ตอนที่ 535 ท่านอาช่างไร้ยางอาย + ตอนที่ 536 พวกท่านต่อเถอะ พวกเราจะทำเป็นไม่เห็น

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 535 ท่านอาช่างไร้ยางอาย

ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางที่คอยอยู่ข้างๆ และรอเธอตื่นมาตลอดจึงรีบบอก “ไม่ใช่ๆ คุณชายจิ่ว ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด นายท่านไม่ได้พานางกลับมา นางตามกลับมาเองต่างหาก”

เฟิ่งจิ่วกะพริบตาเมื่อได้ฟัง สีหน้าอยากรู้อยากเห็น “คนรู้จัก?” เป็นคนไม่รู้จักยังกล้าตามติดท่านอา? ความกล้ามีมากล้นนัก

“นางเป็นอาจารย์สำนักศึกษาหกดาราแห่งแคว้นเหินเวหา เป็นคนที่มาชอบพอนายท่าน ว่ากันว่าเป็นหญิงตระกูลสูงศักดิ์จากแคว้นระดับสาม ไม่รู้ทำไมถึงตามตื๊อนายท่านตลอด” พูดถึงตรงนี้ เขาก็รีบรับประกัน “แต่นายท่านข้าแต่ไหนแต่ไรไม่เคยไว้หน้านาง ท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป”

“เข้าใจผิด?”

เธอกลอกตาขบคิด นัยน์ตาฉายประกายเจ้าเล่ห์มองหลิงโม่หานตรงชั้นล่างที่กำลังนั่งดื่มชา แต่กลับไม่ไล่ผู้หญิงคนนั้นไป รอยยิ้มที่ยกขึ้นตรงริมฝีปากถึงกขั้นแปลกอยู่บ้างในเวลานี้

“ไม่ๆ ข้าไม่เข้าใจผิดหรอก” เธอยิ้มหยีตาโบกๆ มือ แล้วสาวก้าวเดินลงไป

ในใจหลิงโม่หานที่ดื่มชาอยู่เฝ้ารอเล็กน้อย เขาอยากรู้จริงๆ เมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงมาตามพันพันเขา นางจะจัดการอย่างไร?

หึงหวง? เดาว่าเป็นไปไม่ได้เท่าไร ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหึงหวงคืออะไร

ดีใจ? อืม ข้อนี้ค่อนข้างเข้าท่า เดาว่าคงพยายามจะขายๆ เขาออกไปน่ะสิ!

“โม่หาน บ้านข้าอยู่ในละแวกนี้ ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ไปพักบ้านข้าไม่ดีกว่าหรือ? พักโรงเตี๊ยมไหนเลยจะสบายเท่าพักในบ้านตนเอง” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา ในดวงตางดงามมีประกายระรื่นอยู่ตลอด

นางนึกไม่ถึงว่าจะพบได้กับคนที่ไม่มีข่าวคราวมาเนิ่นนานที่นี่ หากไม่ใช่วาสนาแล้วจะเป็นอะไร?

“ท่านอา พี่สาวคนสวยท่านนี้เป็นใครกันขอรับ?”

เฟิ่งจิ่วหยีตายิ้ม ใบหน้างดงามละเอียดลออวางท่าใสซื่อไร้พิษสง ขณะมองผู้หญิงคนนั้น สองแขนก็โอบไหล่หลิงโม่หานไว้ ทำให้เขาตกใจหันไปเล็กน้อย มองนิ้วมือเรียวเล็กปานขิงอ่อน

ผู้หญิงคนนั้นได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่วยังชอบใจ แต่เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นหนุ่มน้อยรูปงาม หนำซ้ำยังใช้แขนโอบไหล่หลิงโม่หาน ร่างโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อยพลางยิ้มหยีตาพลางถามไถ่ ก็ไม่พอใจทันที

นางรู้ว่าหลิงโม่หานตรงหน้าผู้ไว้เคราหนาไม่ชอบให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัวเป็นที่สุด กำลังจะส่งเสียงตำหนิ กลับเห็นภาพที่ทำให้นางตาค้างไป

