ตอนที่ 80 ได้รับเลือก

วันที่ 18 มิถุนายน กรอกแบบฟอร์มสมัครเข้ามหาวิทยาลัย

จนถึงตอนนี้ ฟางผิงเพิ่งจะรู้คะแนนของพวกหยางเจี้ยน

ครั้งนี้หยางเจี้ยนสอบวิชาวัฒนธรรมได้ไม่แย่เลย แต่ยังคงไม่ถึงเกณฑ์ต่ำสุด เขาสอบได้ห้าร้อยเก้าสิบเจ็ดคะแนน

สำหรับหยางเจี้ยน คะแนนนี้ถือว่าดีมากแล้ว

ขาดอีกแค่แปดคะแนนจะถึงเกณฑ์ หยางเจี้ยนเลยไม่อาจสมัครในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงได้

หลิวรั่วฉีก็เหมือนกัน วิชาวัฒนธรรมของเธอทำได้ดีทีเดียว สูงกว่าอู๋จื้อหาวตั้งแปดคะแนน สอบได้หกร้อยห้าสิบสามคะแนน

แต่เหมือนกับหยางเจี้ยน ไม่อาจสมัครสอบในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงได้

ตอนแรกกลัวว่าสถานการณ์แบบนี้จะทำให้ทั้งสองคนผิดหวังอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่าในตอนที่ฟางผิงมาถึงโรงเรียน กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ผิดหวังอะไร ออกจะอารมณ์ดีด้วยซ้ำไป

ไม่รอให้ฟางผิงถาม หยางเจี้ยนอธิบายอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาก่อน “แค่คะแนนออกมา ฉันเห็นเกณฑ์รับนักเรียนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงก็รู้แล้วว่า คงต้องหมดหวัง! ขาดอีกแปดคะแนน นี่มันแกล้งกันชัดๆ ฉันแทบไม่ดูของมหาวิทยาลัยอื่น เพราะเกณฑ์รับของหนานเจียงนั้นต่ำที่สุดแล้ว แต่หลังจากนั้นรั่วฉีโทรมา…”

หลิวรั่วฉีที่อยู่ด้านข้างเป็นฝ่ายรับบทสนทนาต่อ ใบหน้าที่มักเผยความเรียบนิ่ง ตอนนี้แฝงไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันโทรหาหยางเจี้ยน เพราะเพิ่งเห็นข่าวรับสมัครของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานพอดี ปีนี้เกณฑ์รับนักเรียนของเทียนหนานต่ำกว่ามหาวิทยาลัยอื่นอยู่บ้าง ปราณหนึ่งร้อยสิบห้าแคล วิชาวัฒนธรรมคะแนนถึงห้าร้อยเก้าสิบห้าก็สมัครได้แล้ว! ฉันปราณถึงหนึ่งร้อยสิบห้าแคลพอดี คะแนนวิชาวัฒนธรรมพอใช้ได้ ถ้าสมัครเข้าเทียนหนาน มีโอกาสที่จะติดสูงเหมือนกัน…”

ตอนนี้หลิวรั่วฉีไม่อาจเก๊กหน้าขรึมได้อีกแล้ว ขณะที่พูด ยังเผยรอยยิ้มอย่างสดใส

เด็กสาวคนนี้ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ เพราะออกกำลังกายเป็นประจำ รูปร่างจึงได้สัดส่วน พอยิ้มออกมา พวกผู้ชายต่างอดจ้องมองเธอไม่ได้

รอจนรู้สึกถึงความเงียบแปลกๆ หลิวรั่วฉีค่อยกวาดสายตามอง ก่อนเอ็ดว่า “พวกนายพอได้แล้ว!”

อู๋จื้อหาวเก็บสายตากลับมา เอ่ยพึมพำว่า “ยิ้มขึ้นมาสวยไม่เบาเลย ถ้ารู้อย่างนี้ คงชิงลงมือก่อนแล้ว ตอนนี้พวกเทียนหนานน่าจะได้เปรียบกว่า!”

