“นั่นก็เพราะพี่สาวต้องการไปที่เจียงหู ฉะนั้นจึงต้องทำตัวให้ชินก่อนอย่างไรเล่า”
แย้มยิ้มจนตาหยีขณะมองดูหนูน้อยซึ่งมีเค้าโครงหน้าดั่งเช่นป๋ายจี หลินเมิ้งหยาเอื้อมมือไปหยิกแก้มนวลของเด็กหญิง
บางทีอาจเพราะพรสวรรค์ของหลินเมิ้งหยา กอปรกับความอบอุ่นอ่อนโยนเข้าถึงง่าย เด็กๆ จึงไร้ซึ่งท่าทางหวาดกลัว แต่กลับยื่นมือเข้าไปสัมผัสใบหน้าของหลินเมิ้งหยา
“เสี่ยวเจียอย่าเสียมารยาทกับคุณหนู”
มองเห็นมือน้อยสกปรกเลอะเทอะแตะต้องใบหน้านวลงดงามของหลินเมิ้งหยา ท่านป้าป๋ายจึงรีบร้องตะโกนเสียงดัง
“ไม่เป็นไร นางเป็นเพียงเด็ก เด็กน้อยต้องไร้เดียงสาเช่นนี้แหละจึงจะน่ารัก”
หลินเมิ้งหยากลับไม่ใส่ใจ นางส่งยิ้มให้กับเสี่ยวเจีย
หลังจากหนูน้อยได้สัมผัสใบหน้าของหลินเมิ้งหยาแล้ว นางหัวเราะ “ฮุ ฮุ ฮุ” ไม่หยุด
“ข้าได้สัมผัสใบหน้าของเจ้าแม่กวนอิมแล้ว คุณหนูงดงามกว่าเจ้าแม่กวนอิมในวัดอีกเจ้าค่ะ”
ส่งเสียงออดอ้อนจนคนทั้งหมดหลุดขำพรืด
หลินเมิ้งหยาหยิกแก้มเล็กๆ ของนาง บรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้คือสิ่งที่นางโหยหามิใช่หรือ?
ภายในห้องพักบนเรือนเล็ก หลินเมิ้งหยาและชิงหูนั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อปรึกษากันว่าจะไปที่กลุ่มสามสหายเช่นไร
บนโต๊ะเต็มไปด้วยขนมหลายชนิดที่ท่านป้าป๋ายเตรียมเอาไว้ อย่าว่าแต่ป๋ายจื่อที่เป็นคนตะกละเลย แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็อดใจไม่ไหวและกินเข้าไปค่อนข้างมาก
แม้จะกำลังบิดผลอิงเถาในมือ ทว่าสีหน้าของหลินเมิ้งหยากลับเปี่ยมไปด้วยความกังวล
“ตอนนี้กลุ่มสามสหายมีเครือข่ายในการค้าขายแล้ว ยาที่พบเห็นได้ทั่วไปมีมากเพียงพอต่อความต้องการ หยุนจู๋รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในการคัดสรรคนงานใหม่เข้ามา หลังจากหักค่าจ้างของคนเหล่านั้นแล้ว กลุ่มสามสหายเองก็ยังมีกำไรเหลืออยู่”
ชิงหูกล่าวรายงาน หลินเมิ้งหยาพยักหน้า
หยุนจู๋เป็นผู้มีหัวการค้าชั้นยอด คิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบเสมอ ซ้ำยังมีไหวพริบ
อันที่จริงเครือข่ายการซื้อยาเป็นเพียงแค่ฉากหน้า เบื้องหลังที่แท้จริงคือการสืบข่าวทั้งเหนือใต้ออกตก
“ตอนนี้มีสาขาในเมืองทั้งหมดสิบสามสาขา ทุกวันมักจะได้รับข่าวจากผู้ที่ออกไปเก็บยากลับมา หลังจากข่าวถูกคัดกรองแล้วจึงจะส่งต่อมายังเมืองหลวง ข่าวที่พวกเราได้รับล้วนเป็นข่าวใหม่เสมอ แม้กลุ่มของพวกเราจะมีความสามารถไม่เท่ากลุ่มของพวกที่ทำงานนี้โดยเฉพาะ แต่ถึงกระนั้นก็แข็งแกร่งกว่ากลุ่มทั่วไป”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้า การกรองข่าวใหม่ทุกวันเป็นสิ่งที่นางเสนอขึ้น
เหตุผลที่พวกเขารับรู้ข่าวสารตลอดเวลานั่นก็เพราะความเร็วเท่าทันเหตุการณ์และความถูกต้องแม่นยำของข่าวสารที่ได้รับ
แน่นอนว่าพวกเขามิได้สนใจทุกข่าว
คนที่มักจะเข้ามาซื้อข่าวส่วนใหญ่เป็นคนของเจียงหูหรือไม่ก็คนในราชสำนัก คนปกติทั่วไปมักไม่ค่อยสนใจข่าวเหล่านี้นัก ยิ่งไปกว่านั้น หลินเมิ้งหยายังเจาะจงไปที่ข่าวของเจียงหูและการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารภายในอาณาจักร
แน่นอนว่ายังมีข่าวอื่น แต่ถึงกระนั้นก็ถูกแบ่งประเภทอย่างชัดเจน ได้ยินมาว่าหลังจากเปิดทำการได้เพียงไม่กี่เดือน เอกสารข้อมูลก็อัดแน่นจนเต็มห้อง
แต่ในบางสถานการณ์ก็จะถูกส่งไปทำลายทิ้ง
นางเตรียมความพร้อมที่จะลอกเลียนแบบผลงานของท่านป๋ายเสี่ยวเซิงซึ่งเป็นบุรุษผู้รวบรวบเรื่องราวทุกอย่างเข้าด้วยกัน เท่านี้นางก็จะสามารถกุมอำนาจในการข่มขู่และชี้นำไปในทางที่ถูกต้องแล้ว
สำหรับหลินเมิ้งหยาแล้ว นางต้องการทำให้กลุ่มสามสหายกลายเป็นกลุ่มการค้าข่าวสารข้อมูลอันดับหนึ่งของเจียงหู
หลังจากรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของกลุ่มสามสหายให้หลินเมิ้งหยาฟังจบแล้ว ชิงหูและนางจึงแอบขึ้นรถม้าเพื่อไปยังแถบชานเมือง
แม้ประตูเมืองจะถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ผ่านออกไปอย่างราบรื่น
ที่ชานเมือง เหล่าคนชนบทมักรวมกลุ่มกันเพื่อเข้ามาซื้อของสำหรับงานเลี้ยงฉลองวันปีใหม่ในเมืองหลวง ก่อนจะกลับบ้านพร้อมกับเสื้อผ้าและอาหารชั้นเลิศมากมาย
รถม้าแล่นด้วยความเร็ว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์เล็กที่เคยคุมขังหลินเมิ้งหยา
ด้วยความพยายามของหยุนจู๋และชิงหู เรือนหลังนี้ถูกเก็บเป็นความลับจนไม่มีใครรู้จัก
หลังจากก้าวผ่านประตูที่ถูกปิดสนิทเข้ามา ทั้งสองเดินมาถึงสวนด้านหลังของคฤหาสน์
ด้านในสวนด้านหลังคฤหาสน์มีคฤหาสน์ซ่อนอยู่อีกหนึ่งหลัง ขนาดพื้นที่ใหญ่โตโออ่ากว่าก่อนมาก
ศาลากลางน้ำงดงามและมีความเป็นธรรมชาติ แต่ถึงกระนั้นสถาปัตยกรรมการก่อสร้างก็ยังละเอียดลออน้อยกว่าตำหนักหลิวซิน
ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามความต้องการของหลินเมิ้งหยา
สถาปัตยกรรมเลียนแบบจากราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถัง เหตุเพราะมีบ่อน้ำพุร้อนซึ่งมีอุณหภูมิสูง ดังนั้นไอหมอกจึงลอยฟุ้งบดบังเรือนแห่งนี้จนแทบมองไม่เห็น
หากมีคนต้องการคุยเรื่องการค้า เช่นนั้นนางก็คงต้องออกหน้ารับแขกด้วยตนเอง
ม่านหมอกที่ลอยเอื่อยๆ ส่งผลให้รู้สึกราวกับกำลังอยู่ในสถานที่เหนือธรรมชาติ
นางที่เป็นเจ้าสำนักเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ใบหน้าถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าคลุม ดังนั้นจึงไม่มีใครดูออกว่านางเป็นใคร
“เจ้าสำนักมาแล้ว เชิญด้านในเถิด”
หยุนจู๋ยกยิ้มขณะเดินออกมาต้อนรับ ชุดสีแดงสดปักดิ้นทองลายกุหลาบ ขนจิ้งจอกถูกเย็บติดกับคอเสื้อเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ใบหน้าของนางงดงามกว่าเดิมหลายเท่า
ทั้งสีสันและรูปแบบของเสื้อผ้าส่งกลิ่นอายของหญิงสาวแถบชนบท
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อมันมาอยู่บนเรือนร่างของหยุนจู๋ นางกลับงดงามมีเสน่ห์ยิ่งกว่าสาวชาวเมือง
ใบหน้ากลับมางดงามเหมือนก่อนแล้ว แต่ที่น่าแปลกก็คือทั้งที่อายุอานามของนางมากแล้วแท้ๆ ทว่าใบหน้าของนางกลับยังงดงามมีเสน่ห์ชวนมอง
