บทที่ 295 : มาจากสิ่งที่ไม่รู้จัก
ค่ำคืนนี้ ทูตศักดิ์สิทธิ์โรเอลได้กลายมาเป็น ‘แสงแห่งความหวัง’ ของเหล่าสาวกผู้บูชามารดาแห่งเทพธิดา
เขาเป็นดั่งผู้กอบกู้ ตัวแทนที่มารดาแห่งเทพธิดาได้มอบให้กับเหล่าบุตรที่สิ้นหวังของท่าน อีกทั้งยังเป็นเพชฌฆาตผู้คอยตัดสินลงทัณฑ์ผู้ที่กล้าดูหมิ่นมารดาแห่งเทพธิดา
เหล่าสาวกของภาคีแห่งนักบุญต่างปลาบปลื้มและเอ่อล้นไปด้วยแรงใจ พวกเขาลงมือตอบโต้ศัตรูอย่างสุดความสามารถ การจู่โจมของพวกเขาได้ฉีกทหารชุดเกราะดำและร่างในชุดผ้าคลุมดำเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับเสียงกู่ร้องแห่งสงครามที่ดุเดือดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง
ข้าง ๆ โรเอลมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สาวกของที่นี่ พวกเขาประกาศตนเป็นองครักษ์ส่วนตัวของโรเอลให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องทูตศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพด้วยชีวิตของตน
แม้แต่แบรดลีย์เองก็ยังก้าวขึ้นไปบนหุ่นมนุษย์แมงป่องขนาดมหึมาของเขา เพื่อเป็นผู้นำทัพในแนวหน้า ด้วยรู้ดีว่านี่เป็นดั่งโอกาสสุดท้ายของเขาในการพลิกสถานการณ์แล้ว…!
“ท่านมารดาแห่งเทพธิดากำลังมองมาที่พวกเรา!”
เหล่าสาวกแห่งลัทธิชั่วร้ายคำรามอย่างฮึกเหิม ตรงพุ่งเข้าใส่ศัตรูโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตน ทำลายแนวป้องกันของภราดรภาพแห่งการกอบกู้อย่างไร้ความปราณี แม้ทหารของภราดรภาพจะเรียกร้องหากำลังเสริม แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร
…
“บ้าที่สุด! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่? ไอ้พวกลัทธินับถือมารดาแห่งเทพธิดาบ้าไปแล้วงั้นหรือ?!”
ที่สำนักงานใหญ่ของภราดรภาพแห่งการกอบกู้ อธิการซาร์โทนี่ผู้กำลังฟังรายงานของสาวกผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่กล่าวขึ้นด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้เหล่าสาวกของภาคีแห่งนักบุญล้วนจมอยู่ในความสิ้นหวัง ราวกับว่าพวกเขาจบสิ้นแล้ว ฝั่งภราดรภาพจึงคิดว่าขวัญกำลังใจของอีกฝ่ายน่าจะพังทลายลงจนหมดสิ้นในทันทีที่พวกเขาต้องถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์ประหลาดในเวลากลางคืน ทว่าเหล่าสาวกของภาคีแห่งนักบุญกลับสามารถต่อสู้โต้กลับเหล่าสัตว์ประหลาดไปได้อย่างดุเดือด ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งเสพยาขนานหนักมา…
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?
“ กองทหารสัตว์ประหลาดของพวกเราล่ะ? พวกมันตีฝ่าวงล้อมกองทัพสัตว์ประหลาดของ ภราดรภาพแห่งการกอบกู้ได้ยังไงกัน?!”
ซาร์โทนี่คำรามด้วยความโกรธ…
การที่ภาคีแห่งนักบุญสามารถเอาชนะกองทัพ ทหารเกราะดำและร่างที่สวมชุดดำทั้งหมดลงได้เกินกว่าจินตนาการของเขาไปมาก ซึ่งเหล่าสาวกต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของผู้นำ
“จากสิ่งที่เราได้ยินมา ดูเหมือนว่าทูตศักดิ์สิทธิ์ของภาคีแห่งนักบุญได้ออกมายังสนามรบ และแบ่งบันพรจากมารดาแห่งเทพธิดาให้แก่กองกำลังของภาคีขอรับ…”
“พูดอะไรบ้า ๆ น่า! พวกเราสังหารทูตศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ มันจะไปมีทูตอีกคนได้อย่างไร?!”
