ส่วนที่ 9 ภาคอุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี ตอนที่ 16 อุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี (16)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ตึกระฟ้าตู้ซื่อขนาดใหญ่ ท่านประธานถึงกับตั้งใจใช้ลิฟท์

 

 

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หลิงลี่มาตู้ซื่อ ระหว่างทางที่จะไปนั้นความคิดของตู้เฉินที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มซึ่งอยากใกล้ชิดลูกชายของตนเองมากขึ้น แต่ว่าหลิงลี่มีใบหน้าเย็นชาตลอดทาง ลักษณะดั่งภูเขาน้ำแข็งตัวน้อย ๆ ทำให้ในใจของตู้เฉินดูสูญเปล่า

 

 

ได้เห็นหลิงลี่ทำสีหน้าเย็นชาใส่ตู้เฉิน ซูเสี่ยวซูที่ยืนอยู่ข้างกายมองไปยังหลิงลี่อย่างไม่หยุด ทำให้หลิงลี่ได้เพียงแต่ก้มมองต่ำลงเพื่อไม่มองไปที่หล่อน และไม่แน่เขาคิดว่าตนคงต้องอดไม่ได้ที่จะต้องมองบน….

 

 

ซูเสี่ยวซู เจ้าหยุดได้แล้วนะ!

 

 

เมื่อมาถึงชั้นที่ 28 ประตูลิฟต์ขนาดใหญ่ก็เปิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่ซูเสี่ยวซูรีบออกมา

 

 

“ซูซูมาแล้ว! ”

 

 

“ซูซู อันนี้ป้าซื้อมื้อเช้ามาให้เธอเลยนะ! ”

 

 

“ซูซู นี่คือนมที่พี่สาวเพิ่งให้มา จะได้มีกำลังไงล่ะ! ”

 

 

“ซูซู…..”

 

 

คุณดูไม่ผิดหรอก ทั้งซิงหงอิเล็กทรอนิกส์ คนที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดไม่ใช่เจ้านาย ‘แม่ทัพซู’ ของพวกเขา แต่เป็นใบหน้าที่ดูน่ารักงดงามนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูของหุ่นยนต์ ซูเสี่ยวซู

 

 

ด้วยสถาการณ์เช่นนี้แล้ว ซูรุ่ยเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น แต่ทว่าหลิงลี่ที่ต้องรีบเดินออกมาจากด้านหลังของพวกเขา เมื่อเห็นซูเสี่ยวซูด้วยใบหน้าที่หัวเราะร่าเริงมีผู้คนรายล้อมให้เธอกินและดื่มอยู่ตรงนั้น ท้ายสุดเขาถึงกับอดกลั้นไม่อยู่จึงกรอกตามองบนอย่างไม่พอใจ

 

 

จำได้ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่หลังจากทะเลาะกับซูเสี่ยวซูแล้วแพ้ กลางดึกหลิงลี่ลุกออกจากเตียงไปห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ผลลัพธ์คือได้เห็นไฟบนสมองที่กำลังส่องสว่างของซูเสี่ยวซูทั้งคืน นั่งในห้องครัวแอบกินขนมหัวเราะร่าเริงอยู่คนเดียว

 

 

นั่นเป็นเรื่องจริง ตอนนี้เพียงคิดหลิงลี่ก็รู้สึกเมาแล้ว

 

 

เธอพูดว่าเธอเป็นเพียงหุ่นยนต์จอมตะกละเช่นนี้ดีแล้วจริงหรือ ไม่กลัวกินแล้วช็อตงั้นหรือ?

 

 

เกี่ยวกับคำถามที่หลิงลี่ยกขึ้นมา ซูเสี่ยวซูตอบกลับไปว่า…..

 

 

เมนบอร์ดของฉันกันน้ำและกันไฟได้ ฉันไม่เพียงกินข้าวและดื่มน้ำได้อย่างเดียว ฉันสามารถร้องไห้ออกมาได้นะ นายดูสิ นี่คือ ดอกสาลี่ต้องหยาดน้ำฝน[1]

 

 

น่าน่ะ นี่เรียกว่าน้ำตาไหลเต็มหน้า ยังมีอีกอันนะ เรียกว่า น้ำตาไหลดั่งฝนตกลงมา!

