บทที่ 36 แผนของตระกูลโม่

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

“ท่านไม่สามารถฆ่าข้าได้ที่นี่คือฐานหลินไห่ตระกูลหลินมีกฎว่านักรบทุกคนไม่สามารถฆ่าผู้อื่นตามอําเภอใจในฐานหลินไห่มิเช่นนั้นจะต้องรับโทษจากตระกูลหลินและตระกูลอื่นๆ! ”

โม่หยวนกล่าวด้วยความหวาดกลัว

“ตอนนี้เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่อ้อนวอนขอความเมตตาแต่เจ้ายังคิดจะข่มขู่ข้าอีกหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเคยชินกับการใช้อํานาจของตระกูลโม่มากเกินไปเจ้าไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงและเพื่อให้เจ้าเข้าใจวันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง ! ”

พูดจบเย่เทียน ก็คว้าแขนของโม่หยวนและบีบมันเบาๆ

กรอบ!!!

อําากกกกกก

โม่หยวนกรีดร้องออกมา

ตอนนี้แขนของโม่หยวนได้พิการไปในทันที หากเขาต้องการที่จะรักษามันให้หายดีเขาจะต้องเสียค่ารักษาที่มีมูลค่ามหาศาลและตระกูลโม่จะยอมจ่ายค่าตอบแทนให้กับนักรบที่ไม่ไม่มีโอกาสก้าวหน้าต่อไปในอนาคตหรือไม่ ?

คําตอบคือ ไม่!

ตระกูลโม่ไม่มีทางทําเช่นนั้นแน่!

“ไสหัวไป!”

เย่เทียนตวาดอย่างเย็นชา

โม่หยวนไม่กล้าที่จะข่มขู่เย่เทียนอีกต่อไป เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและคลานหนีออกจากบ้านของเย่เทียนอย่างน่าสักเวช

“ตระกูลโม่ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทําเรื่องโง่ๆ ไม่เช่นนั้น…..”

จิตสังหารสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากดวงตาของเย่เทียน

เมื่อโม่หยวนกลับถึงคฤหาสน์ของตระกูลโม่ เขาก็ได้เข้าพบผู้นําตระกูลโม่ โม่ฉางเซ็งทันที

โม่ฉางเซิงไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก เขามีเพียงพรสวรรค์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น แต่ภายใต้ทรัพยากรมหาศาลของตระกูลโม่เขาที่เพิ่งจะอายุเพียงสามสิบปีก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตนักรบชั้นยอดขั้นต้นได้ถึงแม้ว่าจะยากที่จะพัฒนาต่อแต่สถานะของเขานั้นสูงพอจึงได้ขึ้นครองบัลลังก์ของตระกูลโม่

เพราะเขาเป็นบุตรชายของโม่ฉางซึ่งนักรบชั้นยอดของตระกูลโม่ !

โม่ฉางซึ่งมีบุตรชายและบุตรสาวมากมาย แต่ส่วนมากล้วนมีพรสวรรค์ระดับรอง และมีพรสวรรค์ระดับเริ่มต้นเพียงไม่กี่คน และในบรรดาพรสวรรค์ระดับเริ่มต้น พรสวรรค์ของโม่ฉางเซิงถือได้ว่าดีที่สุดแล้ว

“ท่านผู้นํา ท่านผู้นํา ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับข้า!”

โม่หยวนลากแขนที่ของเขาเดินเข้าไปหาโม่ฉางเซ็งและคุกเข่าลงอย่างแรง

“เกิดอะไรขึ้นกับแขนของเจ้า? หรือว่าเจ้าไปเชิญเย่เทียนแล้วมีปัญหา? ” โม่ฉางเซิงขมวดคิ้ว

“เย่เทียนดูถูกตระกูลโม่ของเราเกินไปแล้ว !”

โม่หยวนร้องไห้และเล่าถึงความหยิ่งยโสของเย่เทียน

จากปากของเขา เขากลายเป็นคนน่าสงสารและไร้เดียงสา และความผิดทั้งหมดเป็นเพราะเย่เทียนเย่เทียนยังโหดเหี้ยมทําร้ายเขาจนแขนข้างหนึ่งของเขาพิการ

เมื่อโม่หยวนพูดจบ โม่ฉางเซ็งก็ให้คนพาโม่หยวนออกไปโดยไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการรักษา

“ขยะ!”

