ตอนที่ 273 นักเรียนระดับสูง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

หลังจากลู่จ้าวอิ่งจัดการเรื่องของสกุลลู่เสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาหาฉินหร่าน 

 

 

เฉิงเจวี้ยนรออยู่ที่ห้องโถง ขณะที่ลู่จ้าวอิ่งเพิ่งมาถึง ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดเพียงนั่งพิงอยู่บนโซฟาพลางถามเฉิงเจวี้ยนว่า “ฉินเสี่ยวหร่านล่ะ? ทำไมไม่เห็นเธอเลย?” 

 

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนในเวลานี้ ฉินหร่านควรมาถึงนานแล้ว 

 

 

เมื่อได้ยินลู่จ้าวอิ่งถาม สายตาของเฉิงเจวี้ยนเหลือบมองขึ้นด้านบนทันที มุ่ยหัวคิ้วเล็กน้อย “กำลังซ้อมไวโอลินอยู่ น่าจะออกมาแล้ว เหมือนช่วงบ่ายต้องไปสอบการประเมินที่สมาคม…ไวโอลิน?” 

 

 

เฉิงเจวี้ยนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการแข่งขันของสมาคมไวโอลินที่มักใช้เกณฑ์การประเมินของรัฐ M เท่าไหร่นัก 

 

 

เมื่อลู่จ้าวอิ่งได้ยินดังนั้นก็รู้สึกช็อก เขานั่งอยู่บนโซฟาด้วยลำตัวตั้งตรง “การประเมิน? ถ้างั้นฉินเสี่ยวหร่านต้องเล่นไวโอลินน่ะสิ?” 

 

 

ทุกคนต่างรู้โดยทั่วกันว่าฉินหร่านเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เว่ย ทว่าลู่จ้าวอิ่งยังไม่เคยได้ยินฉินหร่านเล่นไวโอลินมาก่อน ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา 

 

 

ลู่จ้าวอิ่งไม่ได้สนใจเรื่องงานแสดงไวโอลินแม้แต่น้อย แต่พอเขาได้ยินชื่อฉินหร่าน ก็สนใจขึ้นมา 

 

 

จะว่าไปแล้วในที่นี้ก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นฉินหร่านเล่นไวโอลินสักครั้ง 

 

 

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ฉินหร่านก็เดินลงมาจากชั้นบน 

 

 

เฉิงมู่ที่ยืนอยู่ใกล้ชั้นวางของข้างหน้าต่าง กำลังถือกระบอกฉีดน้ำดูแลกระถางดอกไม้ เมื่อเห็นฉินหร่าน ก็รีบวางกระบอกฉีดน้ำในมือลง 

 

 

จากนั้นเดินไปล้างมือที่ห้องครัว ก่อนยกอาหารของเธอมาเสิร์ฟ 

 

 

ฉินหร่านอ้าปากหาววอดหนึ่ง มือข้างหนึ่งเปิดโทรศัพท์ อีกข้างลากเก้าอี้ฝั่งโต๊ะอาหารออกมานั่ง จากนั้นหยิบตะเกียบกินข้าวอย่างช้าๆ  

 

 

“จะไปกี่โมง?” เฉิงเจวี้ยนถามขณะนั่งพิงอยู่บนโซฟา 

 

 

“น่าจะหลังกินข้าวเสร็จ” ฉินหร่านคาบหลอดนมพลางหรี่ตาเล็กน้อย 

 

 

การประเมินเริ่มต้นเก้าโมงเช้า ถึงแม้ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องไปจัดการก่อน  

 

 

** 

 

 

แปดโมงครึ่ง เฉิงเจวี้ยนและฉินหร่านหยุดอยู่ที่ทางเข้าสมาคมไวโอลิน 

 

 

ขณะที่เหวินอินยืนรอบริเวณที่จอดรถก็ได้โทรศัพท์หาฉินหร่านถามเธอว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ 

 

 

