ส่วนที่ 9 ภาคอุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี ตอนที่ 17 อุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี (17)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

โรงแรมไฮแอท โรงแรมห้าดาวที่หรูที่สุดของเมืองเยียนจิง 

 

 

กลางห้องสูทของโรงแรม บนเตียงขนาดใหญ่ที่นุ่มและยับยู่ยี่ ซูเจี้ยนจวินกำลังโอบกอดสาวงามในอ้อมอกของตนเองและสูบบุหรี่ 

 

 

“พี่จวิน” 

 

 

หญิงสาวข้างกายที่มีใบหน้าสละสลวยสองมือโอบรัดคอของซูเจี้ยนจวิน “แต่พี่ต้องรับปากจัดการให้หนูเข้าไปเป็นคนในตู้ซื่อแล้วนะ พี่ไม่สามารถสวมกางเกงได้โดยไม่ยอมรับคำสัญญาที่ให้ไว้นะ! ” 

 

 

“พี่เป็นคนแบบนั้นหรือ? ” ซูเจี้ยนจวินอัดบุหรี่เข้าไป สีหน้าบ่งเบิกถึงความภาคภูมิใจ “พี่จวินของเธอเป็นใคร เธอยังไม่รู้หรอกหรือ? ลูกสาวของฉันเป็นถึงภรรยาตระกูลตู้ ภายในตระฏุลตู้ไม่เป็นสองรองใคร ตอนนี้แม้กระทั้งคุณชายรองตู้ก็มาทำดีกับฉัน อย่าให้พูดถึงเรื่องหน้าที่การงานของเธอเลย เพียงให้เธอทำงานเป็นพนักงานตำแหน่งใหญ่ในตู้ซื่อโดยตรงก็ไม่มีปัญหา! ” 

 

 

“จริงเหรอคะ? ” 

 

 

หญิงสาวข้างกายได้ยินคำพูดของซูเจี้ยนจวินแล้ว ดวงตาทั้งสองต่างสุกสกาวทันใด ตำแหน่งสูงของตู้ซื่อหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็จะมีรถมาคอยรับส่ง เป็นพนักงานออฟฟิศตำแหน่งสูงที่อยู่คอนโดขนาดสูงใจกลางเมือง รายได้ต้องได้จำนวนมากแน่เลย! 

 

 

พอคิดถึงตอนนี้ ดวงตาทั้งสองของผู้หญิงก็ทำท่าอ่อนแอเต็มที่ “พี่จวินขา พี่เจี้ยนจวินขา พี่ต้องช่วยหนูนะคะ หนูเป็นคนของพี่แล้ว….” 

 

 

“เด็กดี สาวน้อยของฉัน” 

 

 

ซูเจี้ยนจวินไม่สามรถทนไหวได้คือสาวงามที่เข้ามาออดอ้อนเขา เขาพ่นควันบุหรี่มวนหนึ่งออกมากำลังเตรียมจูบสาวงามข้างกายอย่างเผ็ดร้อน ในเวลานี้ประตูใหญ่ของห้องสูทก็ถูกคนนอกเปิดออกมา หลี่เหม่ยเจวียนผู้สวมเครื่องแหวนเพชรพลอยพากลุ่มภรรยาเดินเข้ามาในห้องอย่างมุทะลุ 

 

 

“ซูเจี้ยนจวิน แกอยากตายใช่ไหม? แล้วยังเธออีกนังแพศยา แม้กระทั่งสามีของคนอื่นก็กล้ายั่วงั้นหรือ? สาวน้อย ขอตีนังเจ้าเล่ห์คนนี้ให้ตายเถอะ” 

 

 

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ภายในห้องนอนเสมือนนกน้อยจะออกบิน หมาก็จะกระโดดดูแสนยุ่งเหยิงยิ่งนัก 

 

 

ตกกลางคืน บ้านตระกูลตู้ 

 

 

รอยแดงเต็มใบหน้าของซูเจี้ยนจวินกำลังคุกเข่าอยู่ข้างโซฟาแสดงความไม่พึงพอใจ หลี่เหม่ยเจวียนยังคงโกธรไม่หาย จับมือของซูหว่านแล้วด่าไม่ยั้งต่อหน้าซูเจี้ยนจวิน “ผู้ชายคนนี้พอมีเงินแล้วก็เปลี่ยนเป็นคนเลว ฉันได้พูดไว้ไม่มีผิดเลย พ่อเลว ๆ ของแกคนนี้สุดท้ายก็ยังรักสนุกเล่นชู้ เขาไม่เคยส่องกระจกชะโงกดูเงาของตนเองถึงคุณงามความดีเล้ย! ” 