โม่ฉางเซ็งสบถออกมา

เขาด่าโม่หยวน การทํางานง่ายๆไม่สําเร็จหากไม่เรียกว่าขยะแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?

แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อคําพูดของโม่หยวนทั้งหมด ในฐานะผู้นําตระกูล เขารู้ดีว่าโม่หยวนมีนิสัยอย่างไรเขาต้องล่วงเกินเย่เทียนอย่างแน่นอน

แต่เย่เทียนจะต้องปฏิเสธคําเชิญของโมยวน มิฉะนั้นโม่หยวนคงจะไม่ล่วงเกินเย่เทียน

“สิ้ม แค่นักรบชั้นยอดคนหนึ่งก็กล้าปฏิเสธตระกูลโม่ของพวกเรา หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อใช้วิชาลับจนทําให้อายุขัยเสียไปและวันเวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว ข้าคงไม่ต้องเชิญคนนอกมาเข้าตระกูล!” โม่ฉางเซ็งกล่าวด้วยความโกรธ

เรื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้แม้แต่อาวุโสระดับสูงของตระกูลโม่เองก็ไม่รู้

โม่วฉางชิงกลับมาแล้ว แม้เขาไม่ได้ตายในภารกิจกวาดล้างมดจอมพลัง แต่โม่ฉางซึ่งต้องใช้วิชาลับเพื่อเพิ่มความเร็วในการหลบหนีที่ต้องแลกด้วยอายุขัย จึงหนีรอดจากการไล่ล่าของมดจอมพลังระดับสูงได้
จากการตรวจสอบ โม่ฉางชิงสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น

โม่ฉางเซ็งเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลโม่ดี หากว่าไม่มีนักรบผู้เชียวชาญคอยคุมสถานการณ์สถานการณ์ของตระกูลโม่ก็จะไม่สู้ดีนัก ถึงอย่างไรตระกูลโม่ก็ล่วงเกินตระกูลอื่นๆมามากมายหากว่าตระกูลเหล่านั้นต้องการกําจัดตระกูลโม่ตระกูลโม่จะต้องเดือดร้อนเป็นแน่

ดังนั้นเขาต้องการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลโม่

เย่เทียนเป็นตัวเลือกที่ดี!

เย่เทียนยังเด็กมาก จากการตรวจสอบพบว่าเย่เทียนมีอายุเพียง 16 ปี แต่ตอนนี้เขาอยู่ในระดับนักรบชั้นยอดแล้วพรสวรรค์ของเขาต้องเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงนอกจากนี้เขายังมีพรสวรรค์ด้านความเร็วอีกด้วยนี่เป็นสิ่งที่ถูกเปิดเผยในภารกิจมดจอมพลัง และนักรบหลายคนก็ได้เห็นมัน

พรสวรรค์ด้านความเร็วบวกกับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูง กุญแจสําคัญคือภูมิหลังที่เรียบง่ายอัจฉริยะเช่นนี้ต้องมีขุมกําลังจํานวนมากที่ยินดีจะดึงตัวมาร่วมงาน

ตระกูลโม่ ไม่เพียงแต่ต้องการดึงตัวเย่เทียนเข้ามาเท่านั้น แต่มันยังต้องการที่จะควบคุมเย่เทียนอีกด้วย หากประสบความสําเร็จตระกูลโม่ก็จะมีไพ่ตายอีกใบและอีกหลายสิบปีข้างหน้าก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของตระกูลอีกต่อไป

การควบคุมเย่เทียนต้องใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่เย่เทียนยังไม่เติมโตขึ้นตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด

โม่ฉางเซิงหันร่างเดินออกไปด้านนอก มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องลับใต้ดินที่อยู่ลึกเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลโม่

ไม่นานเขาก็ได้พบกับโม่ฉางชิงผู้เป็นบิดาที่กําลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่