“อาจารย์เหวินคะ” ฉินหร่านเรียกเหวินอินอย่างมีมารยาทยิ่ง 

 

 

“คุณหนูฉิน คุณมากับผม” แม้ฉินหร่านจะเรียกตัวเองว่าอาจารย์เหวิน แต่เหวินอินก็ไม่กล้าถือดีแต่อย่างใด เพราะอย่างไรก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เว่ย และตำแหน่งของอาจารย์เว่ยในแวดวงไวโอลินก็ไม่มีใครกล้าแตะต้อง 

 

 

อาจารย์เว่ยพึ่งประกาศชื่อของฉินหร่านไปอย่างกระชั้นชิดเมื่อวานตอนเย็น ทั้งยังมีขั้นตอนส่วนตัวอีกมากมายที่ยังไม่ได้จัดการเรียบร้อย 

 

 

เหวินอินพาฉินหร่านไปที่ห้องเก็บข้อมูล 

 

 

เฉิงเจวี้ยนหยุดอยู่ที่หน้าประตู โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาดังขึ้น จึงหยุดรับสายโทรศัพท์ด้านหน้าประตู 

 

 

ทว่าประตูเป็นแบบใส สามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้ 

 

 

คนที่โทรมาหาคือนายท่านเฉิง 

 

 

“โจวซานโทรมาหาพ่อหลายรอบแล้ว” นายท่านเฉิงที่อยู่ปลายสายยืนอยู่บนระเบียงโบราณด้านล่าง พลางเล่นอยู่กับนกแก้วตัวหนึ่ง “หรานหร่านตัดสินใจเรื่องมหาวิทยาลัยได้หรือยัง?” 

 

 

ในเมืองหลวงก็พอมีมหาวิทยาลัยเมืองหลวงกับมหาวิทยาลัย A ที่ติดอันดับโลก 

 

 

โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเมืองหลวงที่มีอันดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่กี่ปีมานี้ 

 

 

เฉิงเจวี้ยนยืนพิงอยู่ขอบประตู เลิกคิ้วอย่างไม่แยแส “ไม่ใช่ว่าพ่อรู้อยู่แล้วเหรอครับ? ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเมืองหลวง” 

 

 

เขาทำได้เพียงพูดซ้ำอีกครั้ง 

 

 

“อ้อ แบบนี้เองรึ รู้แล้วๆ” เมื่อนายท่านเฉิงได้รับคำตอบก็ไม่ได้วางสายทันที หลังจากนั้นครู่ใหญ่เขาก็พูดขึ้น “พี่สาวของลูกกลับมาเมื่อคืนถามว่าลูกอยู่ไหน” 

 

 

“ผมรู้แล้วครับ” เฉิงเจวี้ยนมองเข้าไปในห้องเก็บข้อมูล “วางก่อนนะครับ ตอนนี้มีธุระ” 

 

 

เขาพูดกับนายท่านเฉิงประโยคหนึ่งก่อนตัดสายไป 

 

 

ฝ่ายของนายท่านเฉิง เมื่อโทรหาเฉิงเจวี้ยนเสร็จ 

 

 

ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ 

 

 

โจวซานที่ช่วยเขาถืออาหารนกอยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว “ท่านเฉิง นี่ท่านพูดไปแค่ประโยคเดียวเองรึ? แล้วนักเรียนฉินหร่านเธอเลือกมหาวิทยาลัย A เหรอครับ?” 