ซาร์โทนี่ขัดจังหวะสาวกผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเกรี้ยวกราด ท้ายที่สุดเขาจึงตัดสินใจลงไปยังสนามรบที่นั่นด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบสถานการณ์
แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่งซาร์โทนี่เข้าใกล้สนามรบมากขึ้นเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น เขาได้ยินเสียงกู่ร้องอันเร่าร้อน เสียงระเบิด และเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดดังมาจากทางด้านหน้าของเขา มันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าศัตรูกำลังพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่…
ซาร์โทนี่ไปยังที่สูงอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจดูภาพรวมของสนามรบ ทำให้สังเกตเห็นว่ามีฝูงชนจำนวนมากได้มารวมตัวกันกลางสนามรบ สร้างเกราะป้องกันสุญญากาศไว้รอบ ๆ เด็กหนุ่มผมดำ
เด็กหนุ่มผมดำคนนี้มีดวงตาสีทองส่องประกายราวกับแสงเทียนในความมืด แผ่คลื่นพลังเวทย์อันน่าพิศวงที่ทำให้เสียงสวดของเหล่าทหารชุดเกราะดำและร่างที่สวมชุดดำไร้ผล
ที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นก็คือฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาต่างก็เต็มไปด้วยแรงใจอันหึกเหิม ข้าง ๆ เขาคืออธิการแบรดลีย์และสาวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติชั้นยอดของภาคีแห่งนักบุญ ข้างหน้ามีหุ่นเชิดมนุษย์แมงป่องและนักรบนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว ตะโกนว่า ‘ในนามของมารดาแห่งเทพธิดาและทูตศักดิ์สิทธิ์!’
“บ้าที่สุด! นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? พวกเขามีทูตศักดิ์สิทธิ์สองคนงั้นเหรอ?!”
สีหน้าของซาร์โทนี่แย่ลงมากเมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มผมดำ คนเดียวที่เขาคิดว่าสามารถต้านทานเสียงสวดจากกองทหารสัตว์ประหลาดของภราดรภาพแห่งการกอบกู้และรวบรวมปลุกใจสาวกทั้งหมดได้ ก็คือ ทูตศักดิ์สิทธิ์ หากเด็กหนุ่มผมดำคนนั้นเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์จริง กลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้ของเขาก็คงจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำสงคราม…
อันที่จริงทูตศักดิ์สิทธิ์ของภาคีแห่งนักบุญไม่จำเป็นจะต้องแข็งแกร่งก็ได้ เพราะความแข็งแกร่งไม่ใช่ส่วนสำคัญสำหรับเกณฑ์การคัดเลือก นั่นก็เพราะทูตศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงแค่กุญแจสำคัญในการปลดผนึกไพ่ตายของภาคีแห่งนักบุญ ซึ่งผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขาในภราดรภาพได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘ต้องหลีกเลี่ยงให้ได้ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม’
ซาร์โทนี่จึงพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะติดตามตำแหน่งของทูตศักดิ์สิทธิ์และสังหารเขาลงซะ แต่ดูเหมือนว่าภาคีแห่งนักบุญเองก็ได้เตรียมมาตรการรับมือเอาไว้เช่นกัน และสามารถส่งทูตศักดิ์สิทธิ์อีกคนเข้ามาแทนได้…
เราต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้พวกผู้บริหารระดับสูงทราบโดยเร็วที่สุด!
