หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับและหัวหน้าสํานักตานจี้จนปัญญาแล้ว พันธมิตรเอียนหลัวจะโง่งมขนาดนั้นเชียวหรือ ?
เขาพานักฆ่าระดับจักรพรรดิมาสิบกว่าคน และนักฆ่าระดับราชาหลายสิบคน คิดจะสังหารผู้นำตระกูลมู่ เล่นตลกอะไรกัน ?
ตระกูลมู่ของพวกเขามีนักรบระดับจักรพรรดิเกือบหนึ่งร้อยคนที่พร้อมจะสังหารพวกเขาได้ในทันที ทว่านี่ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะแสดงออกมาแล้ว
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับและหัวหน้าสํานักตานจี้กล่าว “ลงมือ ปกป้องผู้นำตระกูลมู่เร็ว!”
คนอื่น ๆ พากันรู้สึกว่าหัวหน้าสํานักทั้งสองนี้ สมองมีปัญหาแล้วหรืออย่างไร ได้ยินมาว่าผู้นำตระกูลมู่ทำลายพวกเขาอย่างน่าสังเวช เวลานี้สถานการณ์ในตระกูลมู่เป็นเช่นนี้ พวกเขาไม่ซ้ำเติมก็ดีเพียงเท่าไหร่แล้ว ยังถึงกับชักดาบออกมาช่วย
ผิดปกติเกินไปแล้ว!
หลัวกุ่ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าสองเฒ่า หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ?”
แน่นอนว่าการที่มีคนเหล่านี้ช่วยก็ยังไม่พอ อย่างไรเสียตระกูลมู่ก็ยังมีคนที่ไม่แข็งแกร่งอยู่บ้าง ต้องฆ่าพวกมันภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ให้ได้ มู่เฉียนซีวางแผนที่จะให้องครักษ์เงาเคลื่อนไหว แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเผยว่าความแข็งแกร่งทั้งหมดของตระกูลมู่นั้นไม่เหมาะสม แต่ก็เป็นการบังคับอย่างไม่มีทางเลือก
ขณะที่มู่เฉียนซีกําลังจะสั่งให้องครักษ์เงาตระกูลมู่ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเคลื่อนไหว เสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้น “สาวน้อยคนงาม ข้ามาสายแล้ว เจ้าจะไม่โทษข้าใช่หรือไม่ ?”
— ปัง! —
เวลานี้พันธมิตรเอียนหลัวถูกมู่อวู่ซวงตบออกไป อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ระดับของมู่อวู่ซวงเทียบเท่ากับเขาแท้ ๆ แต่กลับสามารถทําลายระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้นเสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้นมาพร้อมกับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว นักฆ่าเหล่านั้นที่กําลังจะลงมือดูราวกับรูปปั้นที่ไม่สามารถขยับได้
“งานเลี้ยงวันเกิดของสาวงาม ย่อมไม่ควรให้เห็นเลือด พวกคนหยาบคายอย่างพวกเจ้าอย่ามาขวางหูขวางตาอยู่ที่นี่เลย”
ฉับพลันทันใดพลังอันน่าสะพรึงกลัวเข้าห่อหุ้มร่างพวกเขาไว้ ภายในชั่วพริบตาพวกเขาหายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์
ถูกจัดการเช่นนี้ ไม่มีพลังตอบโต้แม้แต่น้อย เลือดสักหยดก็ยังไม่มีเหลือ
นักฆ่าชั้นยอดหลายร้อยคน! อีกฝั่งเหมือนจะไม่ได้ขยับนิ้วแม้แต่นิดเดียว แต่กลับหายไปทั้งหมดแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แคว้นจื่อเยี่ยมีผู้ชายที่น่ากลัวกว่าองค์ชายเยี่ย
ผู้นําพันธมิตรเอียนหลัว หลัวกุ่ยตัวสั่นพลางกล่าวว่า “เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่ ? เจ้า…”
เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด คนก็ถูกทําลายไปเสียแล้ว ในที่สุดร่างสีเขียวปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน เมื่อทุกคนเห็นท่าทางของเขา พวกเขาต่างเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ชายผู้นี้มีเสน่ห์และความงามอันน่าหลงใหลอย่างแท้จริง
นี่คือลักษณะของชายปีศาจที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดได้ เขาถือกำเกิดมาเพื่อล่อลวงคนบนโลก เขาเป็นชายคนหนึ่งที่น่าอิจฉาริษยาระคนอันตราย
มู่อวู่ซวงยืนขวางหน้ามู่เฉียนซี กล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร ?”