“ตื่นแล้วหรือ หลับสบายหรือไม่?” น้ำเสียงทรงเสน่ห์ที่ทั้งทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูดถูกเปล่งออกมา กลมกล่อมดั่งสุรารสเลิศ ทำให้คนฟังแล้วมัวเมาอย่างอดไม่ได้

แต่เห็นว่าหลังจากเขาหันมองมือบนไหล่เล็กน้อย แววตาลึกล้ำสั่นไหว เขาเอื้อมมือไปกุมมือเฟิ่งจิ่วไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะดึงเข้ามาในอ้อมแขนและกอดไว้ไม่ปล่อย

ภาพเช่นนี้ไม่เพียงผู้หญิงคนนั้นที่เบิกดวงตากว้างอย่างตกใจ แม้แต่เหล่าแขกชั้นหนึ่งยังพากันหันมาจ้องทั้งสองด้วยความตะลึง เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างคือพวกเขาท่าทางชัดเจนกว่าผู้หญิงคนนั้นมาก

คล้ายกำลังบอกว่า พวกเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้

เฟิ่งจิ่วก็เบิกตาโต ไม่นึกว่าท่านอาจะ…จะไร้ยางอายถึงเพียงนี้!

เธอคิดว่าแกล้งเขาเล่นก็ไม่เลว ใครจะรู้ว่าเขากลับวางแผนซ้อนแผน? นี่เธอปรี่เข้ามาให้เขาเอาเปรียบเลยไม่ใช่หรือ?

หนำซ้ำนี่เป็นชั้นหนึ่ง! เขาโอบเธอที่แต่งตัวเป็นชายไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ ไม่สนใจสายตาคนอื่นสักนิด นี่เป็นการบีบให้เธอออกมาแสดงความรักไม่ใช่หรือ?

………………………………………………….

ตอนที่ 536 พวกท่านต่อเถอะ พวกเราจะทำเป็นไม่เห็น

ในเมื่อเขาอยากเล่น เธอจะอยู่ด้วยจนสุดทางเลยแล้วกัน!

ดังนั้นสองแขนเฟิ่งจิ่วจึงโอบคอเขา ซุกหน้าไปตรงซอกคอ กระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เอื่อยเฉื่อยและเหมือนจะออดอ้อนเล็กน้อย “ท่านอาไม่อยู่ข้างกาย ข้านอนไม่หลับเลย”

ร่างหลิงโม่หานแข็งทื่อทันใด ร่างกายเกร็งๆ ขึ้นมา เพียงเพราะสาวน้อยผู้น่ารังเกียจในอ้อมแขนพ่นลมหายใจรดซอกคอเขาอย่างตั้งใจและก็เหมือนไม่ตั้งใจ เสียงกระซิบชิดใกล้ราวลูกแมวนั้น ยิ่งทำให้เขาไฟลุกโชนอย่างง่ายดาย

เขารู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมา ในใจอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้ม นี่เขาหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้วหรือ? ไม่นึกเลยว่าตั้งแต่พบกับนางเขาก็สูญเสียการควบคุมตนเองที่ภาคภูมิใจเสมอมา สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดคือ สาวน้อยในอ้อมกอดยังเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเหนียมอาย

“ท่านอา รีบปล่อยข้าเถอะ! นี่เป็นชั้นหนึ่งนะขอรับ! คนมากมายเพียงนี้มองอยู่จะส่งผลเสียไม่น้อย”

สีหน้าของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด มองๆ หลิงโม่หานอย่างตกตะลึงและเหลือเชื่อ แล้วมองหนุ่มน้อยรูปงามที่ร่างมีกลิ่นอายทรงเสน่ห์น่าหลงใหล เวลานี้ ในที่สุดก็รู้ว่าทำไมที่ผ่านมาหลิงโม่หานถึงไม่ไว้หน้านางเลย!

