ทุกครั้งที่เสี่ยวเชี่ยนได้จดหมายจากเสี่ยวเฉียงจะหนามาก เพราะเขาสะสมรวมเข้าทุกวัน
“ตอนนั้นผมไปฝึกข้างนอก ไม่มีกระดาษกับปากกา เลยต้องหาวิธี”
นอกจากอันที่เป็นกระดาษทิชชู่แล้ว เสี่ยวเฉียงยังเคยเอาใบไม้มาทำเป็นรูปหัวใจเพื่อแสดงออกว่าเขาคิดถึงเสียวเหม่ย ตอนที่เขาไปทำหน้าที่มือสไนเปอร์มักจะต้องเขาไปในภูเขาบ่อยๆ ถ้ามีเวลาพักผ่อนเพียงน้อยนิดเขาก็จะเอาเวลาไปประดิษฐ์ใบไม้
“คุณพระช่วย นี่มันเวอร์มาก…” ไม่ใช่แค่หลิวเหมย ขนาดสุ่ยเซียนยังรู้สึก นึกไม่ถึงว่าคนมาดเข้มอย่างอวี๋หมิงหลางจะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้ด้วย
มิน่าล่ะเขาถึงเอาประธานเชี่ยนที่แสนห้าวจนอยู่หมัด—หรือจะเรียกว่าเขาโดนเอาจนอยู่หมัดก็ได้
“ก็เพราะงานยุ่งมากถึงต้องคอยหาวิธีเตือนตัวเองอย่าลืมว่ามีคนรอเรากลับไปหาที่บ้าน บางครั้งก็ไม่ได้จงใจทำหรอก แต่มันชินไปแล้ว ตอนแรกที่ทำก็คิดเอาง่ายๆว่า พี่รู้ว่าพี่สะใภ้เธอเป็นคนเก่ง ต้องมีคนมาตามจีบเยอะแน่นอน พี่ก็แค่อยากให้เขาคิดถึงพี่ให้มากๆ”
อวี๋หมิงหลางเหล่มองอาเหม็ด สายตาของผู้ชายคนนี้ที่มองเมียเขาดูแปลกไป ก่อนหน้านี้สายตาอาเหม็ดที่มองเสี่ยวเชี่ยนเหมือนมองคนแปลกหน้าทั่วไป เขาสงสัยในตัวเสี่ยวเชี่ยน ลอบสังเกตเสี่ยวเชี่ยน แต่สังเกตไปสังเกตมากลับถูกเธอดึงดูดสายตาเข้าให้แล้ว
อวี๋หมิงหลางไม่แปลกใจเลยสักนิดที่มีผู้ชายมาหลงเสน่ห์เมียเขาอีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียสเปคแบบนี้ก็ที่หนึ่งในหล้า—ที่หนึ่งในใจเขา ไอคิวสูงชนิดที่เหนือใครในปฐพี—อย่างน้อยก็ในใจเขา อย่างไรเสียผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ถ้าผู้ชายหัวใจยังว่างและไม่ได้ตาบอด เห็นแล้วก็ต้องชอบเป็นธรรมดา
ทำอย่างไรถึงจะสลัดพวกที่ไล่ตามจีบเธอได้ ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะเป็นแฟนเธอแล้ว เสี่ยวเฉียงเองก็รู้ว่าเขาอยู่ห่างจากเธอมาก ถ้าเกิดรักแท้แพ้ทางให้คนอื่นล่ะจะทำไง
ดังนั้นเขาจึงได้คิดหาวิธีทำให้ตัวเองมีตัวตนอยู่เสมอ
ความจริงก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทำสำเร็จ เสี่ยวเชี่ยนเริ่มตั้งแต่หลบหน้าเขาจนตอนนี้ชอบเขาจากใจจริง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลมาจากการที่เขาค่อยๆทำให้เธอประทับใจทีละนิดสะสมมาเรื่อยๆ
“ต่อมาความสัมพันธ์ของพวกนายมั่นคงแล้วก็ยังทำแบบนี้ต่อไหม” สุ่ยเซียนถามอวี๋หมิงหลาง แต่ในใจกลับคิดถึงจูขี้บ่น จูขี้บ่นไม่ได้โรแมนติกแบบอวี๋หมิงหลาง แต่ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะเอาใบไม้ของที่นั่นมาสตาฟให้เธอ—ทำไมคล้ายกับอวี๋หมิงหลางเลย