 

 

น้ำที่ไหลลงมาหยด ‘ติ๋ง ๆ ’ จากดวงตาสองลูก น้ำตาไหลดั่งฝนตกลงมาของน้องสาวบ้านเธอสิ น้ำต้องไหลท่วมขนาดนี้?

 

 

อันนี้เรียกได้ว่า “กระบวนการร้องไห้แปดสิบวิธี” หลังทำให้หลิงลี่เด็กตัวน้อยๆได้เติบใหญ่มองเห็นผู้หญิงร้องไห้ เขาก็คิดอยากหัวเราะ นานมามากแล้ว คนที่เขารู้จักต่างรู้ว่าเขา “ไม่ใช่คน” “ไม่มีเคยเห็นอกเห็นใจ”…..

 

 

สรุป คือ เพื่อนในวัยเด็กของหลิงลี่ เพราะว่ามีซูเสี่ยวซูอยู่แล้ว ในพื้นที่ของเงาในวัยเด็กส่วนใหญ่จึงมากจนขอไม่ให้ออกมาเลยดีกว่าไหม?

 

 

…….

 

 

“มาที่ห้องทำงานของฉัน”

 

 

ซูรุ่ยเรียกหลิงลี่เข้ามาไม่ใช่เพียงให้เขามามุงล้อมดูซูเสี่ยวซู ตั้งแต่เขาทำบริษัทซิงหงอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตัวเอง ภายนอกกลุ่มธุรกิจทางการเงินต่างจับตามองสินค้นชาตัวใหม่ของซิงหงอิเล็กทรอนิกส์ และยิ่งไปกว่านั้นมีกลุ่มบริษัทผิดกฎหมายบางกลุ่มจ้างแฮกเกอร์เพื่อเข้ามาทำลายระบบความปลอดภัยหลักของซิงหงอเล็กทรอนิกส์เพื่อขโมยข้อมูลงานวิจัยของพวกเขา

 

 

หากเป็นกระบวนการขั้นตอนของปัญญาประดิษฐ์ ซูรุ่ยเป็นผู้ชำนาญมากสุดในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ แต่เพราะเรื่องความปลอดภัยของระบบ เขาไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อเขารู้ว่าหลิงลี่เป็นแฮกเกอร์อัจฉริยะ เกิดแสงรัศมีโอบล้อมรอบเขาไว้ จึงมั่นใจว่าระบบหลักของซิงหงอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีทางเสียหาย

 

 

“ออ ๆ ”

 

 

เขาได้ยินซูรุ่ยเรียก หลิงลี่จึงหันตัวเดินตามเขาเข้าห้องทำงานแล้วหลังจากนั้นซูรุ่ยก็บอกลูกน้องของเขาไม่อนุญาตให้ใครก็ตามได้เข้ามาและรบกวนพวกเขา

 

 

เมื่อกระพริบตาก็ผ่านตอนกลางวันไปแล้ว รอหลิงลี่ใช้มือเล็ก ๆ สองข้างช่วยซูรุ่ยแก้ไขความปลอดภัยของระบบหลักทั้งหมดให้ดีและหลังจากเพิ่มรหัสผ่านแล้ว ทำเอาเขารู้สึกหิวจนไม่มีแรงเลย

 

 

ทำไมเก่งขนาดนี้ ยังต้องให้กินข้าวไหม?

 

 

“ทำให้เธอต้องลำบากแล้วนะ”

 

 

ซูรุ่ยมองดูใบหน้าเหน็ดเหนื่อยของเด็กชายตัวน้อยแสนน่ารักด้วยอารมณ์เพิกเฉยอย่างมาก

 

 

ในความจริงแล้วเขาไม่เคยดูแลหลิงลี่เหมือนลูกคนหนึ่ง

 

 

“เรื่องของวันนี้ ฉันขอเธอแค่คนเดียว หลังจากนั้น เธอกับแม่มีเรื่องอะไรล่ะก็ เธอมาขอร้องฉันได้เลย”

 

 

“หืม? ”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย หลิงลี่ก็เงยหน้ามองซูรุ่ย สายตาดูแหลมคมอย่างมาก “เรื่องของพวกเรา พวกเราสามารถจัดการเองได้ ขอบคุณท่านที่เป็นห่วง”

 

 

“ฮะ? งั้นหรือ? ”

 

 

รอยยิ้มที่เฉยชาของซูรุ่ย นัยน์ตาลึกล้ำมองดูหลิงลี่ “หากคนนั้นเป็นพ่อของเจ้า เจ้าอยากลงมือจัดการกับเขาไหม? ”

