“สวัสดีท่านอาจารย์อาทั้งสอง” ชีอ้าวชวางยืนขึ้นและโค้งคำนับ
“เหอะๆ ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้นหรอก เราจะมีดีอะไรที่จะไปเป็นอาจารย์อาเจ้าได้ล่ะ? ความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่เหนือกว่าเรามาก เจ้าเรียกเช่นนั้น มันทำให้ข้าตกใจจริงๆ” ผู้อาวุโสที่สองโบกมือยิ้มๆ แต่น้ำเสียงกลับฟังดูแปลกมาก พูดแปลกๆ ดูเหมือนจะเป็นมิตรแต่ก็แปลก เรียกข้าเรียกเจ้าทำเหมือนศักดิ์เท่านั้น แต่ปากกลับพูดว่าความแข็งแกร่งของชีอ้าวชวางเหนือกว่าพวกเขามาก ตัวตนและความสามารถของชีอ้าวชวางที่สำนักเทียนต้าวทำให้พวกผู้อาวุโสเหล่านี้อึดอัด
พอพวกเขารู้ว่าชีอ้าวชวางผ่านการทดสอบระดับแปดทั้งๆ ที่เข้าร่วมเป็นครั้งแรกจนได้เป็นนักเรียนระดับแปดดาวนั้น พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าความแข็งแกร่งของชีอ้าวชวางไม่ธรรมดา เพียงแค่ยืมชื่อสำนักเทียนต้าวเท่านั้นเอง ศิษย์ที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา มันจึงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัด
“อาจารย์อาทั้งสองเชิญนั่ง” ชีอ้าวชวางพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
ทันทีที่ทั้งสองนั่งลง ก็มีคนเอ่ยปากทันที
“ชีอ้าวชวาง เจ้ากลับมาในครั้งนี้จะมาช่วยเราจัดการสำนักเทียนต้าวใช่หรือไม่? มากำจัดพวกคนที่ทะเยอทะยานออกไปให้หมด! แล้วเอาสำนักเทียนต้าวที่ขาวสะอาดกลับมา” ผู้อาวุโสอันดับที่สี่จ้องไปที่ผู้อาวุโสอันดับที่สองแล้วพูดออกมา
“ผู้อาวุโสสี่ โปรดระมัดระวังคำพูดด้วย ทุกคนรู้ดีว่าใครที่มีความทะเยอทะยานและใครต้องการแยกสำนักเทียนต้าวของเรา ทำไมถึงช่างหน้าซื่อใจคดเช่นนี้นะ?” ผู้อาวุโสสองเหล่มองผู้อาวุโสสี่ แต่พอฟังคำพูดของแล้วกลับไม่โกรธสักนิด จากนั้นเขาก็พูดเช่นนี้ออกมาด้วยรอยยิ้มเยาะจางๆ
เจ้า! ไอ้แก่! พูดจาไร้สาระอะไร วันนี้ข้า…” เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสสี่เป็นคนอ่านง่าย พอเขาได้ยินคำพูดเสียดสีของผู้อาวุโสสอง เขาก็โกรธจนผุดลุกขึ้นเตรียมลงมือทันที
เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ตรงทารีน่าเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาด้วยเกรงว่าผู้อาวุโสสี่จะทำอะไร แต่ชีอ้าวชวางกลับยังคงมีใบหน้าสงบและไม่มีท่าทีที่จะป้องกันอะไร ทำเพียงแค่มองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชาเท่านั้น
“ทำไม? ข้าพูดจี้ใจดำก็เลยโกรธหรือ?” ผู้อาวุโสสองยิ้มเยาะและมองผู้อาวุโสสี่ที่ถูกคนรอบข้างดึงตัวห้ามปรามเอาไว้อย่างอารมณ์ดี ไอ้โง่ที่อยากจะแข่งขันกับตนเองเพื่อตำแหน่งเจ้าสำนักนี่มันช่างเพ้อเจ้อจริงๆ! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสสองก็ยิ่งเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก “นอกจากเจ้าจะทำร้ายผู้คนอย่างไม่เลือกหน้าแล้ว เจ้าทำอะไรได้อีกหรือ? เจ้าลืมผู้อาวุโสห้าที่ได้รับบาดเจ็บและยังคงนอนอยู่บนเตียงเพราะเจ้าไปแล้วหรือ?”