เธอไม่มีทางรู้หรอกว่า อวี๋หมิงหลางที่จีบสาวสำเร็จมักจะเปิดคอร์สแบ่งปันประสบการณ์เรื่องที่เขา ‘ประสบความสำเร็จ’ ในการจีบหญิงให้กับพี่น้องทหารในค่ายบ่อยๆ จูขี้บ่นเลยรับอิทธิพลมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“เขาทำจนชินแล้ว ความเคยชินที่ทำติดต่อกัน21วัน ต่อไปก็จะติดเป็นนิสัยไปตลอด ตอนนี้ถ้าเธอไม่ให้เขาทำ เขาจะไม่ชินด้วยซ้ำ” เสี่ยวเชี่ยนตอบคำถามนี้แทนอวี๋หมิงหลาง
ไม่ใช่แค่เขาที่ชินแล้ว เธอเองก็ชินด้วย อีกไม่นานก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ต้องวันๆนั่งเขียนจดหมายหรือคอยโทรหา แต่เธอเชื่อว่าอวี๋หมิงหลางต้องมีลูกไม้ใหม่ๆมาใช้แน่
ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เธอรอคอย
สุ่ยเซียนฟังที่เสี่ยวเชี่ยนพูดแล้วก็นึกถึงจูขี้บ่น หลิวเหมยกำลังใช้ความคิด ส่วนเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางก็สบตากันหยาดเยิ้ม
มีแค่อาเหม็ดที่แอบถุยน้ำลายให้กับความเลี่ยนของสองคนนั้น
เอาถ่านวาดหัวใจลงบนกระดาษทิชชู่ ทำไมไม่เอานิ้วจิ้มฉี่เขียนเลยล่ะ วาดให้ตายไปเลย
กลิ่นหอมของอาหารค่อยๆโชยมา ปลาย่างห่อฟอยล์ ซึ่งก็เป็นปลาที่ตกกันขึ้นมาเอง บวกกับซุปปลาไร้เทียมทานฝีมือของพี่หลาง รวมถึงอาหารกินเล่นอีกเล็กน้อยโดยฝีมือของผู้หญิงที่ยกเว้นเสี่ยวเชี่ยน ทุกคนนั่งล้อมวงกันกินอย่างเอร็ดอร่อย
ถ้าตัดอาเหม็ดทิ้ง นี่จะเป็นภาพที่สวยงามมากเลยทีเดียว
“พี่ ทำไมฝีมือดีขนาดนี้” ความรู้สึกแย่ๆของหลิวเหมยถูกเยียวยาด้วยปลาย่างแสนอร่อย อารมณ์ขุ่นมัวสลายไปด้วยกลิ่นหอมๆของอาหาร
“กินเยอะๆนะ” เสี่ยวเชี่ยนเรียกให้ทุกคนชิมอาหารฝีมือเสี่ยวเฉียง เธอไม่ถนัดงานครัว แต่มีอวี๋หมิงหลางอยู่เธอไม่มีทางอดตาย
“ฝีมือเสี่ยวเฉียงของเธอเกือบเทียบเท่าเต๋อซีเลยนะ เขาก็ทำปลาย่างอร่อย” สุ่ยเซียนกินไปชมไป เสี่ยวเชี่ยนฉวยโอกาสตอนสุ่ยเซียนเผลอโรยพริกลงบนปลาของสุ่ยเซียน ฉุนจนสุ่ยเซียนสำลัก
“เฉิน เสี่ยว เชี่ยน”
“ฉันก็แค่ล้างแค้นให้เสี่ยวเฉียงที่ฝีมือด้อยกว่าจูขี้บ่นไปหน่อย เป็นไง เผ็ดสะใจดีไหม”
“สะใจแทบบ้าเลยล่ะ” สุ่ยเซียนดื่มน้ำเข้าไปหลายอึกกว่าจะดับความเผ็ดได้ เชี่ยนเอ๋อคนใจแคบ ว่าผู้ชายของตัวเองเข้าหน่อยถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ
อาเหม็ดเห็นเสี่ยวเชี่ยนกับสุ่ยเซียนเถียงกันไปมาในใจก็รู้สึกสับสน ดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งได้เลย พวกเธอหัวเราะ พวกเธอทะเลาะกัน ในสายตาของพวกเธอเหมือนไม่มีคนอย่างเขาอยู่เลย
ไฟนั่นเขาเป็นคนก่อนะ ถึงเรื่องที่ไม่รู้ว่ามีพัดลมให้ใช้จะน่าอาย แต่คนพวกนี้จะใจร้ายไปไหม ตั้งหน้าตั้งตากินกันโดยไม่เรียกเขาสักคำ ไหนว่าคนชาตินี้ต้อนรับดูแลแขกเป็นอย่างดีไง