 

 

หลี่เหม่ยเจวียนเมื่อได้ด่าซูเจี้ยนจวินขึ้นมาแล้วนั้นจะไม่มีวันหยุดเลย 

 

 

ซูหว่านที่เริ่มง่วงนอน เห็นหลี่เหม่ยเจวียนนับวันยิ่งขุ่นเคือง สุดท้ายแล้วซูหว่านอดไม่ได้ที่จะยกมือห้ามปรามไม่ให้หล่อนพูดต่อ 

 

 

“แม่คะ หากพวกท่านไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นหย่ากันไหมคะ ไปทางใครทางมัน” 

 

 

มองพวกเขาอยู่นั้น ซูหว่านรู้สึกใจคอไม่ดี สองคนนี้หลายปีนี้จิตใจเป็นเช่นไรถึงได้ผ่านมาได้เช่นนี้นะ? 

 

 

หย่า? 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูเจี้ยนจวินที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นดวงตาดูสุกสกาว แต่หลี่เหม่ยเจวียนที่อยู่บนโซฟากลับมีสีหน้าโศกเศร้า “ฉันไม่หย่า! ” 

 

 

“หืม? ” 

 

 

ซูหว่านมองหลี่เหม่ยเจวียนอย่างประหลาดใจ เมื่อครู่พึงพอใจมากที่สุดที่หล่อนได้ด่าว่าซูเจี้ยนจวิน เช่นนั้นเมื่อพูดถึงการหย่าทำไมถึงหย่าไม่ได้? 

 

 

หรือว่าหลี่เหม่ยเจวียนยังรักซูเจี้ยนจวินอยู่? 

 

 

“ตอนนี้เขาดูแลจนลูกสาวได้แต่งงานอย่างดีแล้ว มีเงินมีอำนาจแล้ว คิดจะทิ้งภรรยาแก่เพื่อแต่งงานใหม่อย่างมีความสุขงั้นหรือ ฝันไปเถอะ! ” 

 

 

หลี่เหม่ยเจวียนเริ่มรู้ถึงความสุขแบบนั้นในจิตใจของซูเจี้ยนจวินแล้ว เช่นนี้หากยกเรื่องนี้เมื่อแปดปีหรือสิบปีก่อน สลับกับตนเมื่อยังเป็นสาวอยู่นั้น เขาพูดหย่าละก็ หลี่เหม่ยเจวียนจะไม่ลังเลเลยสักนิด แต่ว่าตอนนี้ล่ะ? เธออยู่กินกับเขาจนโทรมซีดเหมือนผักกะหล่ำปีแล้ว เขากลับคิดอยากจ่ายเงินหาสาววัยละอ่อนงั้นหรือ? หึหึหึ ฝันไปเถอะ 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เหม่ยเจวียน ซูหว่านเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มทั้งน้ำตา หลี่เหม่ยเจวียนผู้นี้เป็นบุคคลที่ไม่น่าแกล้งจริง ๆ นี่เป็นความคิดที่เสียเวลาทั้งชีวิตของซูเจี้ยนจวินเลย! 

 

 

แต่ว่าเรื่องเสียหายเหล่านี้ของพวกเขาทั้งสองคน ซูหว่านก็ไม่อาจจัดการได้ “ต่อให้พวกท่านไม่หย่ากัน ก็ต้องปรับตัวกันต่อไปนะ ลูกเหนื่อยแล้วขอขึ้นข้างบนก่อน” 

 

 

“เดี๋ยวก่อน เสียวหว่าน” 

 

 

หลี่เหม่ยเจวียนเห็นซูหว่านจะกลับเข้าห้องจึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วจับแขนของซูหว่าน “แม่เดินขึ้นไปกับลูกนะ แม่เป็นห่วงลูกมากเลยจึงอยากคุยกับลูก” 

 

 

“โอ้ย ๆ แล้วผมล่ะ? ” 

 

 

ซูเจี้ยนจวินที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพรมอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองดูหลี่เหม่ยเจวียนอย่างเวทนาอดสู 

 

 

ทำไมทำแล้วดูน่าสงสารเช่นนั้นนะ? 