ซาร์โทนีจ้องเขม็งไปที่โรเอลก่อนจะรีบออกจากแนวหน้าไป
…
แบรดลีย์รู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังอยู่ในความฝัน…
สองชั่วโมงต่อมา เมื่อดวงอาทิตย์กลับมาสู่ฟากฟ้า ในที่สุดทูตศักดิ์สิทธิ์ก็สั่งหยุดการโจมตี ตอนนี้ภาคีแห่งนักบุญสามารถยึดคืนพื้นที่เมืองฝั่งตะวันออกและบางส่วนของทางเหนือกลับมาได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการขยายอาณาเขตของพวกเขาถึงสองเท่าในคราวเดียว
นี่นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญเพียงครั้งเดียวที่ภาคีแห่งนักบุญมีนับตั้งแต่เกิดสงครามขึ้น ทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้มันยังช่วยแบรดลีย์ให้รอดพ้นจากหายนะที่เหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในทีแรก การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญและอิทธิพลของโรเอล ภายในภาคีแห่งนักบุญ สาขาเลนสเตอร์ได้อย่างชัดเจน
โรเอลมองดูฝูงชนที่กำลังตื่นเต้นเบื้องหน้าเขา พลางทบทวนเป้าหมายของตัวเอง
จนถึงตอนนี้ภารกิจแทรกซึมเข้ามาในภาคีนั้นประสบความสำเร็จ ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับตำแหน่งของโรเอลในฐานะทูตศักดิ์สิทธิ์ของภาคีแห่งนักบุญอีกต่อไป ทำให้ตอนนี้เขาสามารถสั่งเหล่าสาวกให้ทำตามคำสั่งของเขาได้
นอกจากนี้โรเอลยังประสบความสำเร็จในการปลุกปั่นความโกลาหลครั้งใหญ่และดึงความสนใจมาที่ตัวเอง ถ้าหากลิเลียนอยู่ในเมืองนี้ อีกไม่นานเธอก็จะรู้ตำแหน่งปัจจุบันของเขาและออกตามหาเขาได้ไม่ยาก…
ชัยชนะครั้งนี้น่าจะทำให้เหล่าผู้นำและกองทหารที่ประจำการอยู่ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ารู้สึกสนใจภาคีแห่งนักบุญ ภายใต้สถานการณ์ปกติมันไม่มีทางเลยที่ผู้นำของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า จะร่วมมือกับภาคีแห่งนักบุญ แต่ชัยชนะเหนือภราดรภาพแห่งการกอบกู้ในครั้งนี้ น่าจะทำให้พวกเขามีอำนาจพอที่จะต่อรองร่วมมือกันได้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี โรเอลอาจจะมีโอกาสได้เจอกับ ‘นักวิชาการ’ ในยุคนี้
ที่แย่ก็คือ ภาคีแห่งนักบุญ สูญเสียไปมากในการต่อสู้อันดุเดือดนี้ แม้ว่าคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎของ โรเอลจะทำให้เหล่าสาวกสามารถต้านทานเสียงสวดของเหล่าสัตว์ประหลาดได้ แต่ทหารในชุดเกราะดำและร่างที่สวมชุดผ้าคลุมดำก็ยังคงเป็นศัตรูตัวฉกาจอยู่ดี…
มีเพียงขวัญกำลังใจอันล้นหลาม และภาระหน้าที่ของเหล่าสาวกเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะในครั้งนี้
โรเอล รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ที่จะชักนำสาวกเหล่านี้ไปสู่ความตาย แต่นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้สำหรับพวกเขา และพวกเขาทั้งหมดเองก็ล้วนเป็นผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขายังพร้อมที่จะตายเสียด้วย…!
“เหล่าผู้ที่ยืนหยัดในความศรัทธาอันแน่วแน่ เพื่อปกป้องเกียรติของมารดาแห่งเทพธิดาจวบจนสิ้นลมหายใจ พวกเขาเหล่านั้นได้หวนคืนสู่อ้อมกอดของมารดาแห่งเทพธิดาแล้ว!”
โรเอลมองไปยังกองศพที่อยู่ข้างหน้าเขาและกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เหล่าสาวกแห่งลัทธิชั่วร้ายก็แสดงสีหน้าร้อนรนราวกับว่าพวกเขาอยากจะตายในการต่อสู้เมื่อวานนี้
นี่ทำให้โรเอลสงสัยว่าสมองของพวกเขาทำงานยังไงกันแน่ แต่เขาก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าบางคำตอบไม่รู้เลยน่าจะดีกว่า ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ และกวักมือเรียกแบรดลีย์
“ท่านทูตศักดิ์สิทธิ์ ท่านต้องการสิ่งใดจากผู้ต่ำต้อยคนนี้ขอรับ?”