ดีกับผีสิ
“อะนี่ เอาก้างออกให้แล้ว” อวี๋หมิงหลางตั้งหน้าตั้งตาแกะก้างออกให้เสี่ยวเชี่ยน แล้วเอาเนื้อปลาวางบนจานเธอ
“ร้อนจัง” ความออดอ้อนของเสี่ยวเชี่ยนโดนมองแรงจากคนอื่น นี่เขาป้อนถึงปากแล้วยังไม่รู้จักพออีก
“งั้นเดี๋ยวผมเป่าให้ ลองกินดูนะ ไม่ร้อนแล้ว” อวี๋หมิงหลางป้อน เสี่ยวเชี่ยนก็อ้าปากรอ
ภาพนี้เสียดแทงใจอาเหม็ด เขาเกลียดเสี่ยวเฉียงมากแล้วตอนนี้ พอเสี่ยวเฉียงมาเสี่ยวเชี่ยนก็เปลี่ยนไป
ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะร้ายกาจเหมือนเดิม แต่สายตาที่มองเสี่ยวเฉียงแตกต่างจากมองคนอื่น อาเหม็ดอึดอัดมาก
“วันนี้ทำได้ดี ทำต่อไปนะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดชม อวี๋หมิงหลางรีบรับมุก
“งั้นรางวัลล่ะ” เขายื่นมือไปที่หน้าเธอ
“จุ๊บ” เสี่ยวเชี่ยนยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขา จากนั้นก็ยิ้มอย่างได้ใจ
“จึ๊ๆ…จับสองคนนี้ไปโยนให้ไฟเผาดีไหมเนี่ย จะได้ไม่มาทำเลี่ยนได้ทุกวัน แมวเลี่ยนยังไม่ขนาดนี้เลย” หลิวเหมยพูดติดตลก
“แมวเลี่ยนคืออะไร” สุ่ยเซียนไม่เคยได้ยินคำนี้
“อ่อ งั้นฉันจะอธิบายให้เห็นภาพนะ ถ้าเรื่องนี้ไปเกิดระหว่างหมูตัวผู้กับหมูตัวเมีย คนบ้านนอกจะเรียกว่า ‘ป่วนเล้า’ ถ้าเป็นแกะเรียก ‘หนีคอก’ หมาเรียก ‘ปลูกต้นกล้า’ แต่ถ้าเป็นพี่หลางกับพี่สะใภ้เรียก—”
“สงครามยืดเยื้อ” สุ่ยเซียนพูดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ชื่อพี่หลางหนึ่งคืนเจ็ดครั้งที่อยู่ในโทรศัพท์ของเสี่ยวเชี่ยนยากที่จะลบจากความทรงจำของสุ่ยเซียน
“แค่กๆ” เสี่ยวเชี่ยนร้อนตัวจนสำลัก เธอแอบหยิกเอวอวี๋หมิงหลางข้างหลัง บังอาจแก้ชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เห็นไหมเลยเป็นแบบนี้เลย
“ทำไมพี่ก็เหมือนพี่ฟู่กุ้ยเลย ชอบพูดแต่เรื่องท่านผู้นำจนติดปาก สิ่งที่พวกพี่พูดฉันไม่เห็นเข้าใจเลย” หลิวเหมยนึกถึงเลี่ยวฟู่กุ้ยอีกแล้ว ถึงแม้ตอนนี้นายฟู่กุ้ยจะไม่ได้อยู่ด้วย แต่กลับมีตัวตนอยู่ตลอด
“ถ้าเธอเข้าใจพวกเราคงโมโหกันสุดๆไปแล้ว ไม่เข้าใจก็แสดงว่าผักกาดขาวยังไม่เข้าปากหมู” อวี๋หมิงหลางช่วยกู้สถานการณ์ให้เมีย
อวี๋หมิงหลางสบตากับเสี่ยวเชี่ยนแบบเรารู้กัน เสี่ยวเชี่ยนหัวเราะ ใช่ เสี่ยวเฉียงพูดถูก
ถ้าหลิวเหมยเข้าใจอะไรติดเรทแบบนี้เธอคงปวดหัว ดูท่าผักกาดขาวที่ตระกูลอวี๋เลี้ยงมาอย่างดียังไม่เข้าปากหมู เรื่องดี
ปรากฏว่าหลิวเหมยพูดต่อ
“งั้นฉันไปถามพี่ฟู่กุ้ยแล้วกัน เขาถนัดเรื่องผลงานของท่านผู้นำที่สุดไม่ใช่เหรอ”
“แค่กๆ” เสี่ยวเชี่ยนสำลัก