หลินเมิ้งหยาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หนังสือในมือไร้ความน่าสนใจอย่างสิ้นเชิง
นางเพียงแค่เอ่ยล้อเล่นหนึ่งประโยคเท่านั้น นางหาได้คิดรื้อฟื้นอดีตของชิงหูแต่อย่างใด ความรู้สึกผิดพลันบังเกิดขึ้นในใจ ตอนนี้นางทำได้เพียงรับฟังสิ่งที่เขาต้องการเล่าเท่านั้น
จากนั้นชิงหูก็เล่าความลับที่เก็บงำไว้ออกมาให้ฟัง
“ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัยใคร่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าแห่งเถาฮวาอู๋ตัวจริง เจ้าเด็กน้อย บนโลกใบนี้ยังมีคนบางกลุ่มที่ข้ามิอาจยินยอมให้เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ หากเจ้าอยากมีชีวิตอย่างสงบสุข เช่นนั้นการรู้ให้น้อยที่สุดจะเป็นการดีเสียกว่า หากวันหนึ่งกลุ่มสามสหายสามารถเป็นปรปักษ์กับเขาได้ วันนั้นข้าจะบอกเจ้าเองว่าเขาเป็นใคร แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าสักหน่อย เถาฮวาอู๋เป็นเพียงหนึ่งในขุมอำนาจที่เขาไม่ต้องการแต่เพียงเท่านั้น”
ถ้อยคำของชิงหูแฝงไว้ซึ่งความหนักแน่น
หลินเมิ้งหยากะพริบตา กลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของเถาฮวาอู๋กลายเป็นสิ่งที่คนผู้นั้นไม่ต้องการแล้วอย่างนั้นหรือ
ตกลงคนคนนี้มีอำนาจมากขนาดไหนกันนะ?
ขณะที่คิดจะรบเร้าถามเขาต่อ จู่ๆ ผ้าม่านก็ถูกแหวกออก ก่อนที่ร่างของหยุนจู๋จะปรากฏขึ้น
ทว่าท่าทางของนางเหมือนเดินนำหน้าใครมา ด้านหลังเหมือนมีใครบางคนอยู่ หลินเมิ้งหยาเลื่อนสายตาไปมอง
“เจ้าสำนัก แขกท่านนี้อยากทำการค้าใหญ่กับท่าน ฉะนั้นข้าน้อยจึงบังอาจพาพวกเขามายังสวนชั้นในโดยมิได้รายงานเจ้าสำนักก่อน ได้โปรดลงโทษข้าด้วยเจ้าค่ะ”
เหตุเพราะมีผ้าม่านกั้น ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงมองไม่เห็นผู้ที่อยู่ด้านนอก กระตุกร่างชิงหูเล็กน้อย อีกฝ่ายเข้าใจได้ในทันที ดังนั้นเขาจึงเอ่ยแทนนาง
“สวนด้านหลังย่อมมีกฎระเบียบ ในเมื่อเจ้ามิได้รายงานก่อน เช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าเจ้าบกพร่องในหน้าที่ ไม่ว่าอย่างไรลูกค้าก็ถูกเสมอ อีกประเดี๋ยวเจ้าจงไปรับโทษ”
เสียงทุ้มต่ำเจือไว้ซึ่งความเย็นชา
หยุนจู๋รบทรุดตัวลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทาเสมือนกำลังหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองแสดงละครอย่างสมจริง คนหนึ่งแสดงท่าทางโอหังและโกรธเกรี้ยว ส่วนอีกคนกำลังตัวสั่นงันงกเพราะความหวาดกลัว
คาดว่าต่อจากนี้ไปทุกคนจะต้องคิดว่าเจ้าสำนักเป็นคนที่มิควรเข้ามายุ่มย่ามด้วยอย่างแน่นอน
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว”
หยุนจู๋เงยหน้าขึ้น ส่งเสียงสั่นเครือ
“ขออภัย ไม่ทราบว่าลูกข้าท่านนี้ต้องการทำการค้าเช่นใดกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
หยุนจู๋ถอนตัวออกไป ร่างของคนที่อยู่ด้านนอกจึงขยับเข้ามาใกล้
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกคุ้นเคยกับเงาด้านนอกอย่างบอกไม่ถูก
ผลปรากฏว่าเมื่อเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น หลินเมิ้งหยารู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
“ข้าอยากรู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีหมอเทวดาอีกมากน้อยเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหวังว่ากลุ่มสามสหายจะช่วยข้าตามหาหมอเทวดาเหล่านั้น ไม่ว่ากลุ่มสามสหายอยากได้ค่าตอบแทนเท่าไร ข้าก็พร้อมจ่าย”
หลงเทียนอวี้ ! หัวใจของหลินเมิ้งหยาเต้นระรัว
เหตุใดจึงเป็นเขา ?
