พอหมาป่าเดียวดายได้ยินว่าจะมอบนามทางธรรมให้จริงๆ จึงคึกคักขึ้นมาโดยพลัน เดินมาอยู่หน้าฟางเจิ้งด้วยความนอบน้อมก่อนก้มหน้าลง
ฟางเจิ้งกดระหว่างคิ้วหมาป่าเดียวดาย พูดว่า “อาตมาเคยบอกไว้ จากนี้นายจะเป็นผู้ปกปักวัดเอกดรรชนี วันนี้ขอมอบนามทางธรรมให้ว่าจิ้งฝ่า (ธรรมะ)”
หมาป่าเดียวดายถอยไปด้วยความนอบน้อม
ฟางเจิ้งเอ่ยต่อ “เจ้ากระรอก!”
กระรอกรีบวิ่งเข้ามา ยืนดีๆ
ฟางเจิ้งยิ้มนิดๆ จากนั้นโค้งตัวลงกดตรงระหว่างคิ้วกระรอก “ใจต้องกว้างหน่อยถึงบรรจุโลกนี้ไว้ได้ ขอมอบนามทางธรรมให้ว่าจิ้งควน (กว้างขวาง)”
กระรอกแสดงความเคารพกลับ ก่อนถอยไปด้วยความดีใจ
ฟางเจิ้งเรียก “เจ้าลิง!”
ลิงมาตรงหน้าฟางเจิ้ง ประนมสองมือ ท่าทางราวกับนักบวช
ฟางเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย กดระหว่างคิ้วลิงพลางว่า “ความเป็นอิสระนั้นสัมพันธ์กันเสมอ อิสระที่ปลดปล่อยหมดสิ้นมีแต่จะก่อให้เกิดความเลวร้าย กฎ อาตมาหวังว่านายจะหาจุดสมดุลระหว่างอิสระกับกฎเกณฑ์พบ และได้รับอิสระอย่างแท้จริง ขอมอบนามทางธรรมให้ว่าจิ้งเจิน (แท้จริง)!”
เดิมทีฟางเจิ้งว่าจะให้นามทางธรรมลิงว่าจิ้งโหยวเต๋อ แต่เขาที่เล่นอินเทอร์เน็ตบ่อยเห็นในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จิ้งโหยว? (สะอาดและอิสระ) จิงโหยว? (น้ำมันระเหย) เขารู้สึกว่ามันไม่ดีเลยรีบเปลี่ยน เขาไม่อยากให้วันข้างหน้าลิงต้องถอนขนตัวเองจนหมดเพราะนามทางธรรม
หลังจัดการทุกอย่างแล้ว ฟางเจิ้งมองเด็กแดงอีกครั้ง “จิ้งซิน ยังไม่กินข้าวอีก? นายหิวไม่ใช่หรือ? รีบกินเถอะ อีกเดี๋ยวข้าวจะเย็นหมด”
เด็กแดงมองฟางเจิ้ง ก่อนมองสัตว์สามตัวที่มีความสุข เอ่ยด้วยความไม่พอใจ “อาจารย์ พวกมันอยู่รุ่นเดียวกับข้า…”
ฟางเจิ้งยิ้ม “เรียงตามลำดับการเข้าวัด เจ้าหมาป่าจิ้งฝ่าคือศิษย์พี่ใหญ่ เจ้ากระรอกจิ้งควนคือศิษย์พี่รอง เจ้าลิงจิ้งเจินคือศิษย์พี่สาม ตอนนี้นายอยู่ลำดับสี่”
“ฮ่าๆ…น้องเล็ก รีบมาไหว้พวกศิษย์พี่เร็ว!” หมาป่าเดียวดายหัวเราะเสียงดังลั่น
เด็กแดงโกรธจนตาเหลือก เดิมทีจะใช้ลำดับรุ่นกดขี่ไอ้สารเลวสามตัวนี้ ทว่าผลคือไม่ใช่แค่กดขี่ไม่ได้ แต่ไปช่วยให้พวกมันสมหวัง! อึดอัดใจ ทุกข์ใจ! กลัดกลุ้ม!
เด็กแดงหมุนตัวกลับหันก้นขาวเรืองให้หมาป่าเดียวก่อนแล้วกินข้าวต่อ!
