เล่มที่ 10 บทที่ 280 ภายในกลุ่มสามสหาย

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“จริงสิ ต่อจากนี้ไปหากพบยาวิเศษอันใดจะต้องรายงานข้าก่อน”

นางจะต้องถอนพิษจากร่างของชิงหู เรื่องนี้นางได้ปรึกษากับท่านอาจารย์เรียบร้อยแล้ว หากยังไม่สามารถหายาสมุนไพรในการถอนพิษได้ อย่างน้อยก็ต้องหายาสมุนไพรชนิดอื่นมาแทนที่เพื่อประคองชีวิตของเขาเอาไว้

สายตากวาดมองชายในชุดลายเมฆาตรงหน้า เขาพลิกเอกสารอ่านข้อมูลภายใน แม้ข้อมูลจะมีไม่มาก แต่กลับละเอียดอย่างยิ่ง

ดีเหลือเกิน ดูเหมือนคนเหล่านี้จะทำงานได้เป็นอย่างดี

“ด้านหน้าคือคุณชายทั้งสามของกลุ่มสามสหาย ข้าทำตามความประสงค์ของท่าน โดยทุกสามเดือนจะจัดการแข่งขันขึ้นหนึ่งครั้ง ผู้ชนะจะได้ของรางวัลตอบแทนมากมาย ตอนนี้บรรยากาศในกลุ่มสามสหายจึงค่อนข้างคึกคัก ส่วนคุณชายทั้งสามแบ่งมีดังนี้ คุณชายผู้มีความฉลาดหลักแหลม…ซ่างกวนเฮ่า คุณชายเจ้าสำราญ…ฉินยี่ คุณชายจอมยุทธ์…หนานจวิ้นฮวา ทั้งสามคนนี้ได้รับคัดเลือกจากการทดสอบที่โหดมหาหิน ดังนั้นเจ้าสำนักอย่าได้กังวลถึงฝีมือของพวกเขาเลย”

สมแล้วที่เป็นหยุนจู๋ หากเป็นหลินเมิ้งหยาแล้วล่ะก็ นางคงต้องคิดหาวิธีอย่างรอบคอบจนหัวแทบระเบิด

หลังจากพวกหม่าถุยและคนงานคนอื่นๆ ได้เห็นหยุนจู๋ พวกเขาล้วนโค้งคำนับแสดงความเคารพ

สายตาของชายเหล่านั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง แต่ส่วนใหญ่ล้วนแสดงออกถึงความเลื่อมใส หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีคนที่สามารถไว้ใจได้

คฤหาสน์ทางด้านหลังกว้างกว่าทางด้านหน้ามากหลายเท่าตัว

หม่าถุยมีท่าทางสงบเสงี่ยม เสี่ยนเหรินเดินเข้าออกขวักไขว่ แม้แต่คนที่คิดจะทำการค้ากับกลุ่มสามสหายเองก็ถูกกันเอาไว้ที่ศาลาเล็กนอกสวน

ไม่ว่าพวกเขาจะมีฐานะเช่นไร แต่ถึงกระนั้นก็ต้องเข้าแถวต่อคิวตามลำดับ

ป้ายแสดงลำดับที่หยุนจู๋จัดทำขึ้นถูกส่งมอบให้คนเหล่านั้น

ทุกวันกลุ่มสามสหายจะรับลูกค้าเพียงแค่สิบคน หากคิดจะเข้ามาที่นี่ เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าพวกเขาจึงจะเข้ามาได้

ทว่ากลุ่มสามสหายมีการบริการที่ดี ไม่ว่าลูกค้าจะมีฐานะเช่นไร ขอเพียงพวกเขาเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจะได้รับการต้อนรับอย่างมีเกียรติ บริเวณศาลาเล็กมีองครักษ์หน้าตางดงามคอยรับใช้ รวมถึงขนมและเมล็ดพืชต่างๆ ให้รับประทาน

“เจ้าทำออกมาได้ไม่เลว ลำบากเจ้ามากแล้ว”

หลินเมิ้งหยามองไปรอบๆ นางรู้สึกว่าทุกที่ล้วนเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูเหมือนการมอบกลุ่มสามสหายให้หยุนจู๋เป็นคนจัดการจะมีประสิทธิภาพเสียยิ่งกว่านางจัดการเอง

