ตอนที่ 499 ไปให้พ้น!
ขณะนั้นเอง น้ำเสียงใสก้องกังวาลดังขั้น เสียงนั้นฟังดูเปี่ยมล้นไปด้วยพลังและน่าเกรงขาม
เหล่านักข่าวชะงักไปก่อนจะหันไปมองพร้อมกัน
กองทัพแฟนคลับด้านหลังส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่น
“กรี๊ดๆๆ จี้อี้ ในที่สุดฉันก็ได้เห็นเธอด้วยตาฉันเองแล้ว”
“สวยมากจริงๆ ผมก็สวยมาก”
“จี้อี้ เมื่อคืนฉันดูถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตของคุณอยู่ สู้ๆ ฉันสนับสนุนคุณ”
“ขอบคุณค่ะ”
จี้อี้ส่งยิ้มและพยักหน้าให้กับพวกเขา ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ไปด้านหน้าเพื่อตามเฉินฝานซิงให้ทัน
เฉินฝานซิงสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเรียบง่าย กางเกงขาสั้นเท่าหัวเข่าสีดำ ก้าวย่างคล่องแคล่วว่องไว ดูสง่างามน่ายำเกรง
นักข่าวทั้งหลายเมื่อเห็นเฉินฝานซิงและจี้อี้ก็พากันรีบหลีกทางให้ทันที
เฉินฝานซิงไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลินสื่อเจีย บนใบหน้าเย็นชาแฝงไว้ซึ่งรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“โปรดิวเซอร์หลิน คุณไม่ทันระวังก็เลยเอาผลงานเพลงของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ทั้งยังไม่ทันระวังลบเดโมของจี้อี้ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด ทั้งยังไม่ทันระวังนำเพลงเหล่านั้นมาทำให้มีร่องรอยการแก้ไขของตัวเอง สุดท้ายเดินขึ้นศาลไปแบบไม่ทันระวัง…แต่ละอย่างที่คุณบอกว่าคุณไม่ทันระวัง เกือบจะทำให้ชีวิตของจี้อี้ต้องพังเลยนะ…เรื่องที่สง่างามและมีเกียรติอย่างการทำดนตรี คุณกลับเกือบจะลากชีวิตหนึ่งไปเดือดร้อนด้วย…พูดถึงเรื่องการทำให้ดนตรีแปดเปื้อน…”
หลินสื่อเจียปาดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก ตั้งแต่ที่เฉินฝานซิงเข้ามาใกล้ เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แข็งแกร่งรุนแรง
คำพูดที่ทั้งเสียงดังฟังชัดและไม่รีบร้อนนั้น ทุกพยางค์ราวกับก้อนเหล็กนิลที่กดทับร่างของเขาลงไปทีละก้อนทีละก้อนจนหายใจไม่ออก
เฉินฝานซิงยังพูดไม่ทันจบประโยค แต่นั่นกลับเป็นการถากถางที่ทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี
“จริงๆ นะ…มีการเข้าใจผิดนิดหน่อย…” เขาพยายามดึงดันอธิบาย
เฉินฝานซิงหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้าอย่างไม่แยแส “คุณคิดว่ามีเรื่องเข้าใจผิด นั่นเป็นสิ่งที่คุณรู้สึก แต่ฉันคิดว่าระหว่างพวกเราไม่มีเรื่องอะไรที่เข้าใจผิด”
ในขณะที่พูดเธอก็ยื่นแฟ้มเอกสารในมือให้กับหลินสื่อเจีย หลินสื่อเจียรับแฟ้มไปพลางพูดด้วยความสงสัย
“นี่มันอะไร”
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หมายเรียกจากศาล อีกหนึ่งอาทิตย์ว่าความ อย่าลืมมาขึ้นศาล”
ขณะเดียวกัน หลินสื่อเจียที่รับแฟ้มเอกสารมาเปิดดูได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองจี้อี้ที่ยืนอยู่ข้างเฉินฝานซิง แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“จี้อี้ เธอฟ้องฉันเหรอ”
จี้อี้ขมวดคิ้วมุ่นทันที ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา
“นายก็ตกใจเป็นเหมือนกันเหรอ แต่ว่าความรู้สึกนายตอนนี้มันคงไม่เท่ากับความตกใจและความสิ้นหวังที่ฉันรู้สึกในตอนนั้นหรอก ฉันฟ้องนายนั่นเป็นโทษที่นายควรจะได้รับ แล้วตอนที่นายฟ้องฉันล่ะ สำหรับฉันแล้วน่ามันช็อคยิ่งกว่าฟ้าผ่าตอนกลางวันเสียอีก…”
หลินสื่อเจียเริ่มลนลาน รีบพุ่งเข้าไปหาจี้อี้หวังจะคว้ามือจี้อี้ไว้
