บทที่ 267 กระสอบทราย
บทที่ 267 กระสอบทราย

“เฮอะ! กระจอกจริง ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเยาะเย้ยให้กับการพุ่งเข้ามาอย่างโง่เขลาของหลิ่วอวี้จิง

มดแมลงตัวนี้คิดว่าเทียบกับข้าได้?

“ปัง!!”

อวี้ฮ่าวหรานชกหมัดสวนออกไปปะทะเข้ากับหมัดของหลิ่วอวี้จิง ส่งให้อีกฝ่ายตัวลอยกระเด็นไกลออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด

มันไม่ใช่บ่อย ๆ ที่เขาจะได้เจอคนที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกหัวหน้าสาขาของแก๊งต่าง ๆ ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงไม่ได้ใช้พลังวิญญาณผสานกับหมัดตัวเอง แต่ใช้เพียงแค่พลังกายเพียงอย่างเดียวในการสู้กับฝั่งตรงข้ามเพื่อลับฝีมือของตัวเองด้วย

หลิ่วอวี้จิงไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งจนส่งเขาตัวลอยกระเด็นมาได้ขนาดนี้ เขาทั้งตกตะลึงและเจ็บปวดที่หมัดของตัวเองเจ็บแทบอยากจะกรีดร้องแต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ เพราะมันจะเสียหน้าเป็นอย่างมาก ถ้าแค่การปะทะครั้งแรกแล้วเขาร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด

“น…นี่แกอยู่ในระดับก่อรากฐานแล้วงั้นเหรอ??”

หลังจากตั้งหลักได้แล้ว หลิ่วอวี้จิงเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก หากอีกฝ่ายอยู่ในระดับก่อรากฐาน คงไม่มีหวังที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้!

“หึหึ ระดับพลังของฉัน มดอย่างแกวัดไม่ได้หรอก”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยน้ำเสียงดูถูกก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหลิ่วอวี้จิง อย่างฉับพลัน…

ในขณะเดียวกัน หลิ่วอวี้จิงได้สำรวจความเสียหายของร่างกายตัวเองเสร็จแล้วก็ต้องประหลาดใจว่าการปะทะเมื่อครู่ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ดังนั้นจึงเข้าใจไปว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่น่าจะมีระดับเหนือกว่าตัวเอง

เมื่อกี้ตัวเขาน่าจะแค่ประมาทมากไปหน่อยเลยถูกแรงปะทะกระแทกกระเด็นออกมาไกล…

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง

“ฮึ่ม! ฉันไม่เชื่อว่าแกจะแข็งแกร่งมากกว่าฉัน!”

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ปะทะกันอีกหน

“โครม!!”

คราวนี้หลังจากที่ปะทะ ร่างของหลิ่วอวี้จิงกระเด็นถอยไปไกลจนชนเข้ากับฝูงชนที่ดูอยู่ด้านข้าง!

สิ่งนี้ทำให้บรรดาสมาชิกแก๊งวาฬยักษ์มองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาตื่นตระหนก

หรือว่าหัวหน้าของพวกเขาจะอ่อนแอกว่าอวี้ฮ่าวหรานจริง ๆ? ปะทะกันสองรอบแล้วผลลัพธ์มันก็ยังเหมือนเดิมเลย…

“แค่ก ๆ ถอยออกไปให้พ้นตัวฉัน!”

หลิ่วอวี้จิงโบกมือไล่คนของตัวเองที่พยายามเข้ามาช่วยพยุงตัวของเขา พร้อมกับยังมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาอาฆาตแค้น เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะยังได้เปรียบเขาอยู่อีก!

อย่างไรก็ตาม ภาพเหตุการณ์ต่อมามันก็ยิ่งทำให้พวกแก๊งวาฬยักษ์ตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิมเพราะการปะทะกันรอบที่สาม หัวหน้าของพวกเขาก็กระเด็นกลับมาอีก!

“นี่มัน…นี่มันเป็นไปได้ยังไง? หัวหน้าแก๊งสู้ไอ้หนุ่มนั่นไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกัน!”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้! คนอายุแค่นั้นจะสู้กับหัวหน้าเราได้ยังไง?”