หลินเมิ้งหยาคิดจะซ่อนตัว แต่เมื่อคิดได้ว่าทั้งสองมีฉากกั้นอยู่ ดังนั้นจึงมิได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น ชิงหูยังบดบังร่างกายของนางเอาไว้ เช่นนั้นสู้นางลองฟังดูก่อนดีกว่าว่าเขาต้องการทำอะไรกันแน่
“ท่านลูกค้าช่างใจกว้างยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่กลุ่มสามสหายของพวกเรารับผิดชอบเพียงทำการหาข่าวเท่านั้น ส่วนคนเหล่านั้นจะเป็นหรือตาย จะยินยอมถูกเชื้อเชิญหรือไม่ หาใช่ธุระกงการอะไรของกลุ่มสามสหาย หากท่านลูกค้าอยากตามหาคน เช่นนั้นไปติดประกาศตามหาในเมืองจะมิง่ายกว่าหรือ? การค้าในคราวนี้ข้าคงมิอาจทำได้ เชิญท่านกลับไปเถิด”
หลงเทียนอวี้ยืนอยู่ด้านนอก ดวงตาคมกริบจ้องคนที่อยู่ภายในตาไม่กระพริบ
กลุ่มสามสหายเป็นกลุ่มทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา
ได้ยินมาว่าพวกเขามีคนที่มีความสามารถโดดเด่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีใครล่วงรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร คนที่สร้างกลุ่มนี้มีวิธีการที่น่าเลื่อมใส เขาสามารถชำระล้างประวัติของพวกที่เคยกระทำความผิดจนสะอาดหมดจด
แม้แต่ทางการเองก็มิอาจหาข้อมูลของคนเหล่านี้ได้
น้อยครั้งนักที่เจ้าสำนักของกลุ่มสามสหายจะปรากฏตัว ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนแปลกประหลาด วันนี้พอได้มาเห็นกับตา เขาเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน
“ข้าเป็นใคร คาดว่าเจ้าสำนักเองก็คงรู้อยู่แล้ว ขอเพียงกลุ่มสามสหายช่วยข้าจัดการเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร ข้าก็ยินดีจ่าย”
หลงเทียนอวี้หรี่ตาลงจ้องมองเงาที่อยู่ด้านหลังม่านเขม็ง การค้าขายความลับเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เพิ่งปรากฏ
แต่ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาทำเช่นนี้ต่อไปอย่างอิสระ เกรงว่าภายภาคหน้าจะต้องเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอย่างแน่นอน
หากมันมีประโยชน์กับเขาแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเขาจะเก็บเอาไว้ แต่ถ้าไม่…ก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก !
“ฮ่า ฮ่า อวี้อ๋องช่างเป็นคนมีอารมณ์ขันเหลือเกิน น่าเสียดายที่ข้าน้อยเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา หากใช่เชื้อพระวงศ์แต่อย่างใด ข้าเห็นว่าล้มเลิกการค้าในคราวนี้เสียเถิด หยุนจู๋ส่งแขก ต่อจากนี้ไปหากมีแขกของคนในราชวงศ์มาติดต่ออีก จงเชิญกลับไปให้หมด”
แม้แต่หลงเทียนอวี้เองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าสำนักของกลุ่มสามสหายจะบ้าบิ่นถึงเพียงนี้
ไม่เพียงไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อฐานะสูงส่งของเขา แต่ยังกล้าปฏิเสธที่จะร่วมมือกับคนในราชวงศ์อีกด้วย
น่าสนใจมากทีเดียว ดูเหมือนเจ้าสำนักผู้นี้จะมิใช่คนโลภไม่รู้จักพอ แต่กลับมีมุมที่โหดเหี้ยมอำมหิตอยู่ไม่มากก็น้อย
“เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เจ้าสำนักได้โปรดใจเย็นลงก่อน ในเมื่อเจ้าสำนักออกกฎเช่นนี้ เช่นนั้นก็ทำตามกฎของท่านเถิด ข้าหลงเทียนอวี้เพียงแค่อยากทำการซื้อข่าวของหมอขึ้นชื่อแต่เพียงเท่านั้น”
แม้แต่หลินเมิ้งหยาก็คิดไม่ถึงว่าคนหยิ่งทะนงตนอย่างหลงเทียนอวี้จะยอมลดทิฐิลง ซ้ำยังกล่าวอย่างมีมารยาท นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยารู้สึกว่านางไม่เคยรู้จักหลงเทียนอวี้เลย
ไม่ส่งเสียงใดๆ แต่ใช้พู่กันเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษเพื่อส่งสัญญาณให้กับชิงหู
“อ๋องอวี้เกรงใจเกินไปแล้ว หยุนจู๋ เชิญท่านอ๋องนั่งก่อน ยกน้ำชา”
น้ำเสียงของชิงหูยังคงไม่เผยความผิดปกติใดๆหลงเทียนอวี้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีแดงซึ่งเตรียมเอาไว้ให้ลูกค้า ก่อนจะมองสำรวจคฤหาสน์เล็ก
รูปแบบเรียบง่ายแต่กลับเป็นระบบระเบียบ เห็นได้ชัดว่าเจ้าสำนักเป็นชายที่รักอิสระ ดังนั้นเขาจึงเริ่มรู้สึกดีกับเจ้าสำนักคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อย
“เชิญอ๋องอวี้ เจ้าสำนักของข้าร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นรบกวนท่านคุยการค้าเร็วสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
หยุนจู๋ยิ้มพร้อมทั้งยกน้ำชา ก่อนจะเอ่ยเตือนหลงเทียนอวี้
อีกฝ่ายผงกศีรษะ ก่อนจะรับถ้วยชามาวางไว้ข้างกาย
“ท่านอ๋องต้องการตามหาหมอที่มีชื่อเสียง คาดว่าคนในครอบครัวจะต้องเจ็บป่วยอย่างแน่นอน เพียงแต่ในโลกใบนี้มีหมอเลื่องชื่ออยู่มากมาย ไม่ทราบว่าท่านอ๋องต้องการหาหมอเลื่องชื่อเฉพาะทางด้านใดหรือ?”
หลิมเมิ้งหยาพอจะเดาได้ว่าหลงเทียนอวี้ต้องการหาหมอเลื่องชื่อเพื่อไปรักษาพระอาการประชวรของฮ่องเต้อย่างแน่นอน
หรือเขาจะไม่ไว้ใจนาง? หรือเขาจะคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของนางไม่ดีพอ จึงต้องการหาหมอที่เก่งกว่านางเข้าไป?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าเขากำลังดูถูกนาง
“หมอที่เก่งในเรื่องการรักษาอาการประหลาด เรื่องอื่นเจ้าสำนักไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม ข้าเพียงแค่อยากได้รายชื่อหมอเลื่องชื่อในแผ่นดินนี้ นี่คือทองพันชั่ง ถือเสียว่าเป็นเงินจ่ายล่วงหน้า”
ร่ำรวยเหลือเกิน ! ท่าทางอวดรวยเช่นนี้ควรเป็นเหตุผลให้นางเกลียดเขามิใช่หรือ?
แต่ถึงกระนั้นหลินเมิ้งหยาก็สั่งให้หยุนจู๋เข้าไปหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
“ในเอกสารฉบับนี้มีรายชื่อหมอทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบแปดคน มีทั้งหมอเลื่องชื่อและหมอเทวดา ส่วนเงินค่าตอบแทน ทองพันชั่งนี้มากเพียงพอแล้ว แต่ว่า…ข้าน้อยได้ยินมาว่ามีปรมาจารย์แพทย์พิษอยู่ในจวนของท่านมิใช่หรือ? ข้าน้อยขอบังอาจชี้แนะสักเล็กน้อย ปรมาจารย์ท่านนั้นเก่งไม่แพ้หมอคนใด”
ดวงตาคมกริบของหลงเทียนอวี้หรี่ลง เขาคิดอยากพุ่งตัวเข้าไปดูว่าคนที่อยู่ภายในคือใครกันแน่
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าป๋ายหลี่รุ่ยถูกกักขังอยู่ในจวนของเขา
ขนาดเรื่องนี้กลุ่มสามสหายยังรู้ได้ เช่นนั้นคนกลุ่มนี้จะยังมีความลับอีกมากน้อยเพียงไหน?
