บทที่ 287 ไฟ (3)
ฟ้าสีครามไร้เมฆหมื่นลี้ เหมือนกับหยกไร้ตำหนิขนาดมหึมา
จุดสีดำหลายจุดตรงขอบหยกกำลังเข่นฆ่าพัวพันกับจุดเล็กๆ หลากสีสันมากมาย เกิดควันเมฆมีสีสันหลายกลุ่มระเบิดออกมาตลอดเวลา
ซั่งหยางจินฉื่อที่อยู่กลางท้องฟ้าสูงหลายหมื่นหมี่มีสีหน้าเคร่งขรึม เท้าเหยียบอยู่บนพู่กันสีขาวขนาดยักษ์เล่มหนึ่ง เส้นสายสีดำเหมือนหมึกที่เกิดจากอักขระลวดลายนับไม่ถ้วนมากมายไหลเวียน
นี่คือสนามพลังป้องกันตัว ที่อาวุธเทพปล่อยออกมาตามธรรมชาติ และเป็นรังสีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน
“เป็นวิญญาณมารที่ผุดมาจากไหนกันแน่” เขาเขม้นมอง มารร่างยักษ์ที่มีควันสีดำลอยวนเวียนทั่วร่างซึ่งอยู่ตรงข้าม
มารสองตน ล้วนเป็นระดับผู้ถืออาวุธ ทั้งยังปรากฏตัวขึ้นที่น่านฟ้านี้อย่างกะทันหัน
“ยังดี ที่นี่น่าจะเป็นร่างแยกวิญญาณมารของทัพมาร ไม่ใช่วิญญาณมารจริงๆ”
ผู้ถืออาวุธอีกคนหนึ่งยืนอยู่บนใบเฟิง (เมเปิล) ทำจากหยกขนาดยักษ์ใบหนึ่ง สีหน้าจริงจัง
“เป็นตัวตนที่คล้ายกับพวกเรา!”
ซั่งหยางจินฉื่อพยักหน้า มองดูผู้ถืออาวุธอีกคนที่กำลังพัวพันกับมาร กล่าวให้ถูกก็คือ พวกเขาไม่ใช่ผู้ถืออาวุธตัวจริง แต่เป็นผู้ถืออาวุธมือรอง
ถ้าหากบอกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เป็นพลังงานสยบในระดับเดียวกันกับอาวุธเทพ อย่างนั้นสิ่งที่ผู้ถืออาวุธมือรองเช่นพวกเขาควบคุมก็คือ อาวุธผสมชนิดพิเศษที่เอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้นมาประกอบกัน
พลังของพวกเขาเหนือกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่ต่ำกว่าอาวุธเทพ นี่คือพลังและศักยภาพของเก้าตระกูลแห่งจงหยวน
“สหายหวง สหายเหลย วิญญาณภูตมารสองตนนี้มีสติปัญญาไม่สูงนัก พวกเราลงมือสุดกำลัง รีบจัดการให้เสร็จเร็วๆ เป็นอย่างไร!?” ซั่งหยางจินฉื่อแนะนำเสียงทุ้ม
“ดี!”
“ประเสริฐ!”
