บทที่ 280 องค์รัชทายาทเผ่ามังกรทะเลเหนือ สามอัจฉริยะปะทะเซ่าเสวียน (1)
รถศึกมังกรดำแล่นเข้ามาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ช้าๆ
รถศึกเป็นทรงสี่เหลี่ยม โดยรอบแกะสลักตราเวทลึกลับไว้
มีภาพวิหคทองทะยานฟ้าวนเวียน แผ่พลานุภาพยิ่งใหญ่
และที่ไม่ธรรมดากว่านั้นคือ รถศึกทองคำนี้มีมังกรน้ำสีดำหกตัวลาก
ระดับพลังของมังกรน้ำทุกตัวน่าสะพรึงมาก มากพอจะปะทะกับผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณเผ่ามนุษย์
ตรงหัวมังกรน้ำดำสองตัวที่อยู่ข้างหน้ามีเขาที่สอง ถือว่าเป็นมังกรดำที่แท้จริง!
พรสวรรค์สายเลือดเผ่ามังกรพวกมันแกร่งเหนือกว่ามังกรน้ำสี่ตัวที่เหลือไปไกล และระดับพลังของมันก็เทียบเท่ากับจุดสูงสุดดวงจิตดรุณ!
มังกรดำหกตัวลากรถ!
ความหรูหราเช่นนี้เรียกได้ว่าวางอำนาจใหญ่โต ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ก็แทบจะไม่มี
ตอนนี้บนรถมีคนยืนอยู่สองคน หนึ่งในนั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนที่สวมเกราะนักรบมังกรดำ มือถือง้าวมังกรสวรรค์ อีกคนกลับเป็นเด็กชายเยาว์วัยอายุเพียงห้าหกขวบ
เด็กชายหน้าตาน่ารักมาก ใบหน้าตุ้ยนุ้ยทำให้คนอยากเข้าไปบีบเล่น
สิ่งที่ควรค่าเอ่ยถึงคือเหนือศีรษะเด็กชายคนนี้มีเขามังกรเล็กสีดำเยาว์วัยงอกออกมาคู่หนึ่ง
เขาเล็กๆ นั้นเปล่งแสงสีดำสว่าง แผ่อำนาจผู้สูงส่งบางๆ ทำให้คนใจสั่นไหว
ไม่มีใครกล้าดูถูกเพราะอายุของเด็กชาย เพราะในบางด้าน เขาดูมีฐานะเหนือยิ่งกว่าฉีเซ่าเสวียน
เพราะเขาคือองค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดแห่งเกาะมังกรดำทะเลเหนือ…เอ๋าอู
………….
อย่ามองว่าเอ๋าอูเป็นเพียงองค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดของทะเลเหนือ ก็คิดว่าฐานะเขาเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้
ความจริงแล้วตรงกันข้าม กฎการสืบทอดของเผ่าปีศาจต่างกับแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์อย่างสิ้นเชิง ไม่ได้เลือกบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ ร้อยปี
ยิ่งเป็นเผ่าปีศาจที่มีพรสวรรค์สายเลือดแข็งแกร่งและมีระดับพลังน่าตกใจมากเท่าไร ก็ยิ่งให้กำเนิดชนรุ่นหลังได้ยากมากเท่านั้น บางครั้งก็อาจจะต้องพยายามหลายร้อยปีกว่าจะให้กำเนิดบุตรได้หนึ่งคน
บิดาของเอ๋าอูเป็นราชามังกรดำรุ่นปัจจุบันของเกาะมังกรดำ ระดับพลังของเขา มองไปทั้งห้าดินแดนถือว่าอยู่ในผู้แข็งแกร่งสูงสุด
เขาพยายามมาห้าพันปีก็มีทายาทแค่เจ็ดคน ในนั้นเอ๋าอูอายุน้อยสุด
เป็นบุตรคนชราอย่างไม่ต้องละอายใจ~
อีกทั้งในเจ็ดทายาทของราชามังกรดำ เอ๋าอูยังมีสายเลือดมังกรดำระดับแปดที่บริสุทธิ์มากที่สุด พรสวรรค์สะท้านโลก
เทียบกับโอรสสวรรค์เผ่ามังกรทั้งหมดในหมื่นปีมานี้ของเกาะมังกรดำทะเลเหนือแล้ว สายเลือดและพรสวรรค์ของเอ๋าอูอยู่ห้าอันดับแรก เติบโตเต็มวัยก็อยู่จุดสูงสุดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์
หากพยายามฝึกบำเพ็ญอีกหน่อย ฐานะผู้อริยะก็เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา อีกทั้งกำลังรบและศักยภาพแฝงยังเหนือกว่าผู้อริยะปกติ
ถ้าแต่งเกินจริงไปหน่อยก็คือมีคุณสมบัติของจักรพรรดิมังกร!
