ตอนที่ 967-968

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 967+968 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 967 เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?

เธอร้อนรนใจ จึงใช้มีดกรีดฝ่ามือทันที โลหิตสีแดงสดไหลหยด ในที่สุดกลิ่นคาวโลหิตก็ดึงดูดผีดิบพวกนั้นให้หันกลับมาไล่ล่าเธออีกครั้ง…

แต่โลหิตที่ไหลออกมาจากฝ่ามือถึงอย่างไรก็มีขีดจำกัดอยู่ หลังจากเธอชักนำผีดิบกลุ่มนี้ได้ไม่กี่นาที โลหิตก็แข็งตัวแล้ว ผีดิบที่ติดตามอยู่ด้านหลงก็เริ่มเดินๆ หยุดๆ อีกครั้ง

เธอขมวดคิ้วทันที ขณะที่กำลังจะกรีดตัวเองซ้ำอีก เบื้องหน้าพลันมีร่างคนแวบขึ้น มีคนกุมข้อมือเธอไว้ในทันใด

เธอเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าหล่อเหลางดงามของอิงเหยียนนั่ว เขาดูจนปัญญาอยู่บ้าง “ก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่เชื่อฟัง! ข้าควรจะทำให้เจ้าสลบแล้ววางไว้บนรถซะ!”

เขาว่าพลางดึงเธอให้ออกวิ่งไปด้วย ผีดิบที่ตามอยู่ด้านหลังเขากับเธอก็ไหลมารวมกันแล้ว เป็นกองทัพที่มากมายมหาศาลยิ่ง…

ฝ่ามือเขาอุ่นร้อน กุมข้อมือเธอวิ่ง

กู้ซีจิ่วมองเขาแวบนึ่งอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกอยู่ลางๆ ว่าเขาที่อยู่เบื้องหน้าคล้ายคลึงกับซือเฉิน…

เธอส่ายหัวแรงๆ ซัดความคิดที่ไม่เข้าท่านี้ให้กระเด็นไป เธอทดสอบเขาทั้งในทางลับทางแจ้งมาหลายครั้งแล้ว เขาไม่ใช่ตี้ฝูอีปลอมตัวมาแน่นอน ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องสงสัยเขาเหมือนเก่าแล้ว…

เธอไม่อยากกลายเป็นโรคประสาทที่เห็นใครก็ว่าเหมือนเขาไปหมด!

ด้วยการวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป เยี่ยนเฉินและเล่อชิงซิ่งจึงตามมาทันเช่นกัน ผีดิบจากสี่ทิศไหลมารวมกัน ผีดิบมากมายมหาศาลมุ่งสู่หล่มโคลมทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

….

ระหว่างทาง อิงเหยียนนั่วกล่าวแผนการของตนอย่างรวดเร็ว หล่มโคลมแห่งนั้นกินพื้นที่กว้างใหญ่นัก ซ้ำยังมีแรงดูดมากเป็นพิเศษ ขอเพียงผีดิบเหล่านี้วิ่งเข้าไป น่าจะถูกดูดจมลงไป…

แน่นอนว่าคนที่ล่อผีดิบผู้นั้นก็ต้องเข้าสู่หล่มโคลนด้วย มิเช่นนั้นผีดิบเหล่านั้นจะไม่ตามเข้าไป

พวกเขาสี่คนไม่จำเป็นต้องเป็นเหยื่อล่อผีดิบทั้งหมด ดังนั้นยามที่ใกล้จะไปถึงหล่มโคลน ให้กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาอีกสองคนหนีไป ตัวอิงเหยียนนั่วจะเป็นเหยื่อล่อผีดิบเองก็พอแล้ว…

ในสถานการณ์เช่นนี้คนที่เป็นเหยื่อล่อผีดิบย่อมอยู่ในอันตรายยิ่งนัก เมื่อเยี่ยนเฉินได้ฟังก็คัดค้านทันที “ไม่ได้! เหยื่อล่อนี้ข้าจะเป็นเอง!” เขาอายุมากที่สุดในกลุ่ม ระดับพลังวิญญาณก็สูงที่สุดเช่นกัน เขาจะปล่อยให้อิงเหยียนนั่วที่อายุน้อยที่สุดและมีพลังวิญญาณอ่อนด้อยที่สุดไปได้อย่างไร?

อิงเหยียนนั่วเอ่ยด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “ไม่ได้! จิ้งจอกน้อยยังรอเจ้ากลับไปอยู่ เจ้าไม่อาจประสบอันตรายได้!”