เพียงนางวาดรอยยิ้มก็สามารถดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดไปได้ อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็ถูกดึงดูดด้วยเช่นเดียวกัน
ต่อให้หญิงตรงหน้ามีผมสีขาวโพลน แต่นางก็เป็นผู้หญิงที่สามารถทำให้ผู้ชายทั้งโลกเหลียวหลังมองได้
“ไม่รู้ว่าควรกล่าวแสดงความยินดีกับเจ้าดีหรือไม่”
ความงามเปรียบเสมือนอาวุธร้ายของหยุนจู๋ แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้นางต้องทุกข์ทรมาน
หลังจากทำความรู้จักกันมาระยะหนึ่ง หลินเมิ้งหยาและหยุนจู๋จึงกลายเป็นเพื่อนกัน
เหยียดยิ้มขมขื่น ก่อนจะเดินนำทางพลางเอ่ย
“ข้าเปรียบเสมือนคนใกล้ตาย แต่เจ้าสำนักช่วยชีวิตข้ากลับมา ฉะนั้นชีวิตของข้าจึงเป็นของท่าน”
ตอนแรกที่หยุนจู๋มายังที่นี่ นั่นก็เพราะนางอยากให้หลินเมิ้งหยาช่วยใครคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อยู่มาวันหนึ่งนางกลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องช่วยคนผู้นั้นแล้ว
นางไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ทว่าขอเพียงหยุนจู๋อยู่ดูแลกลุ่มสามสหายให้นาง ไม่ว่านางจะร้องขอสิ่งใด หลินเมิ้งหยาก็พร้อมจะยอมรับ
“เจ้าสำนัก คฤหาสน์แห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้นด้วยกัน ด้านหน้าสุดคือเขตที่นั่งบัญชาการงานของคุณชายทั้งสาม ชั้นกลางคือสถานที่สำหรับคัดกรองส่งข่าวทั้งหมด ส่วนชั้นในสุด หนึ่งคือที่พักของท่าน สองคือสถานที่เก็บข้อมูลลับ คฤหาสน์ทั้งสามชั้นนี้ถูกอารักขาโดยเหล่ามิตรสหายของกลุ่มสามสหาย โดยมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามกันทุกสิบสองชั่วโมง”
ขณะอธิบาย หยุนจู๋นำทางหลินเมิ้งหยามาถึงคฤหาสน์ชั้นสอง
เมื่อเทียบกับสวนด้านหลังคฤหาสน์เมื่อครู่ ที่นี่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่ามาก
แม้จะเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่เทียบเท่าคฤหาสน์ด้านหน้า แต่เพราะมีการจัดสัดส่วนห้องเอาไว้เป็นแถวเรียงรายกัน ดังนั้นที่นี่จึงดูเข้มงวดกว่ามาก
ผู้คนสวมเสื้อผ้าหลากสีสันเดินขวักไขว่ไปมาบริเวณคฤหาสน์ชั้นกลางแห่งนี้
หน้าประตูห้องทุกห้องล้วนแขวนป้ายชื่อธุระที่ต้องการติดต่อเอาไว้อย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าที่นี่แบ่งประเภทของธุรกิจได้อย่างถูกต้อง
คนที่เข้ามายังที่นี่เพื่อส่งข่าวล้วนถูกเรียกว่าหม่าถุย ส่วนคนที่คัดกรองข้อมูลทางด้านนอกเรียกว่าเสี่ยนเหริน สุดท้ายคนที่ทำการบันทึกข้อมูลด้านในสุดถูกเรียกว่าเซียนเซิง
เห็นได้ชัดว่าหม่าถุยและเซียนเซิงล้วนรู้จักรองเจ้าสำนักอย่างหยุนจู๋เป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็มิกล้ามองข้ามชิงหูที่กำลังแย้มยิ้มตาหยีอยู่ข้างๆ
พวกเขาได้ยินมาว่าชิงหูคนนี้คือคนสนิทของเจ้าสำนัก ดังนั้นพวกเขาไม่ควรจะเข้ามายุ่มย่ามกับชายคนนี้
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงกลางก็อดที่จะสงสัยไม่ได้
คนที่ทำให้ท่านรองเจ้าสำนักต้องคอยนำทาง อีกทั้งยังมีชิงหูคอยอารักขาคือใครกันนะ?