กล่าวได้ว่าหากวางไว้ในห้าดินแดน องค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดเอ๋าอูถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในโอรสสวรรค์รุ่นเดียวกัน
ถ้าวัดกันจริงๆ พรสวรรค์ ฐานะและเบื้องหลังไม่ด้อยไปกว่าฉีเซ่าเสวียนเลย หากวัดกันที่เบื้องหลัง กระทั่งแข็งยิ่งกว่าฉีเซ่าเสวียน!
อย่างอื่นไม่ว่า ถ้าใครกล้ารังแกเอ๋าอู ก็ไม่ต้องให้ราชามังกรดำทะเลเหนือลงมือ ลำพังแค่พี่ชายพี่สาวหกคนของเขาก็ทุบตีจนอีกฝ่ายสงสัยในชีวิตได้
ถึงอย่างไรก็เป็นเจ้าปกครองทะเลเหนือ ทุกคนต่างรู้อำนาจของเผ่ามังกรดำ ในองค์รัชทายาทสี่ท่านและองค์หญิงสามท่าน ไม่ได้มีผู้อริยะแค่ผู้เดียวแน่
เอ๋าอูเป็นเนื้อหัวใจของเหล่าพี่ชายพี่สาว ย่อมให้พวกพี่ชายพี่สาวช่วยรุมกระทืบคนอื่นได้ แม้แต่รถศึกมังกรดำของฉีเซ่าเสวียน องค์รัชทายาทใหญ่เผ่ามังกรยังเป็นคนให้เอ๋าอู
เพียงแต่ปกติเอ๋าอูจะขี้เกียจไปข้างนอก เลยให้ฉีเซ่าเสวียนยืมใช้
…….
แม้ฉีเซ่าเสวียนจะมีดวงชะตาน่าตกใจ แต่โชคลิขิตที่ใหญ่ที่สุดที่เจอมาในยี่สิบกว่าปีนี้ ความจริงแล้วไม่ใช่คัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะที่เปิดได้จากหินแร่วิญญาณ
แต่เป็นตอนเยาว์วัยตามอาจารย์เดินทางไปหาสมุนไพรที่ทะเลเหนือ ปรากฏว่าบังเอิญไปเจอองค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดเอ๋าอูและได้เป็นสหายกัน
ตั้งแต่สองคนทำสัญญาเทพมังกรกัน ฉีเซ่าเสวียนก็ได้รับการสนับสนุนสูงสุดจากเกาะมังกรดำ เรื่องผลประโยชน์คงไม่ต้องพูดถึง
หากไม่เช่นนั้น ถึงฉีเซ่าเสวียนจะมีพรสวรรค์น่าตกใจ ก็คงรวมแก่นพลังทองสิบรอบไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น อย่างน้อยต้องขัดเกลาและตกตะกอนในระดับแก่นพลังทองหลายปีกว่าจะสำเร็จ
ถึงอย่างไรการอาศัยเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็ยังมีกำลังแฝงไม่ค่อยเพียงพอ
“พี่เซ่าเสวียน โอรสสวรรค์หนุ่มของดินแดนบูรพาพวกท่านอ่อนแอมาก! ไม่มีแข็งแกร่งกว่านี้หน่อยรึ”
บนรถศึกมังกรดำ องค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดเอ๋าอูบิดเอวขี้เกียจ พูดอย่างเบื่อหน่าย “ดูท่านทุบตีพวกเขา น่าเบื่อชะมัด”
แม้เอ๋าอูจะดูอายุเพียงห้าหกขวบ แต่เพราะเผ่ามังกรเติบโตช้ากว่าเผ่ามนุษย์ ความจริงแล้วเขาไม่ได้อายุน้อยกว่าฉีเซ่าเสวียนเลย
หากนับรวมเวลาฟักตัวในไข่ เอ๋าอูยังอายุมากกว่าฉีเซ่าเสวียนด้วยซ้ำ
แน่นอน เผ่ามังกรมีสติปัญญาเติบโตช้ากว่าเผ่ามนุษย์เช่นกัน ดังนั้นเวลาอยู่กับฉีเซ่าเสวียน เอ๋าอูจะเป็นฝ่ายได้รับการดูแลมากกว่า
ฉีเซ่าเสวียนลูบศีรษะเอ๋าอู พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอรสสวรรค์รุ่นนี้ของดินแดนบูรพาไม่มีใครเก่งสักคนจริงๆ มีแค่นักบวชขู่ตัวนั่นที่ต้านข้าได้สิบสองกระบวนท่า