 

 

เขาช่วยนายท่านเฉิงทำธุระตั้งแต่เมื่อวาน จนกระทั่งวันนี้นายท่านเฉิงถึงยอมตกลงช่วยเขาถามได้ 

 

 

เห็นท่าทางของนายท่าเฉิงเงียบขรึมเช่นนี้ โจวซานอยากบีบคอตัวเองเพื่อต่อรองกับนายท่านเฉิงเหมือนเมื่อวันก่อนอีกสักครั้ง 

 

 

“ทางนั้นบอกเปล่า” นายท่านเฉิงมองอาหารนกแวบหนึ่ง 

 

 

โจวซานยื่นให้ทันทีราวกับสุนัขรับใช้ “ให้ท่านครับ” 

 

 

นายท่านเฉิงหยิบอาหารนกจำนวนหนึ่งขึ้นมาพลางป้อนให้นกแก้ว ก่อนเปิดปากพูดอย่างไม่แยแสว่า “เธอเลือกมหาวิทยาลัยเมืองหลวง” 

 

 

“จริงหรือครับ?” แววตาของโจวซานเปล่งประกายแวบหนึ่ง ทั่วทั้งร่างกายหยุดหายใจ “งั้นผมรีบกลับไปแก้ไฟล์เอกสาร…อาหารนก ท่านเฉิง ท่านเอาไปใช้ ท่านเอาไป…” 

 

 

ขณะที่พ่อบ้านเฉิงกำลังเดินมาเสิร์ฟชาให้ทั้งสองคนนั้น “…” 

 

 

** 

 

 

ในตอนนี้ฉินหร่านยังคงอยู่ห้องเก็บข้อมูลของสมาคมไวโอลิน 

 

 

ห้องเก็บข้อมูลไม่ใหญ่มาก ในห้องมีโต๊ะวางคอมพิวเตอร์อยู่ห้าตัว ด้านซ้ายมีกำแพงกั้น สามารถมองเห็นเอกสารแต่ละแถว ด้านขวาเป็นโต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์ ถัดจากด้านขวามือไปคือจุดรวบรวมรูปภาพบุคคลเสมือนจริง มีการจัดวางอุปกรณ์กล้องมืออาชีพ เครื่องสแกนลายนิ้วมือและคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง 

 

 

เมื่อเห็นเหวินอินเดินเข้ามา เจ้าหน้าที่ในห้องเก็บข้อมูลก็รีบลุกขึ้นทันทีพลางเอ่ยปากพูด “ผู้อำนวยการเหวิน”  

 

 

เหวินอินเป็นคนของอาจารย์เว่ย ก่อนหน้านี้ยังเป็นประธานจากสมาคมเขตอื่น ต่อมามีอำนาจในการดูแล คนในสมาคมไวโอลินต่างรู้จักกิติมศักดิ์ของเหวินอินดี 

 

 

เมื่อเปรียบเทียบกับแผนกอื่นของสมาคมไวโอลิน แผนกเก็บข้อมูลนับว่าเป็นตำแหน่งที่เล็กจนไม่อาจเล็กได้อีกแล้ว 

 

 

มีโอกาสน้อยที่คนแห่งนี้จะได้เจอกับเหวินอินและอาจารย์เว่ย 

 

 

ตอนนี้ได้เจอแล้วจึงตื่นตกใจยิ่ง 

 

 

“คุณหนูฉิน คุณมาให้ข้อมูลตรงนี้หน่อย” เหวินอินทักทายเจ้าหน้าที่ในห้องเก็บข้อมูล ก่อนมองมายังฉินหร่าน “มาถ่ายรูปก่อนแล้วค่อยสแกนลายนิ้วมือ” 

 

 

เจ้าหน้าที่ให้ห้องเก็บข้อมูลรีบเตรียมตัวดำเนินการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อถ่ายรูปให้ฉินหร่านก่อนเปิดเว็บไซต์ลงทะเบียนข้อมูลของสมาคม 

 

 

“ผู้อำนวยการเหวินครับ ให้กรอกข้อมูลการเข้าร่วมของวันนี้ใช่ไหมครับ?”เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนเปิดหน้าเว็บไซต์ถามขึ้น 

 

 

เมื่อได้ยินเหวินอิน “อืม” คำหนึ่ง เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนก็เปิดหน้าเว็บไซต์การรวบรวมข้อมูลทั่วไป 

 

 