ข้าวชามแรกหนึ่งนาที ชามที่สองสิบนาที ชามที่สามครึ่งชั่วโมง ชามที่สี่…
“เอิก…” เด็กแดงเรอออกมา มองฟางเจิ้ง หมาป่าเดียวดาย ลิงและกระรอกที่นั่งอยู่ข้างนอก เจ้าสี่ตัวนี้กำลังมองเขาอย่างมีความสุข ไม่มีทีท่าว่าจะไปเลย
“เอิก…พวกเจ้าไม่กินกันหน่อยรึ? เอิก…พวกเจ้าไม่หิว…เอิก?” เด็กแดงถามอย่างไม่ยอมแพ้
เจ้าสี่ตัวนี้หิวจนท้องร้องจ๊อกๆ แต่กลับส่ายหน้า ไม่กินอย่างเด็ดขาด!
เด็กแดงอยากจะร้องไห้ มองข้าวผลึกในหม้อพลางรู้สึกว่าข้าวผลึกใกล้จะมาถึงคอหอยแล้ว! ขืนกินต่อไปต้องตายแน่!
ตอนนี้เองฟางเจิ้งสวดบทหนึ่ง “อมิตาพุทธ”
เด็กแดงได้ยินเข้า หรือว่าในที่สุดก็หยุดกินได้แล้ว?
แต่ฟางเจิ้งเอ่ยต่อ “จิ้งซิน ดูท่านายคงจะรักการกินข้าวผลึกจริงๆ วางใจ หม้อนี้แค่เปิดกระเพาะ หม้อต่อไปจะหุงให้มากหน่อย เจ้าลิง นายว่างอยู่ไปขุดหน่อไม้มา พวกเราจะกินอาหารว่าง อืม…จิ้งซิน นายจะกินไหม?”
พอได้ยินว่ากิน เด็กแดงรู้สึกท้องจะระเบิด เลยรีบส่ายหน้า
ฟางเจิ้งยิ้ม ลิงยิ้ม ก่อนวิ่งออกไปข้างนอก หมาป่าเดียวดายรีบคาบตะกร้าตามไป แม้จะยอมอดข้าวเพื่อดูอะไรสนุกๆ จากเด็กแดง แต่มันก็หิวจริงๆ!
ไม่นาน ฟางเจิ้งกับลิงเริ่มขุดหน่อไม้ข้างนอก หมาป่าเดียวดายกับกระรอกนั่งยองดูเด็กแดงกินอย่างมีความสุขยิ่ง
ตอนแรกเด็กแดงนั่งกินข้าวผลึก ตอนนี้นอนกินแล้ว แต่ข้าวยังเหลืออีกครึ่งหม้อ! เด็กแดงมองข้าวพวกนั้น รู้สึกว่าตาลาย สะอิดสะเอียน จะอ้วก!
“จิ้งซิน อย่าสิ้นเปลืองอาหาร ไม่อย่างนั้นอาตมาอาจจะเลยเถิด อดใจไม่ไหวสวดหนึ่งคืน” เสียงฟางเจิ้งดังแว่วมา
เด็กแดงมองฟางเจิ้ง มองหมาป่าเดียวดาย ลิงและกระรอก จะร้องไห้! แต่อดกลั้นไว้ เขาคือราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ จะเสียท่าเพราะข้าวหม้อเดียวได้อย่างไร? กิน!
ฟางเจิ้งกินดื่มจนอิ่มหนำสำราญแล้วถึงให้ลิง หมาป่าเดียวดายและกระรอกดูเด็กแดงไว้ ส่วนเขากลับไปนอนกุฏิ การอดหลับอดนอนไม่ใช่เรื่องที่ชายรูปงามควรจะทำ…
วันต่อมาไก่ตัวผู้ใต้ภูเขาขันส่งเสียง ฟางเจิ้งบิดเอวขี้เกียจ ออกจากกุฏิก็เห็นเด็กแดงนอนแน่นิ่งอยู่ในครัว เขามองข้าวในหม้อ กินหมดจริงๆ ด้วย!
ฟางเจิ้งหัวเราะเบาๆ “ศิษย์ กระเพาะอาหารใช้ได้ จะกินอีกไหม?”