ผู้ที่มีกลิ่นอายเช่นนี้ แคว้นจื่อเยี่ยมีเยี่ยอ๋องแล้วผู้หนึ่ง มันแปลกมาก เวลานี้มีชายผู้แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายปรากฏกายขึ้นมาอีกหนึ่งคน เขาผู้นี้ไม่ได้เป็นชายชั่วร้ายระดับต่ำ ๆ เลย
จื่อโยวยิ้ม กล่าวว่า “คุณชายสามไม่ต้องกังวล ข้าเพียงแค่มามอบของขวัญให้แม่นางคนงามเท่านั้น”
แม่นางผู้นี้ สักวันจะต้องกลายเป็นนายหญิงของเขา ตอนนี้ต้องประจบสอพลอให้ดีเสียก่อน ใช้โอกาสนําหน้า ต่อไปย่อมมีประโยชน์ไม่น้อย
จื่อโยวโบกมือ ทันใดนั้นมีกล่องหลายใบที่ทําจากน้ำแข็งวางอยู่ตรงหน้า เขายกมือขึ้นเบา ๆ พลันกล่องทั้งหมดถูกเปิดออก
“เพื่อเตรียมของขวัญให้แม่นางคนงาม ขาทั้งสองข้างของข้าเดินจนกล้ามเนื้อแทบขาดแล้ว ในที่สุดข้าก็พบสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ ข้าหวังว่าแม่นางจะชอบมัน”
— ฟึ่บ! —
เมื่อทุกคนมองไปที่สมุนไพรวิญญาณนั่น พลันตื่นตะลึงไปพร้อม ๆ กัน
“สวรรค์! สมุนไพรวิญยาณเหล่านี้ ปราณวิญญาณช่างแข็งแกร่งนัก อย่างน้อยมันจะต้องเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดเป็นแน่แท้”
“ระดับต่ำสุดก็เป็นระดับเจ็ด ทั้งยังเป็นระดับเก้าอีกก็ตั้งมากมาย วิเศษนัก!”
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของคนเหล่านี้ จื่อโยวเบ้ปากเล็กน้อย
หากไม่ใช่ว่าความแข็งแกร่งของพระชายาในอนาคตของตระกูลพวกเขาอ่อนแอเกินไป และไหนจะสมุนไพรวิญญาณระดับสวรรค์ที่ใช้ไม่ได้ เขาก็คงจะไม่เพียงแค่นําสมุนไพรวิญญาณระดับต่ำเช่นนี้ออกมามอบให้นาง
ถ้าหากคนอื่น ๆ รู้ว่าเขาส่งสินค้าระดับล่างเช่นนี้ไปให้นายหญิงในอนาคต จะต้องถูกดูหมิ่นดูแคลนอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซี “จื่อโยว ของขวัญชิ้นนี้ของเจ้ามีค่าเกินไป”
จื่อโยวกล่าว “สาวน้อย เจ้ามีภารกิจสําคัญที่ต้องทํา ของขวัญเหล่านี้ไม่เท่าไหร่ เจ้ารับไว้เถอะ”
มู่เฉียนซีคิดในใจ ‘ใช่ ข้าต้องหาวิธีควบคุมคําสาปให้จิ่วเยี่ย หลังจากได้รับหม้อเทพปาฮวางชิงมู่แล้ว ข้ารู้สึกตื่นตาเล็กน้อย ขาดเพียงสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าเท่านั้น ดีนัก! สมุนไพรวิญญาณหลายสิบกล่องของจื่อโยวสามารถตอบสนองความต้องการที่ร้อนรนของข้าในตอนนี้ได้’
จากนั้นนางกล่าวขึ้น “อืม เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
จื่อโยวกล่าว “ใช่! ไม่ต้องเกรงใจข้าเลย”
มู่เฉียนซีคิดว่าภารกิจสําคัญของนางคือการรักษาร่างกายจิ่วเยี่ยให้หาย แต่จื่อโยว เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
สิ่งที่จื่อโยวกําลังคิดอยู่คือ ภารกิจสําคัญของพระชายาในอนาคตคือการทําให้ร่างกายขององค์ชายของพวกเขาเสียหาย! องค์ชายของเขาเปรียบเป็นเด็กน้อยผู้ขาดประสบการณ์ในเรื่องเช่นนี้มาหลายปี เขารู้สึกขายหน้าอย่างมาก