ตอนนี้หลังจากแซ่ฉีเอาชนะสี่อัจฉริยะแห่งเทพสวรรค์แล้วจะไปท้าสู้กับแดนทวีปกลาง เล่าลือว่าในแดนทวีปกลางยุคนี้มีอัจฉริยะที่สุดของโลกอยู่ไม่น้อย หวังว่าพวกเขาจะสร้างแรงกดดันและทำให้แซ่ฉีสนุกขึ้นมาบ้าง อย่าอ่อนแอเกินไปเลย”
ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์ มีสีหน้ามั่นใจอย่างยิ่ง
เขารู้สึกได้ถึงพลังจิตที่เพ่งมองมาจากมวลอากาศรอบตัว เสพสุขกับความรู้สึกนี้
“อำนาจไร้พ่ายก่อเป็นรูปร่างแล้ว วันนี้จะขอเอาชนะสี่คนเพื่อยืนยันวิถีไร้พ่ายของข้า เสิ่นเทียน ฟางฉาง จางอวิ๋นถิง จางอวิ๋นซี อยู่หรือไม่”
เสียงตะโกนดังขึ้น ฉีเซ่าเสวียนส่งกำลังรถศึกมังกรดำพุ่งไปยังยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างครึกโครม
…….
อีกด้านหนึ่ง ฟางฉาง จางอวิ๋นถิง และจางอวิ๋นซีก็นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์มาหลายวันแล้ว
เมื่อสามวันก่อนที่ได้รับสารท้ารบจากฉีเซ่าเสวียน เจ้าคนอารมณ์ร้อนอย่างฟางฉางโมโหทันที แบกทวนมังกรเพลิงแดงจะไปฆ่าฉีเซ่าเสวียน
ดีที่จางอวิ๋นถิงขวางเขาไว้ ถึงไม่ให้ส่งเขาไปตายก่อน
จางอวิ๋นถิงรู้ดีว่าหลังจากแก่นพลังทองรอบเจ็ดขึ้นไปแล้ว การทะลวงทุกรอบจะเพิ่มกำลังรบมากเพียงใด
ฟางฉางในตอนนี้เป็นคนเดียวในสามอัจฉริยะเทพสวรรค์ที่ทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบ มากพอจะเอาชนะจางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีอย่างสบายๆ
ต่อให้สองพี่น้องร่วมมือกันก็ทำได้แค่เสมอกับฟางฉาง กดดันได้ครึ่งหนึ่ง
แก่นพลังทองสิบรอบคือการข้ามขีดจำกัดแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับฉีเซ่าเสวียนที่มีแก่นพลังทองสิบรอบ จึงประมาทไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนกำลังปิดด่านบำเพ็ญ จะให้แดนศักดิ์สิทธิ์ถูกหยามเกียรติไม่ได้ง่ายๆ ต่อให้ต้องสู้จนนองเลือดก็จะไม่ยอมให้ฉีเซ่าเสวียนมาเหยียบแดนศักดิ์สิทธิ์แสดงอำนาจเด็ดขาด
หลายวันมานี้ สามคนนั่งขัดสมาธิฝึกวิชาการโจมตีประสานใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ขณะเดียวกันยังพยายามฝึกวิชาลับเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์
ตอนนี้ในกายสามคนสั่งสมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าไว้มากพอแล้ว แม้จะใช้ได้ครั้งเดียว แต่ก็มากพอจะให้สามคนสู้จบได้ครั้งหนึ่ง ไม่มีแรงกดดันใดๆ แม้แต่น้อย
ตอนนี้เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว จิตต่อสู้ในกายสามคนก็เดือดพล่านขึ้นมา
มาแล้ว!
“เสิ่นเทียน ฟางฉาง จางอวิ๋นถิง จางอวิ๋นซี อยู่หรือไม่!”