เมื่อทารีน่าได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันทีแล้วก็หันไปมองผู้อาวุโสสี่ นี่ผู้อาวุโสสี่ทำร้ายอาจารย์ของนางหรือ?
“เจ้าพูดจาไร้สาระอะไร? ถ้าวันนั้นเจ้าไม่มายั่วข้า ข้าจะไปทำร้ายผู้อาวุโสห้าโดยไม่ตั้งใจได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสสี่มองพวกของทารีน่าที่ตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็มองชีอ้าวชวางที่ใบหน้าเย็นชาแล้วก็ร้อนใจมาก รีบตอบโต้กลับไปทันที
“เจ้าประมาทเช่นนี้ เจ้าจะเหมาะที่จะเป็นเจ้าสำนักได้อย่างไรกัน?” ผู้อาวุโสสองเหลือบมองและพูดเบาๆ
“ใช่ ผู้อาวุโสสี่ สิ่งที่พวกเราต้องการคือคนที่เป็นผู้นำทางพวกเราและทำให้สำนักของพวกเราเจริญรุ่งเรืองไปได้”
“เราไม่ต้องการคนที่ทำได้แค่โวยวายและฆ่าคนไปวันๆ หรอกนะ”
เหล่าคนที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสสองรีบช่วยกันพูดด้วยสีหน้าจริงจังและท่าทางที่เจ็บปวด
“เหลวไหล ผู้อาวุโสสองนอกจากเรื่องเจ้าเล่ห์เพทุบายแล้ว เขามีอะไรอีกหรือ? ข้าต่างหากที่จะเป็นผู้ที่นำพาสำนักเราให้เจริญรุ่งเรื่องได้!” ผู้อาวุโสสี่รีบพูดออกมาทันที
“ใช่ คนที่เราต้องการคือคนเลือดร้อน!”
“เราต้องการความกระตือรือร้นในการต่อสู้และก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอด!”
เหล่าคนที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสสี่เริ่มพูดช่วยเหลือกันเพิ่มขึ้น ต่างจากเหล่าคนที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสสอง พวกเขาต่างตื่นเต้นและวางท่าทางที่มั่นใจว่าจะชนะแน่นอน
“อยากสู้ใช่หรือไม่?”
“คิดว่ากลัวเจ้าหรือ? วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าสักที!”
สถานการณ์เริ่มวุ่นวายและบรรยากาศในห้องโถงก็เต็มไปด้วยความร้อนระอุ
ทารีน่ากัดริมฝีปากและมองผู้อาวุโสสี่อย่างไม่พอใจ อาจารย์เป็นเสมือนพ่อของนาง เขาดูแลนางอย่างดีตลอด แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บเพราะชายบ้าบิ่นคนนี้! น่ารังเกียจอย่างที่สุด!