 

 

“แกก็คุกเข่าไปอยู่อย่างนั้น! หุ่นยนต์พ่อบ้านบันทึกเขาเอาไว้ให้ฉัน หากคิดจะขี้เกียจสักนาทีเดียว ฉันคนนี้จะให้แกคุกเข่าตลอดทั้งคืน! ” 

 

 

หลี่เหม่ยเจวียนจ้องเขม็งใส่ซูเจี้ยนจวิน จากนั้นก็ลากซูหว่านขึ้นข้างบน เมื่อเข้ามาในห้องนอนของตู้หัน หลี่เหม่ยเจวียนก็มองรอบ ๆ ก่อน “ภายในห้องนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดใช่ไหม? ” 

 

 

“ไม่มี ตู้หันไม่ใช่คนวิตถารนะคะ ภายในห้องนอนของตนจะมาติดตั้งกล้องวงจรปิดได้อย่างไรคะ! ” 

 

 

ซูหว่านไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่ว่ากำลังมองหลี่เหม่ยเจวียนที่ดูลักษณะจริงจังเช่นนี้ หล่อนเองก็เดาว่าหลี่เหม่ยเจวียนจะต้องพูดเรื่องค่อนข้างลับบางอย่างกับตน 

 

 

“แม่ แม่มีเรื่องอะไรกันแน่ทำไมต้องมีความลับแบบนี้! ” 

 

 

ซูหว่านลากมือของหลี่เหม่ยเจวียน ใบหน้าดูร้อนใจที่จะถาม 

 

 

“ลูกรัก ลูกต้องพูดความจริงกับแม่ ตกลงลูกชอบตู้หันหรือตู้เฉิน? ” ตั้งแต่ที่ได้เป็นซีอีโอ มุมมองของหลี่เหม่ยเจวียนจึงเปิดกว้างมากขึ้น คอนเนคชั่นก็มากขึ้น ภายใต้สมาคมแม่บ้านที่เธอได้พบปะกัน มีใครบ้างที่ไม่รู้สถานการณ์ของตระกูลตู้  

 

 

คุณชายทั้งสองของตระกูลตู้แม้ว่าจะเป็นเศรษฐีก็ตาม แต่หากมองลำดับขั้นของความรวยจะเห็นได้อย่างชัดเจนคือตู้เฉินซึ่งมีอำนาจมากที่สุดในการดูแลจัดการทรัพย์สินของตู้ซื่อ จึงกลายเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของตระกูลตู้ 

 

 

และงานของหลี่เหม่ยเจวียนครั้งนี้ก็เป็นตู้เฉินที่เข้ามาจัดการโดยตรง ช่วงเวลานี้ที่ได้พบปะติดต่อกัน แม้ว่าตู้เฉินไม่ได้อธิบายออกมา แต่ทว่าหลี่เหม่ยเจวียนก็เข้าใจความตั้งใจของตู้เฉิน เป็นเพราะว่าสุดท้ายแล้วเขายังคงลืมลูกสาวสุดที่รักของเธอไม่ลง 

 

 

เหตุนี้จึงทำให้ความคิดของหลี่เหม่ยเจวียนถึงกับวุ่นวายอีกครั้งขึ้นมา แม้พูดได้ว่าตัวผู้หญิงคนเดียวนั้นไม่อาจมีสามีสองคนได้ แต่ว่าลูกสาวของตนหากชอบตู้เฉินด้วยใจจริง เช่นนั้นแล้วตนเองก็สามารถชักจูงให้หล่อนเลิกกับตู้หันแล้วกลับไปคืนดีกับตู้เฉินได้ หากเธอชอบตู้หันละก็ เช่นนั้น….ตนต้องคิดถึงระยะเวลาที่ยาวขึ้นแล้ว 

 

 

ในเวลานี้ได้ยินคำถามของหลี่เหม่ยเจวียน ซูหว่านกลับมองและหวนคิดถึงนิสัยเดิมที่มีอยู่ 

 

 

เป็นตู้เฉิน 

 

 