 

 

ซูรุ่ยรู้ว่าหลิงลี่ยังมีกลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่ต่างประเทศ แต่ว่าเขาสามารถใช้กลุ่มคนเรานั้นต่อสู้ตู้เฉินได้ไหมนะ? สิ่งนี้บ่งชี้ได้ว่าไม่สามารถทำได้ ในโลกของต้นฉบับนี้ การหงายการ์ดทั้งหมดของหลิงลี่นี้คือการมาช่วยตู้เฉินและหลิงชีเย่ว์ ทุกครั้งที่ตู้เฉินตกยากลำบากเขาจะสามารถแอบหาคนมาช่วยเหลือได้

 

 

พ่อต่อสู้กับเรื่องเช่นนี้ เพียงแค่มีโลกใบนี้อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้

 

 

พ่อ……

 

 

หลิงลี่สับสันสักครู่ เขารู้ว่าช่วงนี้แม่ต่างวุ่นวายเรื่องของฟ้องร้องดำเนินคดี ช่วงนี้แม่จึงเงียบขรึมอย่างมาก ร่างของแม่เองก็ทรุดโทรมแล้ว

 

 

หลิงลี่มีจิตใจช่างเปราะบาง เขาเข้าใจความยากลำบากของแม่ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเพื่อตัวของเขาเอง เขาก็คิดจะให้พ่อล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้เพื่อมีอำนาจในการเลี้ยงดูบุตรอย่างสุดกำลัง แต่ว่าในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ทุกครั้งที่เขาและตู้เฉินปรึกษาปัญหาเรื่องนี้พวกเขาทั้งสองไม่สามารถพึงพอใจและจบลงได้เลย

 

 

ตู้เฉินให้ลูกอายุเพียงห้าปีมาดู โอเคล่ะ แม้ว่าเขาจะอายุห้าขวบก็จริง แต่ว่าเขาก็เข้าใจเรื่องราวมากมายดีแล้วหรือ?

 

 

หากเรื่องได้มาถึงจุดที่จะต้องขึ้นศาล หลิงลี่ก็จะยืนอยู่ข้างแม่อย่างหนักแน่นเอง เขาเชื่อว่าตู้เฉินมีอำนาจมากเพียงใดก็ไม่อาจมัดเขาให้กลับไปตระกูลตู้ใช่ไหม?

 

 

ไม่อยากจะพูดนัก หลิงลี่ในเวลานี้ แม้ว่าความคิดเริ่มจะเติบโตมากขึ้นแล้วแต่เพราะสุดท้ายไม่มีประสบการณ์ด้านทางสังคมที่แท้จริงมากนัก เขาไม่ได้รู้เรื่องราวในเวลา ณ ขณะนี้ โลกใบนี้ช่างคาดการณ์ได้ยากยิ่งมากที่สุดเป็นเพราะจิตใจของคนนั่นเอง

 

 

“ชีเย่ว์ แม่อยากเจอลูก”

 

 

ครั้นหลิงชีเย่ว์หายไปหลายปี เมื่อได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่อีกครั้งหนึ่ง ร่างทั้งร่างของหล่อนก็ตกอยู่ในภวังค์

 

 

แม้ว่าคนอื่น ๆ เคยทำให้หล่อนได้รับความเจ็บปวดและบาดเจ็บมากเพียงใด แต่ทว่าคนในชีวิตของหล่อนในอดีต ยิ่งตระกูลหลิงนำพาความทรงจำที่อบอุ่นและสวยงามให้แก่หล่อน

 

 

หล่อนในวัยเด็ก แม่เป็นคนอบอุ่น พ่อเป็นคนนุ่มนวลและมอบความรัก พี่ชายก็ปฏิบัติต่อเธออย่างใกล้ชิด แต่เมื่อหลังจากที่เติบใหญ่ขึ้น กิจการในครัวเรือนยิ่งใหญ่มากขึ้น พ่อก็ยิ่งยุ่งมากขึ้น แต่ต่อให้ยุ่งเพียงใด บ้านก็ยังคงกลมเกลียวและมีความสุขอย่างมาก…

 

 

หลิงชีเย่ว์วางสาย สับสนอยู่นานจึงตัดสินใจไปพบแม่ของตน

 

 

สถานที่ที่แม่ลูกได้พบกันคือร้านกาแฟแห่งหนึ่ง หากไม่ใช่อยากจะเห็นหน้ากับตา หลิงชีเย่ว์จะไม่กล้ามั่นใจเลยว่าหญิงชราที่มีใบหน้าที่ดูโชกโชนผู้นี้ตรงหน้าจะกลายเป็นแม่ที่ดูแลรักษาสุขภาพอย่างดีจนมีลักษณะที่ดูสง่างามผู้นั้นในความทรงจำของตนเอง

 

 

“แม่ ทำไมท่าน….”