หรือจะเป็นเจ้าสำนักที่พวกเขาไม่เคยพบหน้ามาก่อน?
แต่เขาดูอายุน้อยเกินไป
หลินเมิ้งหยาเดินมาถึงคฤหาสน์ชั้นกลาง นางเป็นคนออกกฎระเบียบของที่นี่เอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหยุนจู๋และชิงหูจะปฏิบัติตามได้ดีเช่นนี้
หลังจากพวกหม่าถุยโค้งคำนับพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงรีบไปส่งข้อมูล
หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าคนเหล่านี้จะต้องกำลังนึกสงสัยอย่างแน่นอน แต่นางไม่คิดอยากเปิดเผยตัวตนว่าตัวเองคือเจ้าสำนัก
มีเพียงวิธีกักเก็บความสงสัยเอาไว้ในหัวใจเท่านั้นจึงจะทำให้คนเจียงหูเหล่านี้มีความรู้สึกหวาดหวั่น หากปราฏตัวต่อหน้าพวกเขาตรงๆ คนเหล่านี้ไม่มีทางเคารพเชื่อฟังนางอย่างแน่นอน
หากคิดจะแสดงอำนาจต่อหน้าพวกเขา เช่นนั้นจะต้องรอโอกาสอันเหมาะสม
ทว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็น
“ข้าคิดว่าต่อจากนี้ไปพวกหม่าถุยต้องใส่หน้ากาก แม้แต่เซียนเซิงและเสี่ยนเหรินเองก็เช่นเดียวกัน หลังจากส่งข่าวเรียบร้อยแล้ว หากทั้งสองตกลงทำการค้า เช่นนั้นจำเป็นต้องประทับตราของกลุ่มสามสหาย ห้ามมิให้เปิดเผยตัวตนของตนเองโดยไม่ทำการค้ากันเป็นอันขาด”
หยุนจู๋และชิงหูสบตากัน คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะมีวิธีการที่เข้มงวดและรอบคอบถึงเพียงนี้
พวกเขาลืมไปเลยว่าคนที่มาส่งข่าวอาจถูกจดจำใบหน้าได้ ก่อนหน้านั้นหากนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋ถูกเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงขึ้นมา พวกเขาจะต้องถูกกำจัดหรือไม่ก็ทำลายใบหน้าทิ้ง
แต่การตัดสินใจของหลินเมิ้งหยาเช่นนี้ทำให้กลุ่มสามสหายมิได้รับผลกระทบอันใดแม้ว่าจะมีคนทรยศหักหลังและหนีไป ซ้ำยังสามารถโจมตีได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
“อย่าลืมวาดภาพพวกเขาเก็บเอาไว้และแยกประเภทให้ดี จากนั้นตั้งรหัสผ่านเพื่อมิให้ความลับรั่วไหล ยิ่งไปกว่านั้นหากมีคนทรยศ พวกเราจะสามารถจัดการได้ทันที”
หลินเมิ้งหยาหาใช่คนใจคอโหดเหี้ยม ฉะนั้นนางมิอาจฆ่าใครได้เพียงเพราะใบหน้าถูกเปิดเผย ดังนั้นนางจึงคิดหาวิธีนี้เพื่อดูแลความปลอดภัยของคนในกลุ่มสามสหาย
หยุนจู๋รีบพยักหน้ารับพร้อมทั้งรับปากว่าจะจัดการทันทีในช่วงบ่าย ตอนนี้นางไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะทรยศหักหลังอย่างแน่นอน เพราะหากไม่ใช่เพราะกลุ่มสามสหายช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ บางทีป่านนี้พวกเขาคงหมดลมหายใจไปนานแล้ว