วันนี้ผู้เข้าแข่งขันที่เข้าร่วมงานมีจำนวนมาก ทว่าน้อยคนที่สามารถต้องตาอาจารย์และเข้าร่วมกับทางสมาคมได้ 

 

 

คนที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ลงทะเบียนบันทึกในระบบไว้เรียบร้อยตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว หากไม่ผ่านการแข่งขัน รายชื่อในเว็บข้อมูลทั่วไปจะถูกลบทันที 

 

 

เหวินอินอยู่เมืองหลวงได้ครึ่งปีกว่า ย่อมรู้เรื่องรูปแบบการแบ่งลำดับ จึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนข้ามการบันทึกข้อมูลแบบทั่วไป 

 

 

และให้เขาเปิดหน้านักเรียนระดับสูง 

 

 

เมื่อเหวินอินชี้มาทาง “นักเรียนระดับสูง” บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขณะกรอกข้อมูลก็ถึงกับสะดุ้ง ทว่าก็เปิดเข้าไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

เขานำแบบฟอร์มฉบับหนึ่งที่ปริ้นท์ออกมาก่อนหน้านี้ส่งให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียน 

 

 

เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนบันทึกลายนิ้วมือของฉินหร่าน ทั้งยังมีรูปถ่าย จากนั้นเริ่มกรอกข้อมูล 

 

 

“คุณค่อยๆ กรอกนะ เดี๋ยวผมจะพาคุณหนูฉินไปห้องแสดง” เหวินอินพยักหน้าให้พวกเขา ก่อนพาฉินหร่านออกมา 

 

 

หลังจากที่พวกเขาเดินออกไป เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในห้องทำงานต่างมุงเข้ามา 

 

 

“นักเรียนระดับสูงเหรอ? ที่แท้เป็นใครกันแน่?” คนกลุ่มหนึ่งมองหน้ากัน เพียงมองเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนกรอกข้อมูลของฉินหร่านลงไป 

 

 

ยังไม่ทันได้เข้าร่วมการแข่งขันวันนี้ก็กลายเป็นนักเรียนระดับสูงได้ 

 

 

** 

 

 

เกือบเก้าโมงแล้ว เหวินอินพาฉินหร่านไปที่หลังเวที จากนั้นส่งป้ายหมายเลข 17 ให้เธอ 

 

 

“คุณหนูฉิน อันนี้คือป้ายลำดับการแสดงของคุณ เป็นเลขแบบสุ่มนะครับ” 

 

 

ฉินหร่านรับไว้ พลางมองทีหนึ่ง จากนั้นวางมือไว้ข้างเอวก่อนเดินเข้าไปสองก้าว 

 

 

ลู่จ้าวอิ่งยื่นมือมาตบไหล่เธอ “สู้ๆนะ” 

 

 

ฉินหร่านเลิกคิ้ว  

 

 

เหวินอินพูดกับฉินหร่านในเรื่องที่ต้องระวังอยู่ไม่กี่ประโยค ก่อนหมุนตัวมองเฉิงเจวี้ยนและลู่จ้าวอิ่ง “นายน้อยเฉิง พวกคุณไปดูหน้าเวทีกับผม” 

 

 

การแข่งขันวันนี้เป็นการแข่งขันภายใน ผู้ปกครองสามารถเข้าชมได้ 

 

 

เหวินอินรู้ว่าเฉิงเจวี้ยนจะมาด้วย จึงให้พวกเขานั่งอยู่ตรงตำแหน่งสมาชิกแถวที่สอง 

 

 

เฉิงมู่และลู่จ้าวอิ่งเดินเข้าไป เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่ในตำแหน่งริมสุด 

 

 

แถวแรกเป็นที่นั่งของอาจารย์เจ็ดท่าน 

 

 

อาจารย์ทั้งเจ็ดท่านล้วนเป็นสมาชิกของสมาคมไวโอลิน ทั้งมีบางส่วนเป็นอาจารย์ประเมิน 

 