ผู้ถืออาวุธมือรองสองคนพยักหน้าพร้อมกัน
หลังจากได้รับข่าว พวกเขาตื่นขึ้นจากการหลับไหลปิดด่านอันยาวนาน
ตระกูลจงหยวนแต่ละตระกูลจะมีผู้ถืออาวุธมือรองแค่คนเดียว เป็นพลังรบระดับสูงสุด และไม่อาจเรียกใช้ง่ายๆ เหมือนกับผู้ถืออาวุธ
ปกติแล้วการดำรงอยู่ของพวกเขาจะมีหนึ่งในผู้อาวุโสรับตำแหน่งในแต่ละรุ่น คนธรรมดาไม่รู้ เพียงแต่จะลงมือด้วยตัวเองก็ต่อเมื่อ ผู้ถืออาวุธไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ตอนเจอวิกฤติการณ์ใหญ่
ทว่าครั้นตระกูลซั่งหยางได้รับข่าวการรบ ก็เรียกใช้ผู้ถืออาวุธมือรองอันได้แก่ตระกูลหวงและตระกูลเหลย เพื่อสะกดสถานการณ์พร้อมกันทันที
แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอภูตมารขัดขวางกลางทาง ภูตมารเหล่านี้ต่างมีพลังน่าตกตะลึง ไม่ทราบว่าโผล่มาจากที่ใด
“พู่กันที่เก้า ทิ้งศิลา!” ซั่งหยางจินฉื่อกระทืบเท้า พู่กันขนาดยักษ์พลันสาดแสงสีทองเจิดจ้า
ฟิ้วๆๆ ขนแปรงสีทองนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาเหมือนกับหนามแหลม
ขนแปรงทุกเส้นเหมือนกับสิ่งมีชีวิต บิดงอและเปล่งแสงสีทอง กลายเป็นหยดฝนสีทอง พุ่งใส่ภูตมาร
อีกสองคนแยกกันใช้วิชาลับ โคจรพลานุภาพของอาวุธเทพ แม้จะเป็นแค่อาวุธเทพปลอมที่เอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาประกอบกัน แต่ยังคงมีอานุภาพแข็งแกร่งถึงขีดสุด
ไม่นาน แสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งมาขวางเป็นระยะหลายร้อยหมี่ดุจดาวตก ปลาหลีฮื้อยักษ์ตัวหนึ่งในแม่น้ำค่อยๆ ชูส่วนหัวขึ้นมา
สิ่งที่น่าพิศวงก็คือปลาหลีฮื้อตัวนี้ทั่วทั้งตัวเป็นสีดำ มีแต่ส่วนศีรษะที่มีหนวดมังกรสีทองสองเส้น ขนาดร่างของมันอย่างน้อยก็ใหญ่มากกว่าร้อยหมี่ พุ่งชนใส่มารพร้อมกัน
เหลยเฮ่าผู้ถืออาวุธมือรองแห่งตระกูลเหลยที่อยู่อีกด้านทำท่ามือคว้าจับ แสงสายฟ้ามากมายพลันบิดเบี้ยวและรวมตัวกันเป็นทรงกลม มีนกยักษ์สีม่วงอมฟ้าที่เหมือนกับหงส์ปรากฏขึ้นรอบๆ หลายตัว พวกมันบินวนเวียนรอบดวงแสงสายฟ้าอย่างช้าๆ พลางส่งเสียงร้องกังวานใส
ภูตมารสองตัวหัวเราะเหอะๆ อย่างดุร้าย
พวกมันมีเขาข้างหนึ่งบนศีรษะ สองตาเป็นสีทอง สวมใส่เกราะรบสีดำ ถาดกลมโลหะสีดำหลายแผ่นลอยตัวพลางหมุนวนอยู่ข้างหลัง บนถาดกลมเต็มไปด้วยสัญลักษณ์สีเลือดที่บิดเบี้ยวและลี้ลับหลากหลาย
“ผู้ถืออาวุธมือรองสามคนคิดจะหยุดสภาวะของใต้เท้าอย่างพวกข้าหรือ” ภูตมารตนหนึ่งในนี้ยิ้มเย็นชา
“ฝันกลางวันจริงๆ” ภูตมารอีกตนหนึ่งยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกัน เสียงทั้งสองแทบจะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเส้นเสียงหรืออย่างอื่น
“จะให้พวกเจ้าได้เห็นเอง” ภูตมารตนหนึ่งวูบไหวร่าง พริบตาเดียวก็ไปอยู่ด้านหน้าภูตมารอีกตน
ควับ!