คำพูดนี้จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง นักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มีไม่เยอะ แม้จะมีก็หน้าต่างธรรมดากันเสียส่วนใหญ่

นักศึกษาหญิงที่เก่งวิชาการและศิลปะการต่อสู้ ทั้งยังหน้าตางดงามนั้นนับว่าหายากอย่างมาก!

เมื่อก่อนหลิวรั่วฉีเป็นคนเก็บตัว ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่คิดจะจีบเธอ แต่เพราะรู้นิสัยของเธอ เลยเลิกล้มความคิดไป

ใครจะรู้ว่า ตอนนี้ภาระในใจหายไป นิสัยอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้

น่าเสียดายที่ทุกคนเรียนจบแล้ว ต้องแยกย้ายไปตามทางตัวเอง รักทางไกลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

อู๋จื้อหาวเพิ่งพูดจบ หยางเจี้ยนพลันยิ้มเจื่อนขึ้นมา “ฉันสมัครมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานไปเหมือนกัน แม้วิชาวัฒนธรรมจะแย่ เกินเกณฑ์มาสองคะแนน แต่ปราณของฉันสูงเลยมาตรฐานมาหนึ่งแคล มีโอกาสสูงอยู่บ้าง ฉันไปเทียนหนาน ดูแลรั่วฉีได้เหมือนกัน…”

เจ้าคนแผนสูง!

ทุกคนต่างลอบด่าในใจไม่หยุด ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท

หลิวรั่วฉีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ

ทุกคนอารมณ์ดีไม่น้อย ฟางผิงมีความสุขแทนพวกเขาเช่นกัน

กลับไม่คิดว่าตอนนี้จะมีคนด้านข้างขมวดคิ้วอย่างลังเลเล็กน้อย เอ่ยว่า “รั่วฉี หยางเจี้ยน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน…”

ผู้ที่พูดคือนักเรียนชายที่เล่าในวันสอบเกาเข่าเสร็จว่าญาติทางตาของเขาตายในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้

เห็นทุกคนมองเขา นักเรียนชายคนนั้นหยุดคิดไปพักหนึ่ง ค่อยเอ่ยต่อว่า “เรื่องที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานเปิดรับนักเรียน ฉันเห็นเหมือนกัน พวกนายคงจะเห็นแต่ประกาศนั้น ไม่เห็นข่าวอย่างอื่น…”

“อะไร?”

หยางเจี้ยนรีบถาม เขามัวแต่ยิ้มแหยๆ มีเวลาสนใจเรื่องอื่นที่ไหน

“ครั้งนี้ที่เทียนหนานลดเกณฑ์ในการรับสมัครนักเรียน ได้ยินมาว่าเป็นเพราะแผ่นดินไหวก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยเทียนหนานเลยรวมกำลังนักศึกษาให้ความช่วยเหลือ ปรากฏว่าทำให้นักศึกษาจำนวนไม่น้อยเสียชีวิตระหว่างเหตุแผ่นดินไหว…”

“นี่ไม่ใช่การรับสมัครครั้งแรกของเทียนหนาน! พวกนายก็รู้ เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ฉันเลยให้ความสนใจกับข่าวการตายของนักศึกษาแต่ละมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานนั้นอันตรายอย่างมาก มีนักศึกษาตายทุกปี ห้าปีก่อน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานเคยเปิดรับครั้งหนึ่งเหมือนกัน เป็นเพราะมีนักศึกษาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ปีนี้คงเป็นแบบนั้นเหมือน…”

ขณะที่นักเรียนชายเอ่ยยังเบาเสียงลง “ฉันสงสัยว่าอาจไม่ได้มาจากการฝึกวิชาอย่างเดียว ต้องยังมีความเสี่ยงจากเรื่องอื่นอีกแน่ ถึงทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นแบบนี้ สรุปแล้วมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานนั้นอันตรายกว่าหนานเจียงซะอีก นอกจากมหาวิทยาลัยเทียนหนานแล้ว มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่นก็เหมือนกัน มีอัตราการเสียชีวิตสูง…”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา บรรยากาศที่คึกคักเมื่อครู่ กลับเงียบสงบลงชั่วพริบตา