ทว่ากลับมีบอดี้การ์ดชุดดำรูปร่างสูงใหญ่มาจากไหนไม่รู้สองคนเข้ามาขวางหน้าจี้อี้ไว้ทันที
หลินสื่อเจียได้แต่ชะงักไป สายตามองลอดผ่านช่องว่างระหว่างบอดี้การ์ดสองคนเข้าไปหาจี้อี้
“เสี่ยวอี้ ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหม ตอนนั้นฉันแค่ขู่เธอเล่นเท่านั้น…เรา…เรามาคุยกันดีๆ เถอะนะ”
“พวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ครั้งนี้ที่ฉันมาก็เพื่อจะมาเอาสตูดิโอของแม่ฉันคืนก็เท่านั้น กรรมสิทธิ์สตูดิโอเป็นชื่อของฉันมาโดยตลอด ฉันมาแจ้งให้คุณรีบเก็บข้าวของแล้วย้ายออกไปจากสตูดิโอของแม่ฉันทันที”
หลินสื่อเจียได้ยินดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน
“เสี่ยวอี้ เธอจะบีบบังคับฉันให้ถึงขั้นตายจริงๆ เลยใช่ไหม”
“ฉันแค่มาทวงของที่ควรจะเป็นของฉันคืน ก็เหมือนกับ ‘โตวซื่ออ้าย (รักทั้งสิ้น)’ ของที่ไม่ใช่ของนาย สุดท้ายก็ไม่ใช่ของนายอยู่ดี หลินสื่อเจีย แค่ฉันคิดว่าคนที่เป็นเศษเดนมนุษย์อย่างนายเคยมีตัวตนอยู่ในสตูดิโอของแม่ฉัน ฉันก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว”
จี้อี้พูดจบก็จากไปในทันที ทว่าหลินสื่อเจียกลับวิ่งตามเธอไปด้วยความร้อนรน
“เสี่ยวอี้ เสี่ยวอี้ เธอฟังฉันก่อน…”
“ไปให้พ้น!”
–
ที่หลานอวิ้น เฉินเชียนโหรวและเจียงหรงหรงเพิ่งจะล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาด รอยแผลบนหน้าผากและบนตัวยังไม่ทันได้จัดการ ผู้จัดการไป๋ฮวนฮวนก็เข้ามาหาด้วยท่าทางรีบร้อน
ตอนที่ 500 ผลที่ตามมา
ที่หลานอวิ้น เฉินเชียนโหรวและเจียงหรงหรงเพิ่งจะล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาด รอยแผลบนหน้าผากและบนตัวยังไม่ทันได้จัดการ ผู้จัดการไป๋ฮวนฮวนก็เข้ามาหาด้วยท่าทางรีบร้อน
ภายในห้องยังคงมีกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปทั่ว ไป๋ฮวนฮวนขมวดคิ้วด้วยท่าทางรังเกียจ
“นิตยสาร ‘หงซิ่ว’ ยกเลิกคิวถ่ายปกเดือนหน้าของคุณแล้ว”
“อะไรนะ” เฉินเชียนโหรวส่งเสียงกรีดร้อง
“ไม่ใช่แค่ ‘หงซิ่ว’ นิตยสารเล่มอื่นก็ด้วย อีกทั้งยัง…”
“อีกทั้งยังอะไร”
เฉินเชียนโหรวถามต่อ สีหน้าแววตาส่อถึงความตึงเครียดมากกว่าเดิม
ไป๋ฮวนฮวนเองก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเก่า พลาลแอบสังเกตสีหน้าของเจียงหรงหรงและเฉินเชียนโหรว ก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบาๆ
“งานพรีเซนเตอร์โฆษณาทั้งหมด และละครบางเรื่องของคุณ ก็พากันขอเปลี่ยนคน…”
เฉินเชียนโหรวใบหน้าซีดเผือดขึ้นมากะทันหัน
“ไม่…ไม่ได้นะ”
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความตกตะลึง “งานพรีเซนเตอร์และละครล้วนแต่มีสัญญา…”
“แต่ว่า ในสัญญาระบุเอาไว้ว่า ในช่วงเวลาร่วมงาน ภาพลักษณ์สาธารณะของเธอจะต้องเป็นบวก ภาพลักษณ์ด้านลบที่ส่งผลกระทบร้ายแรงจัดเป็นพฤติกรรมที่ผิดสัญญา พวกเราต้องเสียเงินค่าปรับที่ทำผิดสัญญา…”
เจียงหรงหรงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว สีหน้าคร่ำเครียด
เฉินเชียนโหรวพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดกำลัง จู่ๆ ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกระเป๋าที่รกรุงรังของตัวเอง
เวลานี้ หลินสื่อเจียกำลังนั่งอยู่บนโซฟาบ้านตัวเองอย่างหมดสภาพ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่นาน กว่าเขาจะหยิบขึ้นมากดรับสาย
“ฮัลโหล หลินสื่อเจียพูด”
“หืม...”