ทั้งสองยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาแทบจะพร้อมกัน แล้วยัดเข้าไปในปากอีกฝ่าย
แขนยิ่งมายิ่งยาว ยิ่งมายิ่งลงลึก เสียบเข้าไปถึงกระเพาะของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่น่าประหลาดยิ่งกว่าก็คือ ร่างกายส่วนที่เหลือของภูตมารสองตนเริ่มหลอมรวมเกาะติดกัน
เปรี๊ยะๆ
สายฟ้าสีดำหลายสายค่อยๆ ลอยวนเวียนรอบๆ ก้อนเนื้ออันลี้ลับที่เกิดจากการหลอมรวมของทั้งสอง อุณหภูมิในอากาศสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ปราณมารซึ่งเป็นเมฆสีดำก้อนใหญ่ระเบิดออกจากร่างของภูตมารอย่างสะเทือนเลือนลั่น ก่อนจะปกคลุมผู้ถืออาวุธมือรองสามคนที่อยู่ใกล้ๆ ในพริบตา พวกเขารับมือไม่ทัน ถูกห่อหุ้มเอาไว้ทั้งคนทั้งอาวุธศักดิ์สิทธิ์
“แย่แล้ว! ร่างแยกราชามาร…!” ซั่งหยางจินฉื่อพุ่งร่างครึ่งหนึ่งออกมาอย่างฉับพลัน หมายจะทะลวงเมฆสีดำ ทว่าเสียงขาดหายไปกลางคัน พริบตาเดียวก็ถูกมือสีดำสนิทนับไม่ถ้วนในก้อนเมฆลากกลับไป
…
สำนักมารกำเนิด ใต้ดิน
ไฟสีม่วงส่องแสง ขับให้ถ้ำสว่างไสวและมองเห็นชัดเจน
ลู่เซิ่งมีร่างกายขนาดสามหมี่กว่าๆ แต่ศีรษะกลับขยายถึงขั้นอลังการถึงขีดสุด ทั้งยังมีปากมหึมาเกือบสามสิบหมี่เหมือนกับปลาวาฬและเหมือนหัวมังกร ฟันแหลมคมสุดเปรียบปานกัดลึกเข้าไปในผิวหนังของเสือดาวอสรพิษ
ร่างกายท่อนหน้าของเสือดาวอสรพิษถูกกลืนเข้าปากลู่เซิ่ง เหลือแต่ร่างกายท่อนหลังที่กำลังโบกมือโบกขาหลายแถวเพื่อดิ้นรนขัดขืน เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกจากมุมปากของลู่เซิ่ง ก่อนจะหยดลงบนพื้น
เสือดาวอสรพิษใช้กรงเล็บแหลมคม ข่วนผิวด้านในปากของลู่เซิ่งสุดชีวิต
ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เนื่องจากความแข็งของเกราะเกล็ดของลู่เซิ่ง กรงเล็บเหล่านี้ได้แต่ข่วนเป็นบาดแผลตื้นๆ หลายสาย หนำซ้ำปากแผลเหล่านี้คงอยู่แค่ไม่กี่ลมหายใจ ก็ได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซมด้วยความเร็วสูง
ลู่เซิ่งไม่แม้แต่จะสนใจ เขาตั้งใจกลืนกินเสือดาวอสรพิษเพียงอย่างเดียว อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายงุนงง เปลี่ยนร่างเป็นสภาพผู้ทำลายล้างที่หยินหยางรวมเป็นหนึ่ง สวาปามอีกฝ่ายในคำเดียวแล้วเริ่มกลืน
โอกาสแบบนี้หายากถึงขีดสุด เสือดาวอสรพิษเป็นมารโบราณ ไม่ได้มีแค่ความสามารถเหล่านี้อย่างแน่นอน เกิดว่าเขาหลุดไปได้ และมีเวลาพักหายใจ ภายหลังจะต้องเป็นสงครามที่ยากลำบากอีกครั้ง
ซู่…ซู่…
ลู่เซิ่งเงยหน้าสะบัดหัวทีหนึ่งเหมือนกับปลาวาฬ พลันยัดเสือดาวอสรพิษไปถึงคอ กลืนร่างส่วนใหญ่เข้าไปอีก
น้ำลายของเขาไหลเข้าไปในปากแผลของเสือดาวอสรพิษที่ถูกฟันแหลมเจาะทะลุ กัดกร่อนกายเนื้อภายในร่างของอีกฝ่าย
หลังจากเลือดเนื้อกลายเป็นสารละลาย ก็ถูกลู่เซิ่งกลืนกินอีกรอบ พอไหลไปถึงส่วนกระเพราะก็กลายเป็นสารอาหารด้วยความเร็วสูง แล้วรักษาปากแผลทั้งหมดบนร่างลู่เซิ่ง
“ไม่…ไม่!”