ทัศนคติของแบรดลีย์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังการต่อสู้ ทันทีที่เขาเห็นการกวักมือเรียกของโรเอล เขาก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าประจบสอพลอ ราวกับว่าเขาถูกยกยอด้วยความสนใจ
ดังนั้นโรเอลจึงใช้น้ำเสียงที่เป็นกันเองมากขึ้นกับเขา…
“บอกข้าเกี่ยวกับสถานการณ์ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าทีสิ มีใครจากสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำอยู่ที่นั่นไหม?”
“ มีอยู่สองคนขอรับ! ‘นักวิชาการ’ แอสตริด และ ‘ผู้พิทักษ์’ แอนโตนิโอ พวกเขาน่าจะกำลังรอกำลังเสริมจากทางชายแดนกลับมาอยู่ขอรับ!”
‘ผู้พิทักษ์’ แอนโตนิโอ?
โรเอลรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินชื่อนั้นเพราะมันทำให้เขานึกถึงอาจารย์ใหญ่ผมหงอกของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ความคิดของตนปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าแต่อย่างใด
“เข้าใจแล้ว…”
โรเอลพูดพลางพยักหน้าครุ่นคิด
“แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนของสมัชชา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเรามีศัตรูร่วมกัน รีบหาวิธีติดต่อกับพวกเขาซะ พวกเราจะไปเจรจาหาข้อตกลงกัน…”
ดวงตาของแบรดลีย์ค่อยๆ สว่างขึ้นขณะที่เขาตอบยืนยัน
…
อีกด้านหนึ่งในเขตเมืองทางตอนใต้ของเลนสเตอร์
มีตรอกแคบ ๆ แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยซากศพและกลิ่นเหม็นของเลือด แต่ทว่าเหล่าสาวกของภราดรภาพแห่งการกอบกู้กลับต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากแห่งโศกนาฏกรรมนี้ เพราะคนที่เสียชีวิตนั้นไม่ใช่พลเมืองธรรมดา ๆ แต่เป็นเหล่าทหารสัตว์ประหลาดในชุดเกราะดำ
“ป…เป็นไปได้ยังไง? พวกมันน่าจะอาละวาดทันทีที่มีสิ่งมีชีวิตเข้ามาใกล้ ๆ ไม่ใช่หรือ?”
สาวกผู้หวาดกลัวคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงสั่นๆ
ยิ่งเหล่าสาวกเดินลึกลงไปจำนวนศพที่อยู่รอบ ๆ ก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนน่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งพันศพนอนอยู่รอบ ๆ ตัวของพวกเขา!
ในที่สุดที่ปลายสุดของตรอก พวกเขาก็ได้พบกับผู้รอดชีวิตที่เป็นมนุษย์
“มีผู้รอดชีวิตอยู่คนนึงตรงนี้! ไม่ผิดแน่เขาเป็นหนึ่งในพวกเรา!”
“ว่าไงนะ! เกิดอะไรขึ้น?”
“ผู้หญิงผมดำ… มนุษย์ทุกคน มนุษย์ทุกคน ! ฮ่า ๆๆๆ…”
ผู้รอดชีวิตที่เป็นมนุษย์รู้สึกบอบช้ำมากจนร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ และคำพูดของเขาก็ฟังไม่ได้ศัพท์จับใจความไม่ได้ เขาอธิบายได้เพียงครึ่งทาง ก่อนจะโพล่งเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งออกมา ปล่อยให้สาวกคนอื่น ๆ สับสนงุนงงในพฤติกรรมตีโพยตีพายของเขา
ขณะเดียวกัน บนถนนที่อยู่ห่างจากตรอกไปได้ไม่ไกล เด็กสาวผมดำคนหนึ่งกำลังเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่มืดหม่น ครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อมูลที่เธอรวบรวมมาได้เมื่อคืนนี้…
“โรเอล เธออยู่ที่ไหนกันแน่…?”