คำพูดมีอำนาจโน้มน้าวมาพร้อมกับความบ้าอำนาจไร้พ่าย ชายหนุ่มในชุดเกราะนักรบมังกรดำยืนอยู่บนรถศึกอย่างโอหัง
เขามองต่ำลงมายังชายหญิงสามคนใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เผยรอยยิ้มเยาะเล็กน้อย ก่อนจะกระโดดลงจากรถศึกอย่างฉับพลัน พุ่งตรงเข้ามา
“มีพวกเจ้าแค่สามคนรึ เสิ่นเทียนล่ะ ไม่ใช่กลัวถูกอัดจนไม่กล้าออกมาหรอกนะ!”
คำพูดว่าร้ายของฉีเซ่าเสวียนทำให้ฟางฉางดวงตาแทบปริแตก
“ฉีเซ่าเสวียน อย่างเจ้าคู่ควรจะท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายข้ารึ อยากท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องผ่านด่านแซ่ฟางให้ได้ก่อน!”
เมื่อเอ่ยจบ ทวนมังกรเพลิงแดงในมือฟางฉางเหมือนคืนชีพขึ้นมา มันพ่นเปลวไฟกลายเป็นมังกรเพลิงยาวหลายจั้งโอบล้อมข้างกายฟางฉาง
ปรากฏการณ์มายากิเลนและปักษาชาดข้างหลังฟางฉางสมจริงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งยังขยับประกายสายฟ้าสว่างจ้า
กระทั่งนอกจากปรากฏการณ์สองอย่างนี้แล้ว ยังเห็นปรากฏการณ์มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว และเต่าดำรางๆ เพียงแต่เทียบกันแล้วเบาบางกว่า
นี่ก็เป็นเพราะหลังจากฟางฉางหลอมรวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าแล้วยกระดับความเข้าใจในอัสนีเทพมังกรเขียวธาตุไม้ลำดับหนึ่งกับอัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ดขึ้นไปอีกขั้น
ประกอบกับสามวันนี้ ฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีฝึกฝนค่ายกลโจมตีประสาน ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนความรู้วิชาสายฟ้ากัน ดังนั้นความชำนาญในด้านวิชาอัสนีของสามคนจึงเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ดินเกิดทอง ทองเกิดน้ำ น้ำเกิดไม้ ไม้เกิดไฟ ไฟเกิดดิน วนเวียนเป็นวัฏจักร
แม้ปากจะพูดไม่แยแสฉีเซ่าเสวียน แต่ตัวของฟางฉางกลับซื่อตรงมาก…ระมัดระวังมาก
เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันรุนแรงที่แผ่มาจากตัวฉีเซ่าเสวียน คนนี้มีพลังไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
เมื่อออกมือ เขาก็ระเบิดศักยภาพทั้งหมด ไม่มีกักพลังไว้เลย
…..
อัสนีเทพกำเนิดฟ้าสว่างพร่างพรายปกคลุมทั่วตัวฟางฉาง ราวกับสวมชุดเกราะทองคำให้เขา
ภายใต้การเสริมด้วยอัสนีเทพกำเนิดฟ้า ความเร็วและพลังโจมตีของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล กระทั่งการโจมตียังแฝงไว้ด้วยผลทำให้เป็นเหน็บชารุนแรง
ทุกทวนที่แทงออกไป มังกรเทพเปลวไฟสีแดงจะห่อหุ้มด้วยสายฟ้าสีทอง องอาจและยิ่งใหญ่มาก
“โอ้ว คู่ต่อสู้ที่พี่เซ่าเสวียนเจอครั้งนี้แกร่งมาก”
บนรถศึกมังกรดำ เด็กชายมังกรดำรีบหยิบม้านั่งกับเมล็ดแตงออกมาจากแหวนเก็บของ
เขาเอาศีรษะพาดไว้ตรงขอบรถศึก กะเทาะเมล็ดแตงไปพลาง ชมการต่อสู้อย่างออกรสไปพลาง “ไม่รู้ว่าจะต้านพี่เซ่าเสวียนได้กี่กระบวนท่า”
ไม่ใช่แค่เอ๋าอูคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้คนที่ชมการต่อสู้ของฟางฉางกับฉีเซ่าเสวียนทั้งทางตรงและทางอ้อมมีนับไม่ถ้วน
ในนั้นมีหลายคนที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การต่อสู้ของฟางฉางกับฉีเซ่าเสวียนตัดสินว่าต่อไปพวกเขาจะกินเนื้อหรือกินเจ
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง นี่คิดจะอาศัยจังหวะที่พวกเขายังไม่ร่วมมือกันทำให้หมอบไปคนหนึ่งก่อน คนที่เหลือก็จัดการง่ายแล้วล่ะสิ!”