เสือดาวอสรพิษดิ้นรนในคอของลู่เซิ่งจนเกราะเกล็ดบนผิวคอนูนออกมาเป็นสภาพหลากหลาย
เขาเพียงแค่ประมาทไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าพละกำลังและความเร็วของลู่เซิ่งจะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัวในเวลาแค่เสี้ยววินาที
พอมาถึงระดับของพวกเขา ระดับการเพิ่มพลังอย่างมากสุดจะอยู่ที่สองสามส่วน วิชาลับแบบนี้ถือว่าร้ายกาจสุดขีดแล้ว ไม่เคยได้ยินถึงวิชาลับที่เพิ่มพลังหลายเท่าตัวมาก่อนจริงๆ
ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีพลังมากเกินไป ในฐานะผู้เข้มแข็งระดับสูงสุดท่ามกลางราชาปีศาจซึ่งใกล้เคียงกับระดับเจ้าแห่งมาร พลังที่มหาศาลแบบนี้ไม่อาจเพิ่มระดับขึ้นได้มากเกินไปในครั้งเดียว
“ลงไปถึงท้องแล้ว ยังคิดหนีอีกหรือ” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงก้องกังวาน เขาเหลียวซ้ายแลขวาขณะคาบเสือดาวอสรพิษ แล้วใช้สองมือดันร่างท่อนหลังของเสือดาวอสรพิษเข้าไปในปากอย่างดุดัน
เปรี้ยง!
ท้องของเขาถูกเสือดาวอสรพิษที่กำลังดิ้นรนกระแทกด้วยพละกำลังอันมหาศาล จนพองขยายขึ้นเหมือนกับลูกหนังเป่าลม แต่ก็ยุบลงในทันที
เสือดาวอสรพิษอาละวาดด้วยพละกำลังอันรุนแรงในท้องของลู่เซิ่ง แต่หลังจากเวลาผ่านไป ระดับความดิ้นรนก็ยิ่งมายิ่งลดลง ยิ่งมายิ่งอ่อนแอ
ผ่านไปนาน ในที่สุดเสือดาวอสรพิษก็ถูกกลืนเข้าไปในท้องลู่เซิ่งหมดโดยสิ้นเชิง แต่ต่อให้เขาถูกฟันแหลมคมกัดฉีกเป็นหลายท่อน ก็ยังคงมีพลังชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
ร่างกายของเสือดาวอสรพิษที่ถูกตัดขาดเป็นท่อนจำนวนไม่น้อย ยังเหลืออยู่บนพื้นถ้ำ พวกมันคืบพลานอยู่บนพื้นอย่างเชื่องช้าเหมือนกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง
หางเรียวยาวด้านหลังลู่เซิ่งส่ายเบาๆ ม้วนเอาร่างเสือดาวอสรพิษหลายท่อนขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แล้วเอามารวมกัน ก่อนจะยัดใส่ปากทีละท่อนๆ
ปราณมารจำนวนมากทะลักออกมาจากในร่างของเขา นั่นคือแก่นมารนับไม่ถ้วนที่ได้จากการย่อยเสือดาวอสรพิษ แก่นมารมีมากมายเหลือคณานับ ทั้งยังถมความหิวโหยอันน่ากลัวในจิตใจของลู่เซิ่งได้ทันท่วงที
เขายืนอยู่ที่เดิม แค่กลืนกินมารโบราณตัวเดียว ก็รู้สึกเหมือนกินมารหลายร้อยหลายพันตัวเมื่อก่อนหน้าแล้ว ท้องป่องจนแทบรับไม่ไหว ปราณมารในร่างเยอะจนไหลซึมออกมา
แก่นมารอันมหาศาลและต่อเนื่องไม่ขาดสายถูกเซลล์ที่หิวโหยในร่างกายของลู่เซิ่งดูดซับด้วยความเร็วสูงสุดเหมือนกับฟองน้ำ
เครื่องมือปรับเปลี่ยนดีปบลูเริ่มชัดขึ้น
เมื่อมีแก่นมารอันเต็มเปี่ยมมอบให้ ในที่สุดการยกระดับครั้งนี้ก็มีผลลัพธ์
ขอบเขตวิชาลับระดับใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนโผล่ในคำบรรยายของกรอบ