เรื่องบางเรื่อง ทุกคนไม่ได้ให้ความสนใจเพราะเห็นเป็นเรื่องไกลตัว ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างให้ความสำคัญกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงมาโดยตลอด

รวมทั้งข้อมูลพวกนี้ ไม่อาจเผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว มีแค่คุยซุบซิบกันบนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ คนปกติไม่อาจติดตามข่าวคราวพวกนี้หรอก

เพื่อนนักเรียนคนนี้ชื่อว่าหลิ่วเทา เพราะเกิดเรื่องกับคนใกล้ตัว จึงให้ความสนใจข่าวคราวพวกนี้เป็นพิเศษ

ตอนนี้รู้ว่าหลิวรั่วฉีและหยางเจี้ยนสมัครสอบมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน แม้หลิ่วเทาจะลังเลอยู่บ้าง ท้ายที่สุดยังคงเปิดเผยข่าวออกมา

“หลิ่วเทา อันตรายจากเรื่องอื่นที่นายพูดถึงคือ?”

อู๋จื้อหาวละล่ำละลักถาม เขาเป็นคนที่แทบจะสนิทกับนักเรียนศิลปะการต่อสู้ในชั้นเรียนทุกคน

ตอนนี้หลิวรั่วฉีและหยางเจี้ยนสมัครมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน หากอันตรายจริงๆ คงต้องคิดดูให้ดีแล้ว

หลิ่วเทาส่ายหัว “ฉันแค่เดาเท่านั้น มีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่หลายปีมานี้นักศึกษาของเทียนหนานเสียชีวิตไปไม่น้อยจริงๆ”

“รั่วฉี หยางเจี้ยน…”

อู๋จื้อหาวยังไม่ทันพูดจบ หลิวรั่วฉีเอ่ยตัดบททันที “อย่าโน้มน้าวฉันเลย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เปิดรับสมัคร ถึงจะอันตรายแค่ไหน ฉันก็ไม่ยอมทิ้งไปแน่! ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกยุทธ์ต้องต่อสู้แย่งชิง! ฉันคงปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาตัวเองเฉยๆ ไม่ได้หรอก”

หยางเจี้ยนที่มักทำหน้าซื่อบื้อ ตอนนี้กลับจริงจังขึ้นมาเช่นกัน

“รั่วฉีพูดถูก โอกาสอยู่ข้างหน้า ไม่คว้าไว้ พวกเราคงเสียใจไปตลอดชีวิต!”

ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างไม่คิดหว่านล้อมพวกเขาแต่อย่างใด กลับใคร่ครวญบางเรื่องในใจ

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานมีอัตราการเสียชีวิตสูง เพราะภารกิจที่ยาก? นักศึกษาไม่ได้คุณภาพ? หรือยังมีสาเหตุอื่น…

เพราะพื้นที่นั่นเป็นแหล่งของพวกบ้าลัทธิที่โจมตีเขาเมื่อคราวนั้นหรือเปล่า?

ก่อนหน้านี้ที่หน่วยสืบสวนรุ่ยหยาง เขาได้ยินคนพูดว่า แหล่งกบดานของพวกบ้าลัทธิไม่ได้อยู่ในหนานเจียง แต่เป็นที่อื่น

ถ้าคนพวกนี้มีแหล่งกบดานในเทียนหนาน เรื่องการตายของนักศึกษาก็มีคำอธิบายแล้ว

อัตราการเสียชีวิตของนักศึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยที่หลิ่วเทาพูดถึง อาจมาจากสาเหตุนี้เหมือนกัน

ฟังจากที่หวังจินหยางพูด อันที่จริงสองมหาวิทยาลัยดังอันตรายมากเหมือนกัน แต่เป็นเพราะนักศึกษาสองมหาวิทยาลัยมีความสามารถกล้าแกร่ง อาจารย์และอธิการบดีมีฝีมือ ดังนั้นแม้จะอันตรายอยู่บ้าง แต่พวกเขายังพอขจัดเภทภัยออกไปได้