เล่อชิงซิ่งกำลังอ้าปากพูด ก็ถูกอิงเหยียนนั่วสกัดกลับไป “น้องสาวของเจ้าก็ขาดเจ้าไม่ได้เหมือนกัน!”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วกล่าวว่า “พวกเราไม่ว่าจะผู้ใดก็ประสบเหตุเหนือความคาดหมายไม่ได้ทั้งนั้น อิงเหยียนนั่ว เจ้าก็เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้เหมือนกัน!”

อิงเหยียนนั่วเหลือบมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?”

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าประโยคนี้ของเขาช่างหาเรื่องโดยแท้ “พวกเราล้วนเป็นห่วงเจ้ากันทั้งนั้น! ตอนนี้พวกเราเป็นกลุ่มเดียวกัน!”

อิงเหยียนนั่วมองเธออีกแวบหนึ่ง สุ้มเสียงโอนอ่อน “ได้ ข้าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นเช่นกัน วางใจเถอะ ข้าคุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้ดี ไม่เกิดเรื่องหรอก ซีจิ่ว ทางเหนือห่างจากที่นี่ไปห้าลี้มีเนินเขาแห่งหนึ่งอยู่ พวกเจ้าไปรอข้าอยู่ที่นั่นก็ได้ หลังจากข้าล่อพวกมันเข้าไปในหล่มโคลนแล้ว จะตามไปสมทบกับพวกเจ้า”

อีกสามคนยังคิดจะพูดต่อ ใบหน้าหล่อเหลาของอิงเหยียนนั่วพลันเคร่งขรึม “ไม่อนุญาตให้พูดต่อแล้ว ตกลงตามนี้!”

อายุเขายังน้อยชัดๆ แต่ยามที่ทำหน้าเคร่งขรึมเช่นนี้ รัศมีอำนาจกลับแกร่งกล้ายิ่ง ทำให้คนไม่กล้าคัดค้าน

ช่วงที่พูดคุยกัน ในอากาศมีกลิ่นเหม็นคาวโชยมาจางๆ ชัดเจนยิ่งนักว่าใกล้ถึงห่มโคลนแห่งนั้นแล้ว…

“ซีจิ่ว เจ้าพาเล่อชิงซิ่งไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับเยี่ยนเฉิน!” อิงเหยียนนั่วสั่งการอย่างรวดเร็ว

กู้ซีจิ่วทราบว่ายามนี้โต้เถียงไปก็ไม่ประโยชน์แล้ว ส่งเสียงตอบรับทันที “ได้!” พลันจับแขนเสื้อของเล่อชิงซิ่งไว้ เกิดเสียงดังวิ้งแล้วหายลับไป

————————————————————————————-

บทที่ 968 ตัวโง่งม เจ้ามาทำอะไรอีก?

เธอพาเล่อชิงซิ่งไปปล่อยไว้ยังจุดที่ห่างออกไปห้าลี้ ให้เธอรออยู่ที่นี่

ร่ากายเปล่งแสงวาบใช้วิชาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ยามที่ปรากฏตัวขึ้นอีกหนก็พาเยี่ยนเฉินมาด้วยแล้ว…

เยี่ยนเฉินกับเล่อชิงซิ่งรวมตัวกันแล้ว เมื่อกู้ซีจิ่วปล่อยเยี่ยนเฉินก็คิดจะจากไปอีกครั้ง เยี่ยนเฉินรั้งเธอไว้ทันที “ซีจิ่ว จะไปไหน?”

กู้ซีจิ่วตบไหล่เขาเบาๆ “ข้าจะไปดูเขาหน่อย ยามคับขันข้าสามารถพาเขาหนีได้ วางใจได้ หากเขาไม่มีอันตรายข้าจะไม่ปรากฏตัว พวกเจ้าไปรับพวกจิ้งจอกน้อยก่อนเถอะ ค่อยดูพวกนางอย่าให้ตกอยู่ในอันตรายอีก…”

พลันหมุนกายหายตัวไปอีกครั้ง

ยามที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เธอยืนอยู่บนไม้ใหญ่ข้างหล่มโคลนต้นหนึ่ง ไม้ใหญ่ต้นนั้นสูงราวแปดจั้ง แขนงกิ่งก้านใหญ่โต ต้นไม้นี้เป็นต้นไม้ที่เขียวชอุ่มทั้งปี ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บยิ่ง แต่ใบไม้บนกิ่งก้านยืดยาวยังคงชอุ่มชุ่มชื่น เขียวขจีไปหมด กู้ซีจิ่วพรางตัวอยู่บนต้นไม้ สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านได้พอดี

หล่มโคลนแห่งนี้ดูกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ในหล่มคือน้ำโคลนดำเมื่อม มีฟองอากาศผุดปุดๆ ออกมาจากในหล่มบ้างเป็นครั้งคราว กลิ่นเหม็นรมคนนัก

กู้ซีจิ่วพลันสะกิดใจขึ้นมา!

