บทที่ 292
บทที่ 292

ไป่หยงที่เห็นสีหน้าของเหลียงฉีดีขึ้นมากก็ได้กล่าว “เสี้ยวติงพาทหาร 2 หมื่นเข้าไปช่วยจูเฟิง ข้าว่าพวกเราควรเข้าไปช่วยหรือไม่ ?”

เหลียงฉีโบกมือให้ “หยวนยู่แค่คนเดียวน่าจะพอต้านทานพวกเขาไหว ต่อให้ไม่อาจล้มทั้งกองทัพได้ เขาก็สามารถดูแลตัวเองได้อยู่ดี เป้าหมายของเราคือประตูตง เพราะฉะนั้นเราต้องทำมันให้สำเร็จ !”

ไป่หยงแอบก่นด่าเขาในใจ “แล้วถ้าเกิดแม่ทัพหยวนออกมาไม่ได้เล่า ?”

“ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เราต้องเลือกทำเป้าหมายหลักเสียก่อน ! ไม่มีเวลามาให้คิดถึงเรื่องอื่นหรอก” เหลียงฉีสบถออกมาเสียงดัง เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ด้วยเขาคือชายผู้ที่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้บรรลุซึ่งเป้าหมาย และแม้ว่าหยวนยู่จะเป็นที่ถูกตาต้องใจของถังหยินก็ตาม แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะยอมสละชีวิตของอีกฝ่าย !!!

ในช่วง 2 วันมานี้ เหลียงฉีได้ซ่อนอุปกรณ์และกองกำลังเอาไว้รอบ ๆ ประตูตงเพื่อรอโอกาสนี้ให้มาถึง และถ้าหากเขาเลือกที่จะไปช่วย งั้นแล้วโอกาสที่สร้างขึ้นก็จะหายไปตลอดกาลเป็นแน่ ด้วยเหลียงฉีคำนวณเวลาไว้เป็นอย่างดีทุกอย่างแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแผน !

เมื่อนกพิราบสื่อสารของเหลียงฉีถูกส่งออกไป พวกกองทัพชานชุยที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็พากันพุ่งออกมาจากป่าข้างทางตรงไปยังประตูตงในทันที

เพราะพวกทหารที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ซุ่มกันในพื้นที่แตกต่างกันออกไปทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาสักระยะในการรวมตัวกัน โดยมีเหลียงฉีและไป่หยงเป็นคนที่เร็วที่สุด ที่ส่งกองทัพ 2 หมื่นของพวกเขาวิ่งกรูกันเข้าไปอย่างรวดเร็ว

พวกหนิงที่เห็นทหารเฟิงปรากฏตัวออกมาต่างก็ทำอะไรไม่ถูก

เหลียงฉีสั่งให้พวกทหารของเขาเข้าโจมตีทันทีโดยไม่รอกองพันอื่น ทำให้เกิดภาพของกองกำลังกว่าสองหมื่นนายที่พากันพุ่งทะยานเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง !

ตอนนี้พวกหนิงก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู จึงได้ส่งสัญญาณเตือนไปให้ทุกคนในเขตหน้าด่านประตูตงขึ้นมายิงธนูใส่พวกเฟิงทันที

และแม้ว่าจะมีกองทหารเพียงหมื่นนายบนกำแพง แต่อำนาจทำลายล้างของลูกธนูก็ยังมีผลอยู่ ด้วยพวกหนิงยิงจากด้านบน จึงทำให้พวกเขาได้เปรียบเรื่องระยะที่ไกลกว่ามาก !

ทำให้พวกเฟิงถูกธนูปักตายกันไปหลายนาย แต่ทว่าพวกที่เหลือก็ยังวิ่งต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยถ้าหากพวกเขาเข้าประชิดกำแพงได้เมื่อไหร่ก็จะรอดจากการโจมตีด้วยลูกธนูข้างบนเมื่อนั้น

นี่คือศึกชี้ชะตา พวกเขาจะต้องเลือกระหว่างคว้าชัย กับการตายอย่างไร้ค่าอยู่ที่นี่ และด้วยเหตุนี้ พวกชานชุยจึงพากันบุกทะลวงอย่างบ้าดีเดือด !!!

ยิ่งพวกทหารเฟิงถูกยิงตายไปมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งวิ่งต่อไปอย่างไม่ย่อท้อเท่านั้น ด้วยถ้าหากพวกเขาเข้าประชิดกำแพงได้ก็จะรอดแน่แล้ว และต่อให้จะต้องเหยียบย่ำศพของพวกพ้องไปก็ย่อม !

และเมื่อพวกเขาเข้าประชิดใต้กำแพงได้ กองทหารชานชุยก็เริ่มทำการโจมตีโต้กลับด้วยการเล็งธนูยิงขึ้นไปข้างบนในทันที

พวกหนิงโดนธนูยิงตายไปมากแล้วร่วงลงมา ทำให้แม่ทัพหนิงที่เห็นท่าจะไม่ดีรีบตะโกนออกมา “จุดไฟสัญญาณ เราต้องขอความช่วยเหลือจากท่านแม่ทัพใหญ่ !”

พวกทหารหนิงรับคำสั่ง รีบทำการจุดไฟเพื่อให้มีควันลอยขึ้นไปบนฟ้า

เหลียงฉีที่เห็นดังนั้น เขาก็ไม่รอช้า รีบสั่งให้ทหารเอาหน้าไม้ทลายกำแพงออกมายิงทันที

อุปกรณ์ศึกถูกนำออกมามากมาย พวกเขาเล็งไปยังกำแพงเมืองประตูตง ก่อนจะลั่นไกส่งลูกหน้าไม้ออกไป !