หลิ่วเทาไม่ได้พูดถึงสองมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าข่าวสารถูกปิดกั้น หรืออัตราการเสียชีวิตของสองมหาวิทยาลัยนั้นสูงไม่เท่าที่อื่น

เห็นคนอื่นเงียบไป ฟางผิงเลยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันตรายนั้นมีทุกที่ ทุกคนอย่าได้กังวลเกินไป ขอแค่มีความสามารถพอ พบเจออันตรายอะไรต่างจัดการได้ทั้งนั้น นี่เป็นเหตุผลที่พวกเราควรจะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เพื่อให้สามารถเผชิญหน้ากับอันตรายพวกนี้ได้”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลิวรั่วฉีและหยางเจี้ยนจะมีโอกาสนี้ พวกเขาคงไม่อาจปล่อยให้หลุดมือได้

หากเป็นฟางผิง ตอนนี้คงเลือกคว้าจับฟางเส้นสุดท้ายเหมือนกัน อย่าว่าฟังข่าวเลย แม้จะเห็นคนตายกับตาตัวเอง เขาก็ไม่อาจปล่อยโอกาสทิ้งไปหรอก

หลิ่วเทาฟังจบไม่คิดพูดอะไรอีก เรื่องพวกนี้เป็นแค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น

ฟางผิงเลือกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เป็นอันดับแรก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเป็นอันดับสอง

เพราะคำเตือนครั้งก่อนของหวังจินหยาง อู๋จื้อหาวจึงเลือกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเป็นอันดับแรก เลือกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้เป็นตัวเลือกรอง

หลิวรั่วฉีและหยางเจี้ยนสมัครมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน ส่วนตัวเลือกรองเป็นมหาวิทยาลัยสายสังคม

คนอื่นๆ เพราะเงื่อนไขไม่ถึงเกณฑ์เลยต้องสมัครในมหาวิทยาลัยสายสังคม

เฉินฝานที่นั่งข้างฟางผิง ครั้งนี้สอบได้คะแนนดีทีเดียว สอบได้หกร้อยสามสิบสองคะแนน เยอะกว่าฟางผิงห้าคะแนน

เขาเลือกมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงเป็นอันดับแรก อันดับที่สองคือมหาวิทยาลัยหนานเจียง

มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง ล้วนมีสาขาศิลปะการต่อสู้

มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งอยู่ในตัวเลือกส่วนใหญ่ของนักเรียน

ตอนที่กรอกข้อมูลเลือกมหาวิทยาลัย หลิวอันกั๋วอาจารย์ประจำชั้นนั้นยิ้มจนหน้าบาน!

เขาเป็นอาจารย์ห้องเรียนธรรมดา ปีนี้นักเรียนกลับทำคะแนนได้ดีจนน่าตกใจ!

ขนาดเขาเองยังคาดไม่ถึงเหมือนกัน!

ฟางผิงเลือกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ หนึ่งในสองมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ อู๋จื้อหาวสมัครมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง นักเรียนอีกสองคนยังสมัครมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน

หากพวกเขาได้รับการคัดเลือกทั้งหมด ก็จะมีนักเรียนสอบมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ได้ถึงสี่คน

ปีก่อนโรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่งมีนักเรียนสอบมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดห้าคนเท่านั้น

แต่ปีนี้ห้องสี่ ห้องเรียนธรรมดาอาจมีนักเรียนสอบได้ถึงสี่คน หลิวอันกั๋วจะไม่ดีใจได้ยังไง

ก่อนหน้านี้โจวปินที่มีชื่อเสียงที่สุดในโรงเรียน เพราะปราณแตะไม่ถึงหนึ่งร้อยสามสิบแคล จึงไร้วาสนากับสองมหาวิทยาลัยดัง ทำได้แค่สมัครมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่น

คะแนนห้องหนึ่งสู้กับห้องสี่ของพวกเขาไม่ได้ คะแนนของห้องสองยังพอใช้ได้ เพราะมีสองพี่น้องตระกูลถาน ทั้งคนอื่นมีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อยู่บ้างเช่นกัน

เมื่อคำนวณดู ปีนี้หากโรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่งโชคดี อาจจะมีนักเรียนสอบมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถึงสิบคน

หรืออาจจะเกินสิบคนด้วยซ้ำ!

เพราะการรับสมัครของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน ทำให้นักเรียนที่เงื่อนไขต่ำกว่าเกณฑ์มีโอกาสขึ้นมา

หากมีอัตรารับสูง อาจจะมีนักเรียนติดได้ถึงสิบสองถึงสิบสามคน

นี่มันเกินคาดยิ่งกว่าปีก่อนเสียอีก

เมื่อเลือกมหาวิทยาลัยแล้ว ต่อไปจึงทำได้แค่รอประกาศ

แต่ขั้นตอนนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ปกติปลายเดือนมิถุนายนก็จะประกาศผลแล้ว

ทุกคนเฉลิมฉลองไปครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้เลยไม่นัดรวมตัวอีก เมื่อพูดคุยเรื่องข้อมูลการประกาศผลแล้ว พวกเขาค่อยแยกย้ายกันไป

ปลายเดือนมิถุนายน

ฟางผิงได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

แม้คะแนนวัฒนธรรมจะขาดไปไม่กี่คะแนน แต่เพราะค่าปราณสูงถึงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล ทำให้ฟางผิงยังคงถูกคัดเลือก

ในเวลาเดียวกันพวกอู๋จื้อหาวก็ได้รับคำตอบกลับ

อู๋จื้อหาว สองพี่น้องตระกูลถาน โจวปิน เฉินเจี๋ยต่างได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง

หลิวรั่วฉี หยางเจี้ยนและนักเรียนห้องอื่นอีกสามคน ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน

ครั้งนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานรับนักเรียนค่อนข้างมาก ต่างจากที่ฟางผิงคาดการณ์อยู่บ้าง

โรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่งมีนักเรียนสอบติดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดสิบเอ็ดคน เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองหยางเฉิง!

นอกจากโรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่ง โรงเรียนอื่นๆ ก็มีนักเรียนสอบติดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน ในนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงและเทียนหนานมากที่สุด จำนวนทั้งหมดแปดคน

ปี 2008 หยางเฉิงมีนักเรียนสอบติดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดสิบเก้าคน นับเป็นรุ่นที่มีคนสอบติดเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์

ภายในนี้แค่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน ก็รับนักเรียนจากหยางเฉิงไปถึงแปดคน ไม่งั้นคงไม่ติดเยอะขนาดนี้

จากสัดส่วนนี้ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานรับนักเรียนของหนานเจียงไปประมาณสามร้อยคน!

ทั่วประเทศอาจจะมากกว่านี้ นี่ทำให้หลายคนต่างคาดไม่ถึง

ตอนที่ฟางผิงรู้เรื่องนี้ พลันอดคิดขึ้นมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการรับ ‘ห่ากระสุน’ ไปหรอกนะ?

รับสมัครนักเรียนมากขนาดนี้ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานมีทรัพยากรเลี้ยงดูมหาศาลอย่างนั้นเหรอ?

หรือจะพูดอีกอย่างว่า แผ่นดินไหวก่อนหน้านี้ทำให้สูญเสียนักศึกษาไปมากมายอย่างที่หลิ่วเทาพูด

หากไม่ใช่เพราะคนตายจำนวนมาก จะรับคนเยอะขนาดนี้ได้ยังไง?

ฟางผิงฉงนในใจ จำชื่อ ‘มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน’ ไว้ขึ้นใจ ยังไงนี่ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่หลิวรั่วฉีและหยางเจี้ยนได้รับการคัดเลือก

เรื่องนี้ ฟางผิงวางแผนจะไปสืบข่าวจากเหล่าหวัง หากมีอันตรายจริงๆ เขาจะได้เตือนพวกหยางเจี้ยนเสียหน่อย

————————-