น้ำโคลนในหล่มนี้ดูพิลึกอยู่บ้าง…

เธอทะยานลงไป หยิบกิ่งไม้ท่อนหนึ่งขึ้นมาแล้วจุ่มลงไปในโคลนเล็กน้อย มองอย่างละเอียด ดวงตาทอแสงวาบ

นี่ไม่ใช่โคลนเด็ดขาด เป็นน้ำมันปิโตรเลียม! บ่อน้ำมันกลางแจ้ง!

แน่นอนว่าในน้ำมันน่าจะมีอย่างอื่นอยู่ด้วย มิเช่นนั้นคงไม่มีแรงดูดมากถึงเพียงนี้

เมื่อครู่เธอโยนใบไม้ขนาดใหญ่ทำฝ่ามือลงไป ใบไม้นั้นไม่ได้ลอยอยู่บนผิวน้ำมัน แต่จมดิ่งลงไปทันที…

สถานที่แห่งนี้คือฌาปนสถานตามธรรมชาติของผีดิบโดยแท้!

ถึงแม้ผีดิบเหล่านี้จะดูเหมือนไม่กลัวโดนไฟเผา แต่ไฟที่พวกมันไม่กลัวคือไฟจากพลังวิญญาณ อย่างไรก็ตามถึงแม้ไฟจากพลังวิญญาณจะรุนแรง แต่ก็เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นและสลายหายไปทันควัน ไม่คงอยู่นาน แต่ถ้าจุดไฟใส่น้ำมันปิโตรเลียมของที่นี่ล่ะก็…

เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะพวกไอ้ผีร้ายพวกนี้ไม่ตาย!

เสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายแว่วมาจากด้านหลัง ชัดเจนยิ่งนักว่าในที่สุดอิงเหยียนนั่วก็พาผีดิบพวกนั้นมาแล้ว…

เธอเห็นชายชุดของอิงเหยียนนั่วโบกสะบัดมาแต่ไกล เธอกระโจนเข้าไปจนเกิดเสียงดังฟุ่บ ร่อนลงข้างกายเขา วิ่งเคียงเขา

อิงเหยียนนั่วมุ่นหัวคิ้ว “ตัวโง่งม เจ้ามาทำอะไรอีก?”

“หล่อมโคลนแห่งนั้นสามารถจุดไฟได้ หลังจากเจ้าพาผีดิบพวกนี้เข้าไปก็รีบออกมาเลยนะ ข้าจะใช้ไฟเผาพวกมัน” กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างรวดเร็ว

อิงเหยียนนั่วเลิกคิ้วขึ้น “ผีดิบพวกนี้ไม่กลัวไฟเผาเลย…”

“ไฟชนิดนี้พวกมันสมควรต้องกลัว หล่มโคลนของที่นี่ไม่ใช่หล่มโคลนธรรมดา เป็นหล่มน้ำมัน เมื่อจุดไฟขึ้นจะลุกไหม้ไปอย่างน้อยสามสี่วัน และมีอุณหภูมิสูงแน่นอน ต่อให้เป็นเหล็กกล้าก็สามารถเผาผลาญได้ ที่นี่คือฌาปนสถานตามธรรมชาติของพวกมัน!” กู้ซีจิ่วมีความั่นใจเต็มเปี่ยม

อิงเหยียนนั่วทราบว่านางมีความคิดหลักแหลมมากมาย จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างแท้จริง “ได้!”

ทั้งสองหารือแผนรับมือย่างรวดเร็วยิ่ง แต่ยามที่ลงมือจริงกลับประสบปัญหายุ่งยาก

ตอนที่วิ่งจนใกล้จะถึงหล่มโคลนดูเหมือนผีดิบพวกนี้จะรับรู้อันตรายได้ตามสัญชาตญาณ พากันหยุดฝีเท้า อิงเหยียนนั่วที่หลอกล่ออยู่ด้านหน้าพวกมันในระยะหนึ่งจั้งก็ไม่อาจทำให้พวกมันหลงกลได้

และในยามนี้ มีเสียงคำรามแหบต่ำสองสามเสียงแว่วมาจากที่ไกลๆ…

เสียงนั้นน่าพิศวงยิ่ง ฟังดูค่อนข้างแหบห้าว ทว่าเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ เมื่อกู้ซีจิ่วได้ยินก็รู้สึกเพียงว่าในหูมีเสียงดังหึ่งๆ แก้วหูคล้ายว่าจะถูกทะลุทะลวง

ส่วนผีดิบเหล่านั้นกลับเสมือนได้ยินเสียงเรียกอันใด เริ่มหันหลังกลับ เห็นว่ากำลังจะกระโจนทะยานไป…

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก

เวรเอ้ย เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์งั้นหรือ?!

————————————————————————————-