 

ทุกครั้งหลังจากจบการแข่งขัน อาจารย์ทั้งเจ็ดท่านจะให้ผลคะแนนที่สอดคล้องกัน เพียงทุกคนในสมาคมเห็นด้วยมากกว่าครึ่งหนึ่ง ผู้เข้าแข่งขันก็สามารถผ่านการคัดเลือก 

 

 

ตำแหน่งของอาจารย์ทั้งเจ็ดนั่งไปแล้วหกท่าน ด้านซ้ายสุดยังเหลือที่นั่งของเหวินอินไว้ที่หนึ่ง 

 

 

ทั้งหกคนนี้กำลังหารือเรื่องสมาชิกใหม่ของปีนี้ว่ามีใครบ้างที่ค่อนข้างโดดเด่น เมื่อเห็นเหวินอินกลับมา ทั้งหมดจึงยืนขึ้น “ผู้อำนวยการเหวิน” 

 

 

“ผู้อำนวยการเหวิน ทำไมคุณถึงมาดูการประเมินระดับนี้ได้ล่ะครับ” เหวินอินนับได้ว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในสมาคม 

 

 

ปกติแล้วล้วนจัดการสอบนักเรียนระดับสูงหรือรับผิดชอบส่วนอื่น 

 

 

การที่เขามางานประเมินระดับนี้ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเวลามาทิ้งกับเรื่องเพียงเล็กน้อย ทำให้หลายคนรู้สึกสงสัยและตกใจเป็นอย่างมาก 

 

 

“ผมมาดูคุณภาพของนักเรียนปีนี้” เหวินอินยิ้มตอบช้าๆ  

 

 

การทดสอบยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ อาจารย์คนหนึ่งถือลำดับรายชื่อผู้เข้าร่วมขึ้นมาดู ก่อนยิ้มออกมา “ปีนี้มีต้นอ่อนหลายต้นเลยทีเดียว ผมรู้สึกว่าหมายเลขหกและเก้าอาจจะอยู่ระดับสี่ คงมีอาจารย์ไม่น้อยที่แข่งกันแย่งรับสองคนนี้เป็นลูกศิษย์ ผู้อำนวยการเหวินตัดสินใจจะรับลูกศิษย์คนไหนไหมครับ ถ้าท่านต้องการ ก็จะได้ไม่ต้องแย่งท่านมา” 

 

 

เหวินอินเป็นลูกน้องคนสำคัญเพียงคนเดียวของอาจารย์เว่ย สำหรับนักเรียนพวกนี้คงรู้อยู่แล้วว่าต้องคัดเลือกอย่างไร 

 

 

เหวินอินนั่งประจำที่พลางหยิบปากกา หัวเราะตอบ “ก็ไม่แน่หรอกครับ” 

 

 

“ว่าไงนะครับ?” 

 

 

“อาจจะไม่ใช่เลขหกเลขเก้าก็ได้” เหวินอินเงยหน้ามองเวที 

 

 

ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันของสมาคมได้ ล้วนผ่านการคัดเลือกมาแล้วรอบหนึ่งถึงผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ เกณฑ์การสมัครต่ำสุดคือมือสมัครเล่นระดับเก้า นอกจากพิจารณาเรื่องการเล่นดนตรี สิ่งที่อาจารย์เหล่านี้ให้ความสำคัญคือจิตวิญญาณของผู้มีพรสวรรค์ 

 

 

ดังนั้นในมือของอาจารย์ทุกคนล้วนมีข้อมูลโดยสังเขปของแต่คนเขียนไว้อยู่ 

 

 

ทว่าได้ยินเหวินอินพูดเช่นนี้ อาจารย์แต่ละท่านจึงได้แต่มองหน้ากัน อาจจะไม่ใช่เลขหกเลขเก้าหรือ… 

 

 

แล้วเป็นใครได้อีกล่ะ?