแล้วใช้ออกด้วยคลื่นปราณ ทำให้ร่างของทหารหนิงกระเด็นกระจายตัวไปทั่วทิศทาง

เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่กับพวกหนิง ก่อนหยวนยู่จะใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าไปข้างใต้หอคอยแล้วใช้ดาบฟันมันจนพังลงไป

จริง ๆ แล้วภารกิจของหยวนยู่คือการสังหารจางเฟิง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาทำเกินหน้าที่ ด้วยมาตอนนี้ชายเลือดร้อนฆ่าล้างกองทัพศัตรูไปมากกว่าหมื่นนายแล้ว ทำให้กุนซือของจางเฟิงหวั่นเกรงจนไม่กล้าเดินออกไป

อีกฝ่ายเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์แล้วมีพลังที่กล้าแกร่ง ทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัวจนอยากจะหนีไปในทันที

เขาพึมพำกับตัวเองอยู่นาน แล้วจากนั้นก็เรียกหาคนรับใช้ แล้วสั่งให้อีกฝ่ายส่งรายงานไปขอความช่วยเหลือจากจางเสี้ยวติงทันที

คนรับใช้ของเขารับคำ ว่าแล้วก็มุ่งหน้าออกจากจูเฟิงตรงไปยังหน้าด่านประตูตง

ค่ายจูเฟิงอยู่ใกล้กับประตูตงมาก เพียงอึดใจเดียวคนส่งสารก็ไปถึงแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เสี้ยวติงถึงกับตะลึงที่ได้ข่าวนี้ ว่าไงนะ หลานชายของเขาถูกพวกกบฏฆ่างั้นหรือ ? มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะพลังของจางเฟิงเองก็มีอยู่มากจนไม่น่าจะถูกคนธรรมดาฆ่าได้ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เจ้านั่นมันเป็นใคร ทำไมถึงฆ่าแม่ทัพจางได้กัน ?”

“ข้าน้อยไม่มั่นใจว่าพวกเขามาจากไหน พวกมันมีกันไม่ถึงร้อยคน แต่พวกมันก็แข็งแกร่งมาก และตอนนั้นแม่ทัพจางยังไม่ได้เรียกเกราะปราณออกมาเลยด้วยวซ้ำ” ข้ารับใช้กล่าว

เสี้ยวติงทั้งโกรธและเสียใจในเวลาเดียวกัน จางเฟิงถูกชาวบ้านฆ่าง่าย ๆ แบบนี้ แล้วเขาจะกลับไปอธิบายยังไงดีเมื่อกลับไปยังเมืองเหลียงโจว ? เขาพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเจ้าถึงได้ประมาทแบบนี้กัน…”

พวกแม่ทัพต่างก็หน้าซีดเมื่อเห็นแม่ทัพใหญ่กำลังโกรธจัดจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ

ไม่รู้ว่าผ่านไปเท่าไหร่ แต่เสี้ยวติงก็ทำใจได้แล้วก่อนร้องถาม “พวกชาวบ้านตายกันหมดหรือยัง ?”

“ยังขอรับ พวกมันเก่งมากจนพวกเรารับมือไม่ไหว”

“ไอ้พวกขยะ !” เสี้ยวติงกัดฟันกรอด “ข้าอยากจะรู้จริงว่าพวกมันเก่งได้แค่ไหน เทียนฟาน ซูจี พวกเจ้าจงพาทหารไปที่จูเฟิง 2 หมื่นนายซะ !”

“ขอรับท่านแม่ทัพ !”

แม่ทัพเทียนฟาน และ ซูจี รับคำสั่งแล้วเดินออกไป ก่อนหนึ่งในกุนซือของเขาจะกระซิบถาม “ท่านแม่ทัพ คนพวกนี้มันแปลกเกินไป ต่อให้ท่านจางเฟิงจะประมาทแค่ไหน แต่คนธรรมดาก็ไม่สามารถจัดการเขาได้ง่าย ๆ แบบนี้หรอก แถมพวกเรายังมีกองทัพนับหมื่น แต่ก็ยังสู้ไม่ได้อีก ข้าว่ามันแปลกเกินไปและขอแนะนำให้ท่านวางกำลังตรึงไว้ที่ประตูตงเถิด”

เสี้ยวติงเข้าใจความหมายคำนั้นผิด เขาพลันหันไปก่นด่ากุนซือคนนั้น “เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวคนธรรมดาหรือ ?”

“ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว ถ้าหากท่านแม่ทัพนำทหารออกไปแล้วใครจะปกป้องประตูตงกัน ?”

“แล้วไงล่ะ ? มีศัตรูอยู่แถวนี้หรือไง ? ต่อให้ไม่มีทหารอยู่ พวกเทียนหยวนก็เข้ามาไม่ได้หรอก !” เสี้ยวติงโบกมือปัดรำคาญไป “หยุดพูดมาก ถ้าหากทำให้ชักช้าไปมากกว่านี้ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย !”

กุนซือเงียบปากตัวเองไปทันทีแล้วไม่กล้าพูดอะไรต่อ ด้วยหากว่ากันตามความจริงแล้ว ถ้ากองทัพเทียนหยวนกล้ามาถึงประตูตง พวกมันก็ต้องผ่านเมืองหยานมาให้ได้เสียก่อน ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างแน่นอน

แต่ถึงกระนั้นกุนซือก็ยังคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกอยู่ดี ทว่าเขาก็ไม่อาจเสนอเรื่องนี้ให้กับแม่ทัพที่กำลังโมโหร้ายอยู่ได้

ว่าแล้วเสี้ยวติงก็พาเทียนฟานและซูจีกับทหารอีก 2 หมื่นนายมุ่งหน้าไปยังจูเฟิงทันที

กองกำลังทั้งหมดในประตูตงมีด้วยกัน 3 หมื่นนาย และตอนนี้เสี้ยวติงก็ได้พาทหารออกไปด้วย 2 หมื่น ทำให้ภายในเขตหน้าด่านเหลือกำลังแค่เพียงหยิบมือเท่านั้น

เมื่อสายลับส่งข้อมูลไปให้เหลียงฉี เขาก็พลันหัวเราะออกมา “แผนของข้าสมบูรณ์แบบ เยี่ยมไปเลย !”