พอทั้งสองฝ่ายกำลังจะสู้กันก็มีเสียงเกียจคร้านดังเข้ามา เสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่เหมือนกับว่าทะลุผ่านหูและใจของทุกคนไป
“มีใครบอกข้าได้หรือไม่ว่าทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นเช่นนี้? เจ้าสำนักล่ะ? ผู้อาวุโสอัลทิสล่ะ อยู่ที่ไหน?” ชีอ้าวชวางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้และเท้าคางมองทุกคนอย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับถามออกไปอย่างเกียจคร้าน
ผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสี่มองหน้ากันแล้วทั้งสองก็ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงหันไปมองชีอ้าวชวางและพูดพร้อมกัน “เจ้าสำนักหนีไปแล้ว ผู้อาวุโสก็ตามไปแล้วเช่นกัน”
“หมายความว่าอย่างไร?” ชีอ้าวชวางตะลึงและถามประโยคนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทารีน่าและคนอื่นๆ ก็ตะลึงไปเช่นกัน ไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูด
“กะ ก็เพราะว่าเจ้าสำนักและผู้อาวุโสทำสิ่งนั้นมาตลอด คราวนี้ดูเหมือนผู้อาวุโสจะตัดสินใจอะไรบางอย่างและพูดกับเจ้าสำนัก จากนั้นเจ้าสำนักก็หนีไป ผู้อาวุโสก็ตามไปด้วย อีกอย่างพวกเขาทั้งสองคนก็บอกว่าจะไม่สนใจเรื่องของสำนักเทียนต้าวอีกต่อไปแล้ว ให้พวกเราแก้ไขกันเอาเอง” ผู้อาวุโสสองพูด
“หมายความว่าอย่างไร? มีมาตลอดนี่คืออะไร?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วอย่างสับสน
“อัลทิสตามเจ้าสำนักของเราอยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเขาจะได้เข้าสำนักเทียนต้าวของเราในฐานะผู้อาวุโสได้อย่างไรกัน? ตอนนี้ในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจแล้ว ไม่สิ ในที่สุดอัลทิสก็ตัดสินใจแล้วว่าอยากจะแต่งงานกับเจ้าสำนัก แต่เจ้าสำนักไม่ตกลงแล้วก็หนีไป อัลทิสจึงตามไป” ผู้อาวุโสสี่พูดอย่างตรงไปตรงมา
“หือ?!” ไม่ได้มีเพียงแต่ชีอ้าวชวางเท่านั้นที่อ้าปากค้างตกใจ แต่ทารีน่าและคนอื่นๆ ก็ตกใจมากเช่นกัน ทุกคนต่างก็มีท่าทีเหลือเชื่อ ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องภายในเช่นนี้ เดิมทีเหล่าศิษย์คิดว่าอัลทิสเป็นหนี้บุญคุณเจ้าสำนักของพวกเจ้าจึงได้ยอมจำนนต่อสำนักเทียนต้าว ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้!
โจนาธานกะพริบตาอย่างไม่แปลกใจนัก ไม่มีอะไรที่ครอบครัวของเขาไม่รู้หรอก
ชีอ้าวชวางมองผู้อาวุโสสองที่กำลังมองผู้อาวุโสสี่อย่างตำหนิ ในขณะที่ผู้อาวุโสสี่ก็ยักไหล่อย่างไม่แยแส ชีอ้าวชวางอ้าปากค้างอยู่นาน ไม่จริงน่า อัลทิสเป็นคนประเภทนี้หรือ? เขาชอบผู้ชายงั้นหรือ! เขาตามตื๊อเจ้าสำนักเทียนต้าวและดูเหมือนว่าจะตื๊อมาหลายปีแล้วด้วย…
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าสำนักก็ชอบอัลทิส และชอบผู้ชายด้วยอย่างนั้นหรือ?” ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าลิ้นพันกันไปหมด แม้ว่าอัลทิสจะมีรสนิยมเช่นนี้ แต่ผู้ชายคนนี้ก็นิสัยดีและช่วยเหลือตนเองไว้มากด้วย แม้ว่าเขาจะรักผู้ชาย ตนเองก็จะยินดีกับพวกเขา
“แน่นอนว่าเจ้าสำนักต้องชอบสิ ไม่อย่างนั้นจะยอมละทิ้งสำนักเทียนต้าวที่สร้างขึ้นมาด้วยมือตนเองไปงั้นหรือ แต่มันยากสำหรับพวกเราจริงๆ ต้องมาจัดการกับสำนักในตอนนี้ หากตอนนี้เจ้าสำนักอยู่ก็คงจะดี” ผู้อาวุโสสี่พูดอย่างไม่ได้ปิดบัง ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสสองซีดลงแล้วก่นด่าผู้อาวุโสสี่ในใจว่าไร้สมองที่บอกเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าทุกคน เรื่องส่วนตัวของเจ้าสำนักเอามาเปิดเผยเช่นนี้ได้อย่างไร? แถมยังมีคนที่ไม่ใช่ศิษย์ในสำนักอยู่ด้วยอีก!