ขณะที่ทุกคนเบี่ยงเบนความสนใจ หัวหน้าพันธมิตรเอียนหลัว—หลัวกุ่ย ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คิดจะใช้โอกาสนี้หลบหนีอย่างลับ ๆ
ทว่าก่อนที่จื่อโยวจะลงมือ เข็มยาของมู่เฉียนซีก็พุ่งออกไปทําให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อโดยพลัน
“อ๊าก! ผู้นำตระกูลมู่อย่าฆ่าข้า” หลัวกุ่ยร้องโหยหวน
มู่เฉียนซีเดินมาตรงหน้าเขา กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ผู้นําพันธมิตรเอียนหลัว ในเมื่อเจ้ากล้าก่อเรื่องในงานเลี้ยงพิธีฉลองการเป็นผู้ใหญ่ของข้า เช่นนั้นก็ต้องเตรียมตัวให้ดีที่จะถูกฆ่า”
“วางใจเถอะ เจ้าจะต้องตายแล้ว อีกไม่นานพันธมิตรเอียนหลัวของเจ้าก็จะลงนรกไปพร้อม ๆ กันกับเจ้า”
เข็มยาอีกเข็มหนึ่งพุ่งออกมา ปราณชีวิตของหลัวกุ่ยหายไปในพริบตา
มู่เฉียนซีโบกมือ “พาลงไป”
ทุกผู้คน ณ ที่ตรงนั้นตระหนกตกใจ ผู้นําของพันธมิตรเอียนหลัวนํานักฆ่าชั้นยอดหลายร้อยคนมาสังหารตระกูลมู่ พวกเขากล้าหาญนัก!
ทว่าช่างโชคร้าย ใครเลยจะคิดว่าเลือดของตระกูลมู่จะไม่มีไหลสักหยด กลับเป็นพวกเขา พวกนักฆ่าชั้นยอดหลายร้อยคนของพันธมิตรเอียนหลัวที่ต้องมาถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังถูกผู้นําตระกูลมู่สังหาร
มู่เฉียนซีกวาดตามองทุกคนก่อนจะกล่าวเสียงเยียบเย็น “วันนี้เกิดเรื่องไม่คาดคิด ข้าต้องขอโทษด้วย ตอนนี้พวกคนที่สร้างปัญหาก็ถูกจัดการแล้ว งานเลี้ยงเริ่มได้แล้ว”
ทุก ๆ คนกล่าวซ้ำ ๆ “ผู้นำตระกูลมู่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว…”
งานเลี้ยงกําลังจะเริ่มขึ้น จื่อโยวกล่าว “ซีคนงาม ข้าไม่กินอาหารของพวกมนุษย์นี้ ข้าขอตัวก่อน”
จื่อโยวเหาะไปด้านหลังมู่เฉียนซี ทว่ายังมิวายยื่นใบหน้ามากระซิบข้างหูนาง “แต่ข้าบอกเจ้าไว้ เจ้าไม่ควรพลาดอาหารเย็นเลิศรสมื้อใหญ่วันนี้” หลังจากกล่าวจบ ร่างที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลนั่นก็หายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีพึมพําเสียงเบา “อาหารเลิศรสมื้อใหญ่ในตอนเย็นรึ ? เจ้าปีศาจจื่อโยวตัวยุ่งกําลังคิดทำการใดอีก ?”
มู่เฉียนซีทอดถอนใจ นางหันไปมองท่านอาเล็ก เห็นท่านอามู่อวู่ซวงยังมีสีหน้าเป็นกังวล นางยิ้ม เดินเข้าไปกล่าวกับท่านอา “ท่านอา ไม่ต้องห่วงหรอกนะเจ้าคะ เขาเป็นเพื่อนข้าเอง มิใช่คนเลวร้ายแต่อย่างใด”
มู่อวู่ซวงยังมีสีหน้าไม่วางใจ เขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “ซีเอ๋อร์ อย่างไรเจ้าก็ต้องต้องระวังตัว คนผู้นี้ไม่มีกลิ่นอายของมนุษย์เลย เกรงว่าเขาคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา”
.