“ท่านพ่อ โม่หยวนจัดการเรื่องต่างๆ ไม่สําเร็จ!” โม่ฉางเซ็งรายงาน

“มันทําพังเหรอ? ก็เป็นไปตามที่คาดข้าคิดเอาไว้แล้วว่าอัจฉริยะเช่นนี้ต่างก็หยิ่งยโสเป็นอย่างมากการไม่ยอมรับคําเชิญก็เป็นเรื่องปกติแต่ว่าต่อให้เขาไม่ยอมรับใช้ตระกูลโม่ของพวกเราพวกเราก็ยังสามารถบีบบังคับเขาได้”โม่ฉางชิงกล่าวอย่างเย็นชา

“ท่านพ่อ เราให้คนของตระกูลหลินลงโทษเย่เทียนก่อนเขาเพิ่งโม่หยวนพิการนี่เป็นข้ออ้างที่ดี!” โม่ฉางเซิงรีบกล่าว

“เจ้าโง่!”

โม่ฉางชิงตะหวาด “โม่หยวนเป็นใคร?มันเป็นเพียงนักรบธรรมดาคนหนึ่งพรสวรรค์ของเย่เทียนอยู่ในขั้นอัจฉริยะในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นนักรบผู้เชียวชาญอย่างแน่นอนและไม่ใช่นักรบผู้เชียวชาญธรรมดาเหมือนอย่างข้าเขาจะกลายเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญขันสูงสุดอัจฉริยะเช่นนี้ตระกูลหลินคงไม่ทําอะไรตอนนี้ตระกูลหลินกําลังหงุดหงิดกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฐานทัพและหากพวกมันจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นเราคงหมดหวังเรื่องเย่เทียนแล้ว! ”

โม่ฉางเซิงสั่นสะท้านไปทั้งตัวเขาก้มหน้าลง”ขอบคุณท่านพ่อที่สั่งสอน ข้าจะจัดคนไปจับตัวเย่เทียนเดี๋ยวนี้!

“เดี๋ยวก่อน! นี่คือยาพิษที่ลบสติปัญญาของข้า ข้าใช้จ่ายเงินเป็นจํานวนมากเพื่อที่จะได้มันมาหลังจากที่เจ้าจับเย่เทียนได้เจ้าก็เอายาพิษนี้ให้มันกินมันจะเป็นคนความจําเสื่อมไปชั่วขณะความทรงจําของมันจะหายไปบางส่วนและไม่ส่งผลกระทบต่อพรสวรรค์ของมันจากนั้นเราจะฝึกฝนมันให้กลายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลโม่ซึ่งเราจะสามารถควบคุมเย่เทียนได้อย่างสมบูรณ์! “โม่ฉางชิงกล่าวอธิบาย

“เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมยิ่ง มันดีกว่าการวางยาพิษและมอบยาถอนพิษให้เป็นครั้งคราว!”

โม่ฉางเซิงกล่าวอย่างตื่นเต้น

หลังจากรับเอายาพิษลบสติปัญญาแล้ว โม่ฉางเซ็งก็จากไป จากนั้นก็ออกคําสั่งจับกุมเย่เทียน

กลางดึก

ตระกูลโม่ได้ส่งนักรบชั้นยอดสิบคนออกไป ซึ่งสองในนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์พิเศษ

หนึ่งในสองคนนี้มีพรสวรรค์ด้านพิษระดับรอง อีกคนหนึ่งมีพรสวรรค์ด้านดาบระดับเริ่มต้นและได้ฝึกฝนทักษะดาบระดับเหล็กดําที่แข็งแกร่ง มันเป็นนักดาบที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้

แม้ว่านักรบชั้นยอดสองคนที่มีพรสวรรค์พิเศษจะเป็นเพียงนักรบชั้นยอดขั้นต้น แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเทียบได้กับนักรบชั้นยอดขั้นกลาง

นอกเหนือจากนั้น ยังมีนักรบชั้นยอดอีก 2 คนที่อยู่ในขั้นกลางเมื่อคํานวณดูแล้วจะเทียบเท่ากับนักรบชั้นยอดขั้นกลาง 4 คนและนักรบชั้นยอดขั้นต้นอีก 6 คน

พลังนี้เพียงพอที่จะจัดการกับนักรบชั้นยอดขั้นปลายได้แค่จัดการกับนักรบชั้นยอดที่มีพรสวรรค์ด้านความเร็วไม่นับว่าเป็นปัญหา

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากําลังจะจัดการกับสัตว์ประหลาดที่ท้าทายสวรรค์