ชีอ้าวชวางเหงื่อตก ที่แท้ผู้ชายก็บรรยายเรื่องเศร้าออกมาได้เหมือนกันสินะ
“ตอนที่เจ้าสำนักจะจากไป เขาได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้หรือไม่?” ชีอ้าวชวางคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจ ถึงอย่างไรสำนักเทียนต้าวก็เป็นเหมือนกำลังของคนที่อัลทิสชอบ และตนเองก็ได้รับประโยชน์จากสำนักเทียนต้าวในการเข้าร่วมในการประเมินของสถาบันดวงดาวด้วย ดังนั้นคงจะปล่อยให้สำนักเทียนต้าวเกิดความวุ่นวายไม่ได้หรอก
“ไม่นะ เจ้าสำนักบอกแค่ว่าถ้ามีคนงี่เง่าตามเขาไป คนนั้นจะไม่ได้กลับมาอีก” ผู้อาวุโสสี่เปิดเผยคำพูดส่วนตัวของเจ้าสำนักอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้งแล้ว ผู้อาวุโสสองที่โกรธจัดกำลังจ้องเขม็ง คนอื่นๆ ก็ยิ่งตะลึงไปมากกว่าเดิม ทารีน่าและคนอื่นๆ เบิกตากว้าง เจ้าสำนักที่มักจะดูเย็นชาอยู่เสมอก็มีด้านที่ไม่มีใครรู้เช่นนี้เหมือนกัน
ชีอ้าวชวางแสยะมุมปากและมองไปที่ผู้อาวุโสสี่อย่างอ่อนแรง ในใจก็รู้ดีว่าไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าสำนักก็ตาม แต่คนตรงไปตรงมาคนนี้เป็นเจ้าสำนักไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าเขาได้เป็นล่ะก็ เรื่องส่วนตัวทั้งหมดของสำนักเทียนต้าวจะต้องถูกเขาเปิดเผย แถมเขายังเป็นคนริเริ่มเปิดโปงเองเสียด้วย! สีหน้าของผู้คนที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสสี่ดูอับอายมาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาค้นพบว่าผู้อาวุโสสี่เป็นคนเช่นนี้ ที่ค้นพบในครั้งนี้เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนถามถึงเจ้าสำนักและผู้อาวุโส เรื่องเหล่านี้คนส่วนใหญ่รู้กันดี แต่ไม่มีการปริปากออกมา แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสี่กลับพูด ถ้าเจ้าสำนักอยู่ที่นี่ผู้ อาวุโสสี่คงได้ตายแล้วตายอีกแน่นอน!
“เจ้าสำนักไม่ได้บอกว่าจะให้ใครมารับช่วงต่อหรือ?” ชีอ้าวชวางยังคงดิ้นรนหวังว่าจะได้ยินข้อมูลที่เป็นประโยชน์บ้าง
“ไม่มี” ทุกคนพูดพร้อมกัน
“ทำไมถึงเป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบนะ…” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ
“ใครบอกเจ้าว่าเจ้าสำนักเป็นผู้ชาย?” โจนาธานได้ยินที่ชีอ้าวชวางพูดก็กระซิบบอก
“อะไรนะ?” ชีอ้าวชวางหันไปมองโจนาธานด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าสำนักเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงที่งดงามมากด้วย เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักเทียนต้าวแต่ไม่รู้เรื่องเพศของเจ้าสำนักเนี่ยนะ น่าละอายจริงๆ” โจนาธานมองชีอ้าวชวางอย่างดูถูก
ชีอ้าวชวางรู้สึกอับอายจนเหงื่อตก จะมาตำหนินางเรื่องนี้ได้หรือ? นางเข้าสำนักเพียงแค่ชื่อเท่านั้นและในวันนั้นที่เข้าสำนักมาก็ได้เจอเหล่าผู้อาวุโสแค่ไม่นาน แต่ไม่เคยเจอกับเจ้าสำนักเลย นางจึงคิดไปเองว่าเจ้าสำนักเป็นผู้ชาย
เช่นนั้นก็ดีที่อัลทิสยังชอบเพศปกติอยู่ ชีอ้าวชวางถอนหายใจอย่างโล่งอก เจ้าสำนักนี่จะต้องเป็นผู้หญิงในตำนานแน่ๆ ไม่เช่นนั้นอัลทิสคงไม่พยายามถึงขนาดนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้พวกเขาได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ นะ