ต้องเป็นเพราะว่าเขาปล่อยหลี่เหม่ยเจวียนให้เป็นอิสสระแล้ว เป็นสัญลักษณ์กับซูหว่านที่ว่าจะรักตลอดไป จึงทำให้หลี่เหม่ยเจวียนผู้นี้เกิดประทับใจไม่เสื่อมคลาย 

 

 

คนที่ละโมบไม่เคยรู้จักพอ ก่อนที่ซูรุ่ยโผล่มา เมื่อตอนพวกเขาถูกตู้เฉินขับไล่ออกไป สองสามีภรรยาคู่นี้ยังคิดอยากนำของมีค่ามาใช้จ่ายหนี้ก็พอใจแล้ว ต่อมาเมื่อซูรุ่ยให้เงินใช้จ่ายกับพวกเขามากมาย หลี่เหม่ยเจวียนยังต้องการธุรกิจของตระกูลตู้อีกไม่มากก็น้อย แล้วตอนนี้ล่ะ? 

 

 

ตอนนี้ตู้เฉินก็ให้โอกาสแก่หล่อน หล่อนจึงยิ่งละโมบมากจนไม่เกรงอะไร คิดอยากจะได้มากขึ้นและมากขึ้น….. 

 

 

“แม่ แม่ถามแบบนี้…จะทำอะไรหรือ? ฉันเป็นภรรยาของตู้หันแล้ว มาพูดตอนนี้แล้วจะมีความหมายอะไร” 

 

 

ทั้ง ๆ ที่หลี่เหม่ยเจวียนเป็นคนละโมบเช่นนี้ ซูหว่านก็ไปให้โอกาสให้กับหล่อนอย่างง่าย ๆ เธอนั้นกลับอยากลองดูว่าผู้หญิงคนนี้เพื่อความโลภของตนเองจะสามารถทำอะไรได้บ้าง  

 

 

“ลูกรัก” 

 

 

เมื่อได้ยินซูหว่านตอบอย่างกำกวม หลี่เหม่ยเจวียนจึงรู้ “หากว่าตู้เฉินสามารถลับใจ มาขอลูกแต่งงาน ลูกจะหย่ากับตู้หันไหม? ” 

 

 

หย่า? 

 

 

ในใจของซูหว่านยิ้มอย่างเยือกเย็น ใบหน้ากลับแสดงสีหน้าดูสับสนพลวัน “แม่อย่าพูดเรื่องนี้เลย ฉันเป็นคนของตู้หันแล้ว กับตู้เฉินนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก” 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน หลี่เหม่ยเจวียนเองก็ฉุกคิดอยู่สักครู่ แม้พูดว่าตอนนี้ตู้เฉินมีความตั้งใจเช่นนี้ แต่ทว่าประวัติอาชญกรรมแต่ก่อนที่มากมายของคุณชายรองตู้ เพียงเพราะหลิงชีเย่ว์คนเดียว เขาเองก็ไม่สามารถจัดการได้ หากทางนี้เผื่อให้ซูหว่านกับตู้หันเลิกและตู้เฉินก็กลับคำพูดของตน มันจะไม่สูญเปล่าทั้งสองฝ่ายหรอกหรือ? 

 

 

และก็ ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ตู้เฉินมีลูกชายหนึ่งคน นั่นก็พูดอย่างเป็นทางการได้ว่าเป็นผู้สืบทอดมรดกลำดับที่หนึ่งไงล่ะ! 

 

 

เมื่อได้คิดเช่นนี้หลี่เหม่ยเจวียนก็มองแล้วรีบเป็นห่วงทันที “ลูกรัก ลูกต้องต้องคิดให้ดี ๆ นะ แม่จะช่วยลูกนะ” 

 

 

“อืม” 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เหม่ยเจวียน ซูหว่านก็พยักหน้า แล้วรีบพาเธอออกไปจากห้องนอนของตนเอง 

 

 

หลี่เหม่ยเจวียนต้องการจะทำอะไร ซูหว่านไม่อาจรู้ได้ เพียงแค่รู้ว่าหล่อนเองก็ไม่สามารถขวางคนโลภเช่นนี้ได้ กำลังเปลี่ยนวิธีการหาที่ตายอยู่ อยากให้เธอคิดจะขวางจริง ๆ ก็ขวางไม่ได้