 

 

“อ้าย”

 

 

แม่หลิงนั่งด้านหน้าของหลิงชีเย่ว์สูดลมหายใจเต็มปอด “ชีเย่ว์ ตอนนี้ลูกเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

“ลูก…ดีมาก แม่ ตอนนี้ท่าน….”

 

 

“ลูกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ”

 

 

แม่หลิงยิ้มออกมา ตัดคำพูดของหลิงชีเย่ว์ “แม่เองก็ได้ดูหนังสือพิมพ์ถึงได้รู้ว่าลูกกลับมาแล้ว ลูกชายของลูกน่ารักมากเลย หน้าตาดูน่าเอ็นดู”

 

 

“อืม เขาชื่อหลิงลี่ ชื่อเล่น เทียนเทียน” ยกรูปลูกชายของตนเองขึ้นมา สายตาของหลิงชีเย่ว์ดูอบอุ่นขึ้นมา

 

 

ไม่เคยเลี้ยงลูกก็ไม่รู้บุญคุณของพ่อแม่ ในเวลานี้เธอก็เป็นแม่คนแล้ว

 

 

เมื่อได้เห็นหลิงชีเย่ว์ ใบหน้าที่ดูมีความสุขยิ้มออกมา สีหน้าของแม่หลิงบ่งบอกถึงสีหน้าที่ดูสับสนอยู่ชั่วครู่ “ชีเย่ว์ แม่ ความจริงแล้ว แม่เป็น….”

 

 

“แม่ จะพูดอะไรกับลูก ก็พูดออกมาเลย”

 

 

ก่อนจะได้นัดกัน ความจริงแล้วหลิงชีเย่ว์คิดอะไรมากมายจนวางแผนที่จะทำเรื่องแย่มากที่สุดขึ้นมาได้

 

 

แม้ในเวลานี้หน้าของเธอดูสงบมาก แต่ในความจริงแล้วมือที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นอดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย

 

 

“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก”

 

 

สุดท้ายแม่หลิงกลับยิ้มให้กับหล่อน “แม่แค่อยากพบลูก”

 

 

เป็นเช่นนี้เองหรือ?

 

 

ชั่วโมงนี้หลิงชีเย่ว์ก็มองดูแม่ของตนอย่างสงสัยมากมาย “แม่คะ ดูแล้วแม่แก่มากขึ้นเลยนะ หลายปีนี้ชีวิตของพวกท่านแย่มากเลยหรือ? พ่อและพี่ใหญ่ล่ะคะ? ”

 

 

แม้ว่าจิตใจยังคงไม่พอใจพวกเขามากนักแต่ว่าหลิงชีเย่ว์ยังอดไม่ได้ที่จะถามอีกข้อ

 

 

ในปีที่หล่อนได้ออกไปจากบ้านนั้น เพราะว่าตระกูลหลิงได้รับความช่วยเหลือจากตู้เฉิน การทำธุรกิจจึงค่อย ๆ กลับมาดีขึ้น เป็นเพราะว่าหลังที่ตนออกไปแล้ว จึงเป็นเหตุให้ตู้เฉินระบายความโกธรกับตระกูลหลิง จนทำให้ตระกูลหลิงตกต่ำจนถึงเพียงนี้หรือ?

 

 

ในเวลานี้ จิตใจของหลิงชีเย่ว์กำลังสับสนและเมื่อได้ยินคำถามของหลิงชีเย่ว์ แม่หลิงถึงกับสีหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมาก……

 

 

 

 

——

 

 

[1] 梨花带雨 ดอกสาลี่ต้องหยาดน้ำฝน ความหมายคือ การเปรียบเปรยว่าเมื่อดอกสาลีโดนน้ำฝนแล้วดูสวยงามจึงเหมือนสาวงามที่กำลังร้องไห้ก็ยังดูสวยงาม