นางไม่เคยมีประสบการณ์อยู่ในเจียงหู ดังนั้นจึงมิอาจจัดการได้อย่างครอบคลุม

ซ้ำนางยังไม่คิดว่าหยุนจู๋จะแย่งชิงอำนาจไปจากตนเอง ความเชื่อใจคือปัจจัยพื้นฐานของการทำงานร่วมกัน ขอเพียงได้สิ่งที่นางต้องการมาครอบครอง ไม่ว่าจะใช้วิธีการไหนก็ไม่สำคัญ อันที่จริงสาเหตุที่นางสร้างกลุ่มสามสหายขึ้นมาก็เพื่อเบิกทางให้ตัวเองเพียงเท่านั้น

ละทิ้งจากหน้าที่การเป็นชายาอวี้ จากนั้นใส่ใจกับกองกำลังแห่งเจียงหูแห่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น หากนางสามารถสร้างกลุ่มสามสหายกลุ่มแรกขึ้นได้ เช่นนั้นนางก็สามารถสร้างกลุ่มสามสหายกลุ่มที่สองได้เช่นเดียวกัน

ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งที่นางเพิ่งจะมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาเท่านั้น

ทั้งสามเดินวนจนครบรอบ ก่อนจะกลับมายังบริเวณหลังสวนอีกครั้ง

เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาสวมใส่ชุดผู้ชาย อีกทั้งยังใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้า ดังนั้นคนในกลุ่มสามสหายจึงแค่รู้สึกสงสัย แต่มิอาจจำนางได้

หยุนจู๋ประกาศชัดเจนแล้วว่าตนเองเป็นเพียงรองเจ้าสำนักเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเสียงของนางยังแสดงออกถึงความเลื่อมใสเจ้าสำนัก ดังนั้นคนทั้งหมดอาจไม่เคารพรองเจ้าสำนักอย่างนางได้ แต่จะดูหมิ่นเจ้าสำนักไม่ได้เด็ดขาด

ไม่เคยมีใครเห็นเจ้าสำนักมาก่อน แต่คนที่จะสามารถควบคุมรองเจ้าสำนักได้จะต้องเป็นคนที่เก่งกาจเกินคน

หากหลินเมิ้งหยารู้ว่าในใจของเหล่าพี่น้องกลุ่มสามสหาย นางได้กลายเป็นคนเก่งกาจเหนือมนุษย์แล้วล่ะก็ คาดว่านางจะต้องก้าวเท้าไม่ออกอย่างแน่นอน

กลับมายังด้านหลังคฤหาสน์อีกครั้ง หลินเมิ้งหยามองสำรวจคฤหาสน์ให้ละเอียด

ด้านข้างทั้งสองฝั่งคือห้องขนาดใหญ่สองห้อง นางครุ่นคิด บางทีนี่อาจเป็นห้องของชิงหูและหยุนจู๋

ห้องขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องของพวกเขางดงามสว่างจ้า รูปแบบการสร้างลอกเลียนแบบจากสมัยราชวงศ์ถัง เจือไว้ซึ่งกลิ่นไอของยุคปัจจุบัน เพียงเปิดประตูเข้าไปจะเห็นเป็นพื้นที่สะอาดสะอ้าน แต่กลับมีเพียงโต๊ะตัวเดียววางอยู่

กำแพงรอบห้องทั้งสี่ทิศแน่นขนัดไปด้วยชั้นวางหนังสือ

ที่นี่คือสถานที่เก็บเอกสารลับและยังมีหนังสือหายากที่ชิงหูและหยุนจู๋หามาให้หลินเมิ้งหยาคลายเหงา

กาหยกขาวรับกับถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ข้างกันถูกวางไว้บนโต๊ะ

หลินเมิ้งหยาถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไป ช่างเป็นของล้ำค่าอันแสนงดงาม นางเพียงเอื้อนเอ่ยออกมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะสร้างมันขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้

“ขอบคุณพวกเจ้ามาก”

ยกมือลูบไล้หนังสือที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบบนชั้น หลินเมิ้งหยาปลื้มใจมากเหลือเกิน

ชิงหูยกยิ้มเอ็นดูเหมือนอย่างเคย แม้แต่หยุนจู๋เองก็ยิ้มพลางส่ายหน้า ราวกับกำลังคิดว่าเหตุใดหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียวคนนี้จึงมีความรักความชอบเหมือนเด็กสาวทั่วไป