[วิถีแปดมารสูงสุด: ขอบเขตที่ห้า-มุ่งสู่วิถีมาร ผลพิเศษ: แปดร่างมารรวมเป็นหนึ่ง กรดรุนแรงระดับสี่สิบ กัดกร่อนจิตใจระดับห้าสิบ เพิ่มความแข็งแกร่งแก่ผิวแข็งระดับห้าสิบ หนามสะท้อนระดับห้าสิบ เพิ่มความแข็งแกร่งแก่พละกำลังระดับเก้าสิบ ขยายพันธุ์ไร้ขีดจำกัดระดับหนึ่ง…]
ผลพิเศษมากมายอย่างน้อยสุดก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสิบระดับ ส่วนพละกำลังพุ่งทะยานไปมากกว่าเก้าสิบระดับ ควรจะทราบว่าก่อนที่ลู่เซิ่งจะสู้กับเสือดาวอสรพิษ พละกำลังเพิ่มขึ้นแค่ห้าสิบกว่าระดับเท่านั้น
นี่คืออานุภาพอันน่ากลัวหลังจากยกระดับ
ลู่เซิ่งถึงขั้นรู้สึกได้ว่า แปดร่างมารได้หลอมรวมเป็นหนึ่งไปแล้วในกระบวนการเรียนรู้ กลายเป็นร่างมารสมบูรณ์แบบที่แข็งแกร่งเหนือจินตนาการ
ร่างมารชนิดนี้ไม่ใช่แค่มีจุดเด่นของร่างมารทั้งหมดเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยังมีความสามารอันเป็นผลพิเศษที่สำคัญถึงขีดสุดเพิ่มมาอย่างหนึ่ง ขยายพันธุ์ไร้ขีดจำกัด
คำบรรยายนี้มาจากระบบความรู้ของลู่เซิ่ง เซลล์จำนวนมากของคนปกติล้วนมีจำนวนคงที่ เพียงเคลื่อนไหวได้ในอาณาเขตคร่าวๆ และจำนวนการแบ่งตัวก็คงที่เช่นกัน
ทว่าเมื่อมีผลพิเศษนี้ ลู่เซิ่งก็สามารถขยายพันธุ์ได้โดยไร้ขีดจำกัด โดยเพิ่มจำนวนการแบ่งตัวของร่างกายอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้ออย่างพิสดารได้
หลังจากเวลาผ่านไป ความรู้สึกหิวโหยของลู่เซิ่งก็ค่อยๆ ทุเลาลง
‘ถึงจะพอใจชั่วคราว แต่ถ้าเราเรียนรู้ไปยังระดับถัดไป จะต้องใช้ปราณมารมหาศาล’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญ รู้สึกว่าร่างกายยังกินไม่อิ่ม
มารโบราณ เป็นระดับราชามารที่เหนือไปอีกขั้น แต่หลังจากกินไป เขายังคงมีความหิวอยู่ก็เพราะว่าศพที่เหลือยังไม่ถูกย่อยจนหมด
ท้องของลู่เซิ่งกลับไปอยู่ในสภาพเดิมในเวลาไม่นาน
เขาค่อยๆ กวาดตามองรอบๆ สายตาหยุดบนประตูในชั้นถัดไป
ตูม!
ทันใดนันเกิดเสียงระเบิดอันหนักหน่วงดังมาจากในท้องเขา
สีหน้าของลู่เซิ่งเปลี่ยนไป ขนาดร่างกายขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็กลายเป็นร่างในสภาพหยางโชติช่วงอันมโหฬารสูงสิบหมี่ ทว่าต่อให้จะเป็นร่างนี้ ท้องของเขาก็ยังขยายขึ้นไม่หยุด เหมือนกับว่าด้านในมีพลังงานที่แข็งแกร่งสุดขีดกำลังขยายออกมาด้านนอกอย่างบ้าคลั่ง
เอิ๊ก
ลู่เซิ่งเรอ แล้วพ่นบางอย่างออกมา
เขาพ่นผลึกทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีดำสนิทก้อนหนึ่งออกมา ตัวผลึกแผ่ซ่านปราณมารที่ม้วนหงิกงอเหมือนกับหนวด
‘นี่มัน…’ ลู่เซิ่งหยิบผลึกทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนขึ้นมาอย่างสงสัย
นี่เป็นสิ่งของจำนวนน้อยนิดที่ย่อยสลายไม่ได้ในท้องของเขาหลังจากกินเสือดาวอสรพิษเข้าไป
เขาหยิบผลึกขึ้นมาศึกษาอย่างละเอียด
พึ่บ!
ทันใดนั้น ดวงตาสีขาวซีดนับไม่ถ้วนลืมตาขึ้นด้านในผลึก
ดวงตาหลายร้อยดวงจับจ้องลู่เซิ่งในทันที ต่อให้เป็นเขาก็ยังตกใจเล็กน้อย
……………………………………….