“อุ๊บ!” เด็กแดงได้ยินคำว่ากินก็วิ่งออกไปอ้วก
ฟางเจิ้งขมวดคิ้ว “ศิษย์ สิ้นเปลืองอาหารแบบนี้ไม่ได้นะ”
“อาจารย์ เราไม่พูดถึงเรื่องกินได้หรือไม่? อย่าพูดถึงข้าวอีก…” เด็กแดงพูดเศร้าๆ
ฟางเจิ้งพยักหน้า “ดูท่านายคงไม่หิวแล้ว ไม่อยากกินอะไรแล้ว ได้ อาตมาจะไปเตรียมทำอาหารก่อน วันนี้ทำข้าวผลึกเป็นไง? เอ่อ ศิษย์อ้วกอีกแล้ว สิ้นเปลืองจริงๆ…”
วันนี้เด็กแดงไม่มีชีวิตชีวา นั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ขี้เกียจขยับตัว แต่ว่า….
ลิงกวาดใบไม้ผ่านมา พูดพึมพำ “ข้าวผลึกเช้านี้รสชาติใช้ได้”
“อุ๊บ!”
หมาป่าเดียวดายก้าวเท้าเล็กๆ เดินผ่าน “กินข้าวผลึกกับหน่อไม้รสชาติดีสุดๆ”
“อุ๊บ!”
กระรอกมุดออกมาจากต้นไม้ ถามแบ๊วๆ “เฮ้ย นายอ้วกข้าวผลึกเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? น่าเสียดายมาก…”
“อุ๊บ!”
ในที่สุดฟางเจิ้งปรากฏตัว “อมิตพุทธ มื้อกลางวันจะกินข้าวผลึกต้มหน่อไม้หรือว่าข้าวผลึกกับผักจิ้มซีอิ๊ว?”
“อุ๊บ!”
สุดท้ายเด็กแดงก็ยอมแพ้ ตะโกนไปว่า “ใครกล้าพูดถึงข้าวผลึก ข้าจะสู้กับมันสุดชีวิต! อย่าคิดว่าข้าไม่มีฤทธิ์แล้วจะทำอะไรไม่ได้ ข้ามีกำลังมหาศาล!” พูดจบ เด็กแดงออกแรงกระทืบเท้าดังสนั่น พื้นดินสั่นไหวสองที!
ฟางเจิ้งที่นั่งสวดมนต์อยู่ในอุโบสถลืมตาขึ้นมองไป ก่อนพยักหน้าด้วยความพอใจ “พละกำลังเยอะมาก ดี จิ้งฝ่า พาศิษย์น้องสี่ลงเขาไปตักน้ำเถอะ ก่อนหน้านี้กลัวว่าเขาอายุยังน้อย ร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้เห็นทีนายคงได้พักแล้ว”
หมาป่าเดียวดายยิ้มดีใจ แต่เด็กแดงกลับสำนึกเสียใจ ดันเผยความลับไปได้…
“อาจารย์ ข้าอ่อนแอมาก ไม่ไปได้หรือไม่?” เด็กแดงถามเสียงอ่อย
ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบอย่างอบอุ่น “ได้แน่นอน แต่ว่านายจะไม่ได้กินมื้อกลางวันกับพวกเรา…”
“ศิษย์พี่! ถังน้ำอยู่ไหน?!” เด็กแดงอ้วกจนพอ จวนจะหมดกระเพาะอาหารอยู่แล้ว เขารู้สึกว่าถ้าอ้วกต่อไป อาจจะสำรอกกระเพาะออกมาด้วย!
สุดท้ายเด็กแดงก็ยังเลือกถังใหญ่ที่สูงพอๆ กับตนลงเขาไปตักน้ำ…
“หืม? นี่เด็กบ้านใครเนี่ย?” เซี่ยหมิงมองเด็กแดงแบกถังใหญ่เดินลงมา ข้างหลังมีหมาป่าเดียวดายเดินตามมา
เด็กแดงหนังตายกขึ้นสูง ด่าทอไปว่า “มองอะไร? ไอ้พวกขยะ ถ้ามองอีกมหาราชาจะตุ๋นเจ้า!”
เส้นดำทมิฬโผล่มาบนหน้าผากเซี่ยหมิง พูดพึมพำเขินๆ ว่า “เด็กนี่โหดชะมัด…”