“ข้าขอชี้แนะเจ้าสำนัก เรื่องบางเรื่องที่มิควรรู้ก็อย่าได้ไขว่คว้าแสวงหาที่จะรู้ มิเช่นนั้นอาจเกิดหายนะกับท่านได้”
มือของคนที่อยู่ด้านหลังหลงเทียนอวี้กำอาวุธแน่น
คนของกลุ่มสามสหายน่ากลัวยิ่งนัก เครือข่ายข้อมูลของพวกเขาเปรียบเสมือนเข็มเล็กๆ ที่ทิ่มแทงเข้ามาได้ทุกที่
“อ๋องอวี้เอ่ยวาจาน่าขันยิ่งนัก ท่านต้องการรายชื่อหมอเลื่องชื่อ แต่จะมีหมอสักกี่คนที่อยากเปิดเผยตัวตนให้ท่านรู้กันเล่า ? ถึงอย่างไรเรื่องชั่วก็ปิดไม่มิด ท่านอ๋องเพียงแค่ระวังตัวไว้ก็เป็นพอ ยิ่งไปกว่านั้น หากใครคิดอยากได้ข้อมูลของท่านอ๋องแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องจ่ายในราคามหาศาล กลุ่มสามสหายของข้าหาใช่กลุ่มนักบุญ ท่านอ๋องได้โปรดวางใจ”
สีหน้าของหลงเทียนอวี้เคร่งขรึมลง ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่เพียงเอื้อมมือ แต่เขากลับมองไม่ออกว่าเขาเป็นใคร
โบกมือเพื่อไม่ให้ลูกน้องทำอะไรบุ่มบ่าม
ตั้งแต่เข้ามาที่นี่จนกระทั่งตอนนี้ เขาเห็นยอดฝีมือมากมายไม่ต่ำกว่าสิบคน หากเกิดการปะทะกันขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่จะแอบเข้ามาสอดแนมหาความลับของเขาเองก็มีไม่มาก เหตุเพราะต้องจ่ายค่าตอบแทนในราคามหาศาล
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอตัวลา ครั้งหน้าค่อยพบกัน”
หลงเทียนอวี้พาลูกน้องของตนเองหมุนตัวเดินจากสวนด้านหลังคฤหาสน์ไป
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ร่างด้านหลังฉากกั้นนั้นจึงส่งความรู้สึกประหลาดใจให้เขาเสมอ
แต่ผู้ชายที่เขารู้จักไม่มีผู้ใดเหมือนกับคนผู้นั้น
เขาเดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน
“ไปแล้ว เจ้าเด็กน้อย เลิกซ่อนตัวได้แล้ว”
ชิงหูส่ายหน้าพลางส่งเสียงเย้าแหย่ นิ้วมือเรียวยาวเข้าไปจับแก้วชาพร้อมทั้งจิบเบาๆ
ฝ่ามือของหลินเมิ้งหยาชื้นเหงื่อ แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่นางรู้ดี หลงเทียนอวี้หาใช่คนโง่
โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ต้องประจันหน้ากันเช่นนี้
หลินเมิ้งหยามองลอดออกไปทางด้านนอก เมื่อไม่เห็นเงาของหลงเทียนอวี้แล้ว นางจึงถอนหายใจออกมายาวๆ
ยกมือเล็กขึ้นตบหน้าอกของตนเอง อันตรายเหลือเกิน หากชิงหูไม่อยู่ที่นี่ บางทีนางอาจถูกจับได้ไปแล้ว
“เจ้าคิดว่าเขาจะหาหมอเทวดาเหล่านั้นไปทำไมกัน? หรือเขาจะพาไปรักษาพระอาการประชวรของฮ่องเต้?”
นอกจากเพื่อรักษาอาการของฮ่องเต้แล้ว หลินเมิ้งหยาก็หาเหตุผลอื่นไม่เจอ
“น่าจะใช่ ดูเหมือนอ๋องอวี้จะไม่เชื่อใจฝีมือการรักษาของเด็กน้อยของข้าเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดของชิงหูไม่ต่างจากเชื้อเพลิงที่โยนลงบนกองไฟ ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายไปด้วยอารมณ์นึกสนุก