“เจ้าฟางฉางทำให้ข้าโมโหจริงๆ เขาก็บอกอยู่ว่าจะสู้กับสี่คน เจ้าจะพุ่งไปเพื่ออะไร เจ้าจะสู้ไหวรึ”
“เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงไม่มาล่ะ หรือเขากลัวบารมีของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจริงๆ คิดจะซ่อนหลังสามอัจฉริยะเทพสวรรค์ไม่ออกมือรึ”
“ดูเร็วๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงลงมือแล้ว! บ้าเอ๊ย นี่มันบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง ‘ไอม่วงบูรพาสามหมื่นลี้’ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฝึกสำเร็จแล้ว!”
“ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แย่แล้ว”
……
ฟางฉางออกมืดสุดกำลัง นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกกดดันนิดๆ อย่างพบเห็นได้ยาก
ดังนั้นตอนเผชิญหน้ากับฟางฉาง เขาจึงไม่ได้ทำแบบขอไปทีเหมือนบุตรศักดิ์สิทธิ์คนอื่น แต่เริ่มสู้เต็มที่จริงๆ
ก่อนจะพบว่ามีไอม่วงไม่มีสิ้นสุดหลั่งไหลอยู่ข้างหลังเขา เสริมความองอาจเป็นหนึ่งของเขา และยังทำให้เกราะนักรบมังกรดำดูสง่างามยิ่งกว่าเดิม
แม้จะไม่ได้เกินจริงอย่างนามสามหมื่นลี้ แต่มหาศาลสามหมื่นจั้งก็ยังดูยิ่งใหญ่
แข็งแกร่งไม่แข็งแกร่งเป็นเรื่องของหนึ่งช่วงเวลา หล่อไม่หล่อเป็นเรื่องของหนึ่งภพชาติ
จะชนะ ก็ต้องชนะให้สวยงามยิ่งกว่า!
บึ้ม~
ทวนมังกรเพลิงแดงกับง้าวมังกรสวรรค์ปะทะกันอย่างรุนแรง มังกรแดงกับมังกรดำชนกันกลางอากาศ
พริบตาเดียว มวลอากาศตรงจุดที่ทวนกับง้าวปะทะกันก็พังลง เกิดเป็นรอยแยกมิติหลายรอย ทำให้คนตื่นตกใจ
สายฟ้าสีทองกับไอม่วงจากบูรพากินพื้นที่ไปครึ่งฟ้า อำนาจยิ่งใหญ่กวาดล้างลงมา ทำให้ผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณจำนวนมากแอบตัวสั่น
นะ…นี่คือกำลังรบที่ออกมาจากระดับแก่นพลังทองจริงๆ รึ
ถ้าเป็นพวกเขาเข้าไป เดาว่าคงถูกสังหารในพริบตา
คนหนุ่มสมัยนี้น่ากลัวจริงๆ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายฟ้าสีทองที่กระจายมาจากง้าวมังกรสวรรค์รวมถึงความรู้สึกชาที่กระจายไปทั่วร่างตนไม่หยุดแล้ว ฉีเซ่าเสวียนก็เผยรอยยิ้มพอใจ
“สารภาพตามตรง ฟางฉางเจ้าทำให้แซ่ฉีตกใจแล้ว อันดับสามในรายนามแก่นพลังทองอย่างเจ้ากลับแกร่งกว่านักบวชขู่ตัวในอันดับสองอีก
นี่ดีมาก ตอนนี้เจ้าไม่อ่อนแอกว่าข้าตอนแก่นพลังทองเก้ารอบแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ ยังไม่พอเลย ให้จางอวิ๋นถิงกับจางอวิ๋นซีมาสู้ด้วยเถอะ! แซ่ฉีไร้พ่ายมานานมาก หวังว่าพวกเจ้าสามคนร่วมมือกันจะสร้างแรงกดดันให้ข้าบ้าง”
เมื่อเอ่ยจบ ไอม่วงข้างหลังฉีเซ่าเสวียนพลันปะทุขึ้น
ง้าวมังกรสวรรค์สั่นสะเทือนมวลอากาศ ก่อนกวาดเข้ามายังฟางฉาง ไอทวนมังกรเพลิงระเบิดกระจายทันที
“ง้าวมังกรแปดรกร้าง…เมฆมังกรสะท้านฟ้า!”