หลินเมิ้งหยาซ่อนความรู้สึกซาบซึ้งใจเอาไว้ภายในใจ นางรู้ว่าชิงหูและหยุนจู๋มิได้ติดหนี้ค้างอะไรต่อนาง ดังนั้นนางจึงทำเพียงจดจำสิ่งเหล่านี้เอาไว้

ขณะที่พวกเขาทั้งสามคิดจะกล่าววาจา ระฆังที่แขวนอยู่ในห้องพลันมีเสียงดังขึ้นมา

หยุนจู๋ชำเลืองมองก่อนจะเอ่ย

“นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีคนสอบผ่านการทดสอบของกลุ่มสามสหาย ฉะนั้นจึงจะเริ่มทำการค้ากับพวกเขา เจ้าสำนักรออยู่ที่นี่สักครู่ ข้าจะออกไปดูหน่อย”

หลินเมิ้งหยาพยักหน้า การทดสอบของกลุ่มสามสหายคือการทดสอบว่าฝ่ายตรงข้ามมีความจริงใจหรือไม่

หากเขามีความจริงใจกับเหล่าคุณชายทั้งสาม เช่นนั้นการค้าก็สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ฉะนั้นเหล่าคุณชายทั้งสามจำเป็นต้องมองให้เห็นถึงหัวใจคนจึงจะแยกออกว่าคนเหล่านั้นต้องการทำการค้าหรือมาวุ่นวายกับกลุ่มสามสหาย

นั่งลงด้านหลังโต๊ะ การนั่งลงบนพื้นทำให้นางรู้สึกเก้ๆ กังๆ

ตั่งในตำหนักหลิวซินสบายกว่าตั่งที่นี่ร้อยเท่า ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกว่าที่แห่งนั้นสบายจนเกินไป

เอนกายลงบนพื้น หลินเมิ้งหยาเหยียดแข้งเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์

แม้แต่ชิงหูก็หลุดขำพรืด น้อยครั้งนักที่เขาจะได้เห็นอากัปกิริยาเช่นนี้ของเจ้าเด็กน้อย

เขาลดผ้าม่านลง ก่อนจะเลียนแบบท่าทางของหลินเมิ้งหยา ทว่าครู่ต่อมาเขาก็ใช้มือทั้งสองข้างเท้าแก้ม ก่อนจะจ้องมองเจ้าเด็กน้อยตรงหน้าตาไม่กระพริบ

“เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้นเล่า? เฮ้อ โตมาขนาดนี้แล้ว นี่เป็นวันแรกที่รู้สึกเหมือนได้แสดงตัวตนของข้าออกมาจริงๆ”

หลินเมิ้งหยาอ้าปาก ก่อนจะนอนลงบนพื้น

มองดูเพดานสูงพลางส่งเสียงเจื้อยแจ้ว

ในยุคสมัยปัจจุบัน นางดูเหมือนรุ่นพี่ผู้เย็นชาและไร้ความรู้สึก นางยังจำภาพรุ่นน้องที่ถูกอาจารย์สอนสั่งเหล่านั้นได้ พวกเขาเคารพเลื่อมใสนางเป็นอย่างมาก

อย่าว่าแต่เข้ามาล้อเล่นเลย ขนาดจะทักทายยังแทบจะไม่กล้า

เมื่อข้ามภพมายังที่นี่ นางพยายามเป็นอย่างมากที่ไม่ให้ใครมองข้อบกพร่องของตนเองออก

ความคิดที่อยากอยู่แบบคนที่ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใดเสมือนต้นหญ้าที่ผุดออกมาจากพื้นดินปรากฏขึ้นในหัวใจของนาง

“หากเจ้าอยากมีชีวิตเช่นนี้ เจ้าสามารถมาอยู่ที่นี่ได้ทุกเวลา เพียงแค่…เจ้าทำใจจากหลงเทียนอวี้ได้อย่างนั้นหรือ?”

เสมือนหัวใจถูกบีบคั้น

หลินเมิ้งหยายกมือขึ้นกุมหน้าอก บริเวณตำแหน่งหัวใจ

คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เพราะเหตุใดทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนี้ หัวใจของนางจึงต้องรู้สึกเจ็บปวดด้วยนะ?