“…”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนทึ่งยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาทั้งหมดมองการเคลื่อนไหวของอวี้ฮ่าวหรานไม่ทันเลย พวกเขาแค่เห็นภาพเบลอ ๆ ของร่างอวี้ฮ่าวหรานแวบไปแวบมา และหลังจากนั้น หลิ่วอวี้จิงก็กระเด็นไปทางโน้นทีทางนี้ทีราวกับลูกบอล

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน ชายหนุ่มไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย เพราะความเร็วจากร่างเทวะของเขาแค่อย่างเดียวมันก็เร็วจนคนธรรมดามองตามกันไม่ทันแล้ว

ขณะนี้ หลิ่วอวี้จิงทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย ทำได้แต่เอาแขนป้องกันจุดสำคัญของร่างกายตัวเองเพราะเขาตามความเร็วของอวี้ฮ่าวหราน ไม่ทัน เขาโดนอัดอยู่เรื่อย ๆ ราวกับเป็นกระสอบทรายซึ่งมันเป็นภาพที่ดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก

ยิ่งนานไป หลิ่วอวี้จิงก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เขาก็ยิ่งอึ้งทึ่งและหวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหราน

ไอ้เด็กนี่มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?

มันดูไม่ใช่ผู้บ่มเพาะระดับก่อรากฐานเพราะการโจมตีมันไม่ได้มีพลังวิญญาณแฝงอยู่เลย แต่มันเร็วกว่าฉันคนนี้มากกว่าสองเท่าได้ยังไง?

ในทางกลับกัน ขณะที่หลิ่วอวี้จิงรู้สึกสิ้นหวัง อวี้ฮ่าวหรานกลับรู้สึกเบิกบานเป็นอย่างมาก มันมีโอกาสน้อยมากที่เขาจะได้เจอคนที่เขาสามารถอัดได้อย่างสบายใจและได้ลองพละกำลังของร่างเทวะเขาได้แบบนี้

“ฮ่าฮ่า! เอาไปอีก!”

หลังจากหัวเราะ อวี้ฮ่าวหรานก็ชกไปอีกครั้งที่ลำตัวของหลิ่วอวี้จิง จนร่างของอีกฝ่ายลอยกระเด็นไปไกลถึงสิบเมตร!

“พ…พอแล้ว ฉันยอมแพ้!”

เมื่อคิดว่าตัวเองสู้ไม่ได้แน่ หลิ่วอวี้จิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้

ขืนเขาสู้ต่อไปมันก็มีแต่จะขายขี้หน้ามากกว่าเดิมเปล่า ๆ เขายอมกัดฟันขายขี้หน้าแค่นี้พอจะดีกว่า!

เมื่อได้ยินคำประกาศยอมแพ้ของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างดูถูกและเอ่ยถาม

“ยอมแพ้แล้วเหรอ? อย่าเพิ่งสิ ฉันยังไม่หนำใจเลย!”

เขาเสียดายที่จะไม่ได้เล่นกับกระสอบมนุษย์คนนี้อีก

“เออ! ฉันยอมแพ้!”

เมื่อเห็นสีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานที่อยากจะอัดเขาต่อเต็มแก่ หลิ่วอวี้จิง จึงรีบเอ่ยยอมแพ้อย่างชัดเจนขึ้นมาอีกที

ฉันคงปัญญาอ่อนแน่ ๆ หากยอมให้แกอัดฉันต่ออีก!

“เอาล่ะ ในเมื่อแกยอมแพ้ถ้างั้นก็ส่งตัวกัวหย่งซินมาให้ฉันซะ ไม่งั้นฉันอัดแกต่อแน่!”

เนื่องจากว่าอีกฝ่ายยอมแพ้เรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีกให้มากมาย เขาเอ่ยเข้าเรื่องปัญหาบริษัทของเขาทันที

“เฮ้ หลิ่วอวี้จิง ในเมื่อแกยอมแพ้แล้วก็จงทำตามที่น้องอวี้ของฉันบอกแต่โดยดี ไม่งั้นฉันบอกเอาไว้เลยว่าแกจะได้เจ็บตัวเพิ่มแน่โดยที่ลูกน้องของแกก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฮ่า ๆ!”