ฉีเซ่าเสวียนตะโกนเสียงดัง ง้าวมังกรสวรรค์ในมือกลายเป็นเงาง้าวไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเขากวัดแกว่งง้าวมังกรในมือ ไอม่วงหมื่นจั้งนั้นก็เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ไม่นานไอม่วงหมื่นจั้งรวมเป็นมังกรเทพไอม่วงยาวร้อยจั้งตัวหนึ่ง ทุกเกล็ดสมจริงดังมีชีวิต แผ่อำนาจมังกรรุนแรง
แม้จะลดขนาดลงมาหลายร้อยเท่า แต่อำนาจที่แผ่มาจากมังกรเทพตัวนี้กลับรุนแรงยิ่งกว่าก่อน
กรรซ~
เสียงร้องมังกรสั่นสะท้านฟ้า ฉีเซ่าเสวียนกระโดดขึ้นมาหลอมรวมกันมังกรไอม่วงเป็นหนึ่ง ก่อนจะโจมตีใส่ฟางฉางด้วยพลังที่ไม่อาจต่อต้านได้
หนึ่งกระบวนท่า
สองกระบวนท่า
สามกระบวนท่า
…..
เจ็ดกระบวนท่า
แปดกระบวนท่า
มังกรเทพยักษ์เกิดการเปรียบเทียบกับฟางฉางอย่างชัดเจนยิ่ง ทุกการโจมตีของกรงเล็บมังกรทำให้ง่ามนิ้วของฟางฉางสั่นไหวอย่างรุนแรง
โลหิตสีทองอ่อนไหลมาจากง่ามนิ้วฟางฉางทีละหยด
บึ้ม~!
กรงเล็บมังกรปะทะกับทวนมังกรเพลิงแดง กดฟางฉางลงกับพื้น พลันเกิดฝุ่นควันคละคลุ้งขึ้น
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
จางอวิ๋นถิงมีแววตากังวล เดิมทีตามแผนของสามคนแล้ว จะให้ฟางฉางสู้กับฉีเซ่าเสวียนเพื่อหยั่งเชิงก่อน หากฟางฉางเอาชนะฉีเซ่าเสวียนไม่ได้จริงๆ จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีค่อยออกมือช่วย แบบนี้จะถ่วงเวลาให้เสิ่นเทียนได้มากกว่าหน่อย
แต่พวกเขาไม่นึกเลยว่าศักยภาพของฟางฉางจะไปกระตุ้นจิตต่อสู้ของฉีเซ่าเสวียนทั้งหมด
ตอนนี้ต้านไม่ถึงสิบกระบวนท่า พวกเขายังอยู่ในช่วงหยั่งเชิงอยู่แท้ๆ แต่ฉีเซ่าเสวียนกลับเอาจริงเต็มที่แล้ว
ทุกคนรู้ว่าไอม่วงจากบูรพาสามหมื่นลี้เป็นกระบวนท่าสังหารต้องห้ามของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง และง้าวมังกรแปดรกร้างก็เป็นวิชาสะท้านโลกของเกาะมังกรดำทะเลเหนือ
ไม่มีใครคาดคิดว่าฉีเซ่าเสวียนจะมีพรสวรรค์เช่นนี้ ผสมผสานวิชาจากสองคัมภีร์จักรพรรดิได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง รับมือยากจริงๆ!
ฉีเซ่าเสวียนเอามือไพล่หลังยืนอยู่บนหัวมังกรม่วง ราวกับราชาเซียนมาเยือน ทำให้คนมากมายเลื่อมใส
เขาถอนหายใจว่า “ข้ายอมรับว่าเจ้าแกร่งมาก ในยุคนี้หากไม่มีแซ่ฉี ยอดโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาต้องเป็นเจ้าแน่นอน น่าเสียดายที่พลังแค่นี้ยังไม่พอจะเทียบกับแซ่ฉี จางอวิ๋นถิงจางอวิ๋นซี พวกเจ้ามัวรออะไรอีก
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลัวตายซ่อนหัวโผล่แต่หาง นั่นก็ไม่เป็นไร ขอแค่พวกเจ้าสามคนร่วมมือกันต้านแซ่ฉีได้ร้อยกระบวนท่าก็ถือว่าแซ่ฉีแพ้ ว่าอย่างไร”
ฉีเซ่าเสวียนในตอนนี้โอหัง บ้าอำนาจ ขณะเดียวกันยังเปล่งแสงหมื่นจั้ง ไร้พ่ายในยุคนี้
…………………