น้ำเสียงของหลินสื่อเจียผิดปกติจนสังเกตได้
เฉินเชียนโหรวกัดฟันทน สะกดกลั้นความโกรธและความหงุดหงิดใจเอาไว้ แล้วพูดขึ้น
“คุณมีทางแก้อะไรหรือเปล่า ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ คุณไม่ใช่ว่าเคยรับประกันไว้ดิบดีหรอกเหรอ”
หลินสื่อเจียหัวเราะหึหึในลำคอ แววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนสอดส่ายไปมารอบๆ คฤหาสน์
“เธอไม่ต้องรีบร้อน ที่เรื่องมาถึงขั้นนี้ เพราะฉันแค่มึนงงไปชั่ววูบ ฉันหาเรื่องใส่ตัวเอง เธอวางใจได้เลย…”
เฉินเชียนโหรวเริ่มผ่อนคลายลงมาบ้าง “ถ้าอย่างนั้นฉันจะรีบเปิดงานแถลงข่าว”
หลินสื่อเจียไม่ตอบ เพียงแค่วางสายไปในทันที
หลังจากนั้น เฉินเชียนโหรวก็พูดกับไป๋ฮวนฮวนว่า
“ติดต่อสื่อให้หน่อย ฉันจะจัดงานแถลงข่าว”
ไป๋ฮวนฮวนขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า “ข้างล่างมีแต่นักข่าว แต่ก็มีแฟนคลับที่กำลังเดือดพล่านด้วย…
บริเวณโถงชั้นหนึ่งแทบจะกลายเป็นลานขยะไปแล้ว จัดงานแถลงข่าวตอนนี้อันตรายมาก ประกาศลงเวยป๋อหลักก่อนเถอะ ประกาศเคลียร์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลินสื่อเจียให้ชัดเจน ท่าทีของคุณต้องดูหนักแน่นหน่อย”
เฉินเชียนโหรวไม่ได้พูดอะไร เห็นทีตอนนี้คงจะทำได้เพียงแค่นี้แล้ว
แล้วในขณะนั้นเอง โทรทัศน์ในห้องทำงานก็มีเสียงกรีดร้องดังลั่นออกมาอย่างกะทันหัน
ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปดู ก็เห็นเป็นภาพบรรยากาศด้านล่างตึกซิงเฉินกั๋วจี้
ที่นั่นมีกองทัพนักข่าวและเหล่าแฟนคลับรวมตัวกันอย่างหนาแน่นเช่นกัน
จี้อี้กำลังลงมาจากรถ เหล่าแฟนคลับก็ส่งเสียงกรีดร้องต้อนรับดังสนั่น
“กรี๊ด กรี๊ด จี้อี้ จี้อี้มาแล้ว”
“จี้อี้ สู้ๆ”
“จี้อี้ ฉันรักคุณ”
จี้อี้ส่งรอยยิ้มจริงใจให้เหล่าแฟนคลับพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ”
ท่าทางของจี้อี้ถ่อมตัวและอ่อนโยน รูปร่างผอมบางและใบหน้ารูปไข่ที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยความไม่คุ้นชินและความตื่นเต้นจากการโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน ทุกย่างก้าวเดินด้วยความระมัดระวัง ท่าทางประหม่าและระวังตัวของเธอดูราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาที่กังวลกับผลได้ผลเสียของตัวเองอยู่ตลอด