หวืดดด !

ลูกศรขนาดยักษ์พุ่งออกไปพร้อมกัน มันกระแทกใส่กำแพงแล้วทะลุออกไป เช่นเดียวกับพวกแม่ทัพที่อยู่ข้างบนก็โดนลูกศรยักษ์นี่พุ่งเอากระแทกจนกระเด็นลอยไปกลางอากาศแล้วขาดใจตาย

หลังจากยิงออกไป พวกหนิงก็วุ่นวายกันมากกว่าเดิม และแม้แต่พวกแม่ทัพกับกุนซือก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น ด้วยต่อให้เป็นพวกที่มีพลังยุทธ์ก็ไม่อาจต้านทานมันได้แน่

ระหว่างที่เหลียงฉีกำลังบัญชาการอยู่ ทหารก็เข้ามารายงานเขา “ท่านแม่ทัพ กองพันที่แปดมาถึงแล้วขอรับ”

เมื่อเหลียงฉีได้ยินแบบนั้น เขาก็พลันโบกธงคำสั่งให้พวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังกำแพงทันที !!

นายกองที่เห็นแบบนั้น เขาก็รีบพุ่งออกไปทันที ก่อนที่ไม่นานนักจะมีคนเข้ามารายงานต่อ “ท่านแม่ทัพ กองพันที่สามมาถึงแล้วขอรับ”

เหลียงฉีโบกธงสัญญาณต่อไป

“ท่านแม่ทัพ กองพันที่หกมาถึงแล้ว !”

“กองพันที่…”

การรายงานตามมาด้วยเสียงตะโกนพร้อมกับเหล่าทหารที่วิ่งกรูกันออกไปข้างหน้า ทำให้เหลียงฉีที่ขี้เกียจโบกธงแล้วหันไปร้องสั่งทหารที่อยู่รอบข้าง “ตีกลองส่งสัญญาณ บอกให้ทุกกองทัพเข้าโจมตีได้ !”

ไป่หยงเป็นคนรับคำสั่งในครั้งนี้

เหลียงฉีกล่าวต่อ “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้ทหารทุกนายเข้าโจมตีแล้วยึดกำแพงให้ได้ภายในครึ่งชั่วยาม !”

“รับทราบ !”

เหลียงฉีเป็นคนที่เข้มงวดมาก และเมื่อคำสั่งลงไปแล้วจะไม่มีการผ่อนปรนเด็ดขาด …พวกแม่ทัพจะต้องทำให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม !

เมื่อได้รับคำสั่งมาแบบนั้น พวกนายกองทั้งหลายต่างก็ทำการโจมตีอย่างบ้าระห่ำยิ่งกว่าเดิม ทำให้มาตอนนี้มีจำนวนทหารเพิ่มมากขึ้นจาก 2 หมื่นกลายเป็น 6 หมื่นนายแล้ว !

ไม่นานนักพวกทหารที่แบกหน้าไม้เอาไว้ก็เริ่มปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพงแล้วใช้หน้าไม้ยิงระหว่างทางที่ปีนขึ้นไปด้วย ทำให้หน้าไม้สามารถแสดงพลังของมันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังใช้ในระยะประชิดได้ดีกว่าธนูเสียอีก

พวกหนิงทั้งหลายต่างก็พากันยกท่อนซุงและก้อนหินขึ้นมากมาย แต่ในจังหวะที่กำลังจะปล่อยมันลงไป พวกเขาก็ดันโดนหน้าไม้ยิงเข้าใส่เสียก่อน

ทหารชานชุยใช้โอกาสนี้ปีนขึ้นไป และเมื่อไปถึงข้างบนก็เริ่มทำการจัดการพวกทหารหนิงที่อยู่ข้างบนในทันที ทำให้พวกหนิงบนนั้นโดนปัดตกจากกำแพงไปราวกับใบไม้ร่วง

เมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้ พวกเฟิงก็กลายเป็นได้เปรียบแล้ว ! เพราะพวกเขาเก่งกาจในการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่าพวกหนิงที่เก่งในด้านธนู และยิ่งพวกเฟิงขึ้นมาบนกำแพงได้มากเท่าไหร่ พวกหนิงก็ถูกกวาดล้างมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อเหลียงฉีเห็นทหารของเขาขึ้นไปบนกำแพงได้แล้ว เขาก็พลันชักดาบออกมาพร้อมร้องตะโกน “ฆ่ามัน !” จากนั้นก็ควบม้าห้อตะบึงเข้าไปยังแนวหน้า ทำให้พวกไป่หยงและทหารองครักษ์หน้าซีดขาวแล้วรีบตามไปในทันที

การเข้าร่วมแนวหน้าของเหลียงฉีทำให้พวกชานชุยเริ่มมีกำลังใจขึ้น ทำให้พวกทหารยิ่งบ้าคลั่งและรุดหน้าเข้าไปมากกว่าเดิม

แนวป้องกันเริ่มถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ก่อนในท้ายที่สุดบนกำแพงจะถูกยึดครองเอาไว้ได้

ความพ่ายแพ้ในครานี้ดูท่าจะไม่สามารถหยุดได้แล้ว ยิ่งพวกหนิงถอยทัพกันไปมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเข้าไปในเมืองมากขึ้นเท่านั้น จนทำให้มีแต่การสู้รบประชิด ที่ทำให้รู้ได้เลยว่าอีกไม่นานพวกหนิงจะต้องพ่ายอย่างแน่นอน !