ทะ ที่แท้ไม่ใช่เพราะนางไม่มีเสน่ห์ ไม่ใช่ว่านางไม่ดีพอ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ! ชอบแต่ผู้ชาย!

ส่วนอีกสี่คนที่ยืนข้างๆ กัน เมื่อเห็นนายท่านทั้งสองแสดงออกเช่นนี้ต่อหน้าคนมากมาย ในใจแต่ละคนต่างจนปัญญาอย่างยิ่ง เจ้านายสองคนนี้หยอกล้อกันไม่สนใจสายตาคนอื่น พวกเขาไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นสายตาแต่ละคู่ที่ทั้งแปลกใจและตื่นตะลึงรอบด้านกลับรู้สึกขนลุกซู่

“ไม่เป็นไร ข้าไม่สนใจหรอก” มือหนึ่งของเขาโอบกอดเฟิ่งจิ่ว อีกมือหนึ่งยกน้ำชาขึ้นจิบปกปิดรอยยิ้มตรงริมฝีปาก ถามอีกว่า “หิวน้ำหรือไม่?”

เห็นเขาถือถ้วยชาใบนั้นไว้ไม่วาง ซ้ำยังจ้องตรงมาที่เธอด้วยดวงตาคู่วาววับ มุมปากเฟิ่งจิ่วก็กระตุก ยิ้มเก้อเขิน “มะ ไม่หิวขอรับ” เธอไม่อยากดื่มถ้วยที่เขาเคยดื่ม

“คือว่า อะ อาจารย์หลิง จู่ๆ ข้านึกขึ้นได้ว่าที่บ้านมีธุระ ขะ ข้าไม่รบกวนพะ พวกท่านแล้ว” สุดท้ายหญิงสาวตรงหน้าทนดูต่อไปไม่ได้ ครั้นคิดถึงว่าชายที่ตัวเองหมายปองเป็นพวกรักร่วมเพศ ยามนี้นางจึงมีแม้แต่ใจคิดยอมแพ้เสียแล้ว

โชคดี โชคดีที่พบเสียตอนนี้ มิเช่นนั้นนางคงยังคิดอยู่ตลอดว่าจะตามหาเขาเช่นไร!

สองคนพากันหันมองหญิงสาวคนนั้นลุกหนีจากไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าดูไม่ได้ เฟิ่งจิ่วอึ้งไปสักพัก ก่อนส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ฮ่าๆๆ… ท่านอา ดูท่าทางคนที่ชอบพอท่านคนนี้จะไม่เท่าไรเลย!”

ขณะกำลังหัวเราะ ก็เห็นดวงตาดำลึกล้ำของชายหนุ่มมองมาอย่างเป็นประกาย มองจนเธอร้อนตัว ถามว่า “ทำ ทำไมหรือ?”

“เมื่อครู่ เหมือนเจ้าจะบอกว่าไม่มีข้าแล้วนอนไม่หลับ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือยิ้มหัว ยามนี้ในดวงตาคู่นั้นปรากฏรอยยิ้มและความอ่อนโยน แววตาอบอุ่นที่มีพลังสังหารมากล้นทำให้เฟิ่งจิ่วละสายตาออกอย่างไม่อาจมองตรงๆ แล้วเริ่มเสแสร้งแกล้งโง่

“หา? ใช่หรือ ทำไมข้าจำไม่ได้เลย?”

ตอนพูดก็ดิ้นรนอยากจะหนีจากอ้อมแขนเขา แต่กลับถูกแขนที่โอบเอวไว้กอดรัดแน่น ดิ้นไม่หลุดสักนิด เห็นเช่นนี้จึงทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ มองเขา “ท่านอา ท่านดูสิ ที่นี่เป็นชั้นหนึ่ง ทุกคนมองอยู่!”

แขกพวกนั้นได้ยินคำพูดของทั้งสองก็อดหัวเราะลั่นขึ้นมาไม่ได้ โบกมือให้รัวๆ “ไม่เป็นไรๆ พวกท่านต่อเถอะ พวกเราจะทำเป็นไม่เห็น”

………………………………………………….