โจวเฟยหู่เอ่ยขึ้นแทรกด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

ตอนนี้เขารู้สึกเบิกบานเป็นอย่างมากที่ได้เห็นหลิ่วอวี้จิงโดนอัดจนสิ้นท่าแบบนี้

หลิ่วอวี้จิง เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน เขาก็ครุ่นคิดอย่างหนักทันที

ให้พูดตามตรงคือเขาไม่อยากจะส่งตัวกัวหยิงซินให้กับอวี้ฮ่าวหราน แม้แต่นิด เพราะที่ผ่านมา กัวหย่งซินช่วยสนับสนุนเงินทุนให้กับแก๊งของเขาอย่างมหาศาล ดังนั้นถ้าไม่มีกัวหย่งซิน แก๊งของเขาจะขาดนายทุนสนับสนุนรายใหญ่ไปในทันที

นี่ถือว่าเป็นความเสียหายใหญ่ต่อแก๊งของเขา

แต่เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้แน่นอน และคนของแก๊งพยัคฆ์เวหาก็อยู่ที่นี่ด้วยในจำนวนที่พอ ๆ กัน ดังนั้นเขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเช่นกัน

การจะเข้าไปฆ่าพยานมันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว…

“ก็ได้! ในเมื่อฉันหลิ่วอวี้จิงแพ้แล้ว ฉันจะพาพวกของฉันกลับไปเดี๋ยวนี้!”

“เดี๋ยวก่อน!”

ในขณะเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานก้าวออกมาขวางหลิ่วอวี้จิงเอาไว้

“แกต้องการอะไรอีก?”

หลิ่วอวี้จิงตั้งท่าเตรียมพร้อมทันทีเมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาขวาง

“แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง? ฉันบอกว่าฉันต้องการตัวกัวหย่งซิน! ถ้าแกไม่บอกที่อยู่ตอนนี้ของมันให้กับฉัน แกก็อย่าหวังว่าจะได้จากไปไหน!”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นทวงถามอีกรอบด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามจะเล่นตุกติกจากไปโดยที่ไม่ยอมบอกข้อมูลแก่เขาก่อน

“อย่าบีบคั้นกันให้มากไปนักนะโว้ย!”

“ก็ได้ ถ้าแกยังไม่ยอมบอก งั้นฉันจะอัดแกอีกรอบจนแกคายข้อมูลออกมา แกต้องการแบบนั้นใช่ไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้อีกก้าวเพื่อกดดัน

“ฮึ่ม! ก็ได้!”

ท้ายที่สุด หลิ่วอวี้จิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมบอกและหลังจากนั้นเขาก็รีบพาลูกน้องทั้งหมดของตัวเองจากไปอย่างรวดเร็ว…

หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็บอกให้โจวเฟยหู่ พาสมาชิกแก๊งพยัคฆ์เวหากลับไป ส่วนตัวเขาก็ขับรถไปยังที่ซ่อนตัวของกัวหย่งซิน

ไอ้อ้วนนั่นสร้างปัญหาให้เขามากพอแล้ว มันถึงเวลาที่ต้องจัดการมันสักที!

ที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปราวครึ่งชั่วโมง

ขณะนี้ กัวหย่งซินกำลังนั่งอยู่ในห้อง VIP กับเผิงอิงอิง

“คุณกัว คุณแน่ใจเหรอว่าจะจัดการกับอวี้ฮ่าวหรานได้ในวันนี้?”

“อวี้ฮ่าวหราน? ฮ่า ๆ เธอมั่นใจได้เลย ไอ้หนุ่มนั่นมันไม่มีวันอยู่รอดได้ถึงพรุ่งนี้แน่!”

แต่ในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ พวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเขากำลังพูดถึงนั้นได้มายืนอยู่หน้าห้องเรียบร้อยแล้ว!

เมื่อได้ยินเสียงนินทาตัวเองจากด้านใน อวี้ฮ่าวหรานก็แค่นยิ้มอย่างเย็นชาก่อนที่จะถีบประตูอย่างแรง!