“ข้า…ข้าไม่สนใจหรอก เขาเป็นท่านอ๋องผู้สูงส่ง แล้วข้าเล่า? ข้าเป็นเพียงสามัญชนตาดำๆ คนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจของเขามีคนครอบครองอยู่แล้ว ชิงหู ข้าสามารถแบ่งทุกอย่างของข้าให้กับผู้อื่นได้ แต่เรื่องความรักและการแต่งงาน ข้ามิอาจแบ่งให้ใครได้”

หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทางจริงจัง ไม่เหมือนคนกำลังพูดเรื่องตลก

หัวใจของชิงหูเสมือนถูกบดขยี้

หลงเทียนอวี้กล้านอกใจอย่างนั้นหรือ? ข่าวนี้ทำให้หัวใจของเขาร้อนรุ่ม หากวันนี้เจ้าเด็กน้อยไม่ปริปาก เช่นนั้นเขาก็คงไม่มีวันรู้เรื่องนี้

ตอนแรกเขาคิดว่าหลงเทียนอวี้เป็นคนที่เจ้าเด็กน้อยสามารถพึ่งพาได้

ชิงหูพยายามกลืนคำก่นด่ากลับลงไปในลำคอ

“จริงสิชิงหู คราวก่อนตอนที่เจ้าส่งเจียงหรูฉินไปยังเตียงของคณิกาชาย เหตุใดเจ้าจึงทำอย่างชำนาญราวกับรู้ลู่ทางเป็นอย่างดี? หรือเจ้าเองก็มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน?”

ได้ยินมาว่าเถาฮวาอู๋ที่ไม่ได้รับการดูแลจากชิงหูย่อยยับป่นปี้ไปนานแล้ว

แม้ผู้สืบทอดตำแหน่งคนใหม่จะโหดเหี้ยม แต่เขากลับไม่มีความสามารถทัดเทียมกับชิงหู

เถาฮวาอู๋เคยเป็นกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งเจียงหู แต่ไม่นานก็ตกอันดับไป

ได้ยินมาว่ามีกลุ่มที่ชื่อว่าเจ้าแห่งความตายเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งนั้นไปแทน

มองดูสายตาสงสัยใคร่รู้ของหลินเมิ้งหยา ชิงหูทำเพียงเหยียดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเข้าไปหยิบผลไม้สดหลากสีบนโต๊ะมายื่นให้นาง

“คณิกาชายผู้นั้นคือลูกน้องข้า ตอนนั้นข้าเป็นคนสั่งสอนงานให้เขาเอง ไม่เพียงแค่เขาหรอกนะ เหล่าคณิกาชายเลื่องชื่อในเมืองหลวงตลอดช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาล้วนผ่านการฝึกฝนจากข้าทั้งสิ้น เหล่าชายหนุ่มที่ตายเพราะน้ำมือของข้ามีไม่น้อยกว่าร้อยคนแล้ว”

เอ่ยเรียบเฉยเสมือนกำลังเล่าเรื่องคนอื่น

มือนุ่มนิ่มข้างหนึ่งซึ่งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เจืออยู่ยกขึ้นมาปิดปากของชิงหูเอาไว้

เขาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหันไปเห็นใบหน้าเชิงขอโทษของหลินเมิ้งหยา

“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดถึงอดีตของเจ้า”

หลินเมิ้งหยาแลบลิ้นด้วยท่าทางซุกซน นางลืมไปเลยว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรพูดถึง แม้ชิงหูจะเอ็นดูนาง แต่นางก็ไม่ควรนำบาดแผลในหัวใจของเขาออกมากล่าวเล่น

มือหนายื่นเข้ามาจับมือเล็กของนาง เพียงถูกสัมผัสเล็กน้อย นางไม่ลังเลเลยที่จะคลายมือออก

สายตาของเขาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกโศกเศร้า

“แม้แต่น้องชายแท้ๆ ของข้าเองก็ตายด้วยน้ำมือข้า ข้าเป็นคนฆ่าเขา เหตุเพราะเขาถูกส่งตัวไปยังจวนของใต้เท้าคนหนึ่ง เมื่อกลับมาอีกครั้ง ลมหายใจของเขารวยริน ท่าทางไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าคนที่สั่งสอนเขาและทำลายชีวิตเขาคือพี่